อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1168 อาวุธวิเศษที่อี้เฉินเฟยทิ้งไว้
พริบตาเดียวเจ็ดคนก็ออกไปแล้วสี่คน
และอีกสามคนที่เหลือ อาศัยแค่กู้ชูหน่วนคนเดียวไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางใช้หนึ่งคนสู้กับสามคนได้
เจ้าบ้านไป๋หลี่กล่าว “ยังมีลูกไม้ไหนอีกก็ใช้ออกมาให้เต็มที่เถอะ ข้าก็อยากดูซิว่ายังจะมีใครจะสามารถช่วยเจ้าได้อีก”
“ยังมีพวกเรา”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูด กระทิงไฟเก้าเขา เจ้าสิงโตน้อย ราชางูเห่าและสัตว์อสูรระดับสูงอื่นๆก็ต่างพากันปรากฏตัวขึ้น
บนร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยเลือด บนลำตัวมีบาดแผลมากบ้างน้อยบ้าง ดูออกว่าได้เผชิญกับการต่อสู้อันดุเดือดมาก่อนรอบหนึ่งแล้ว
สุดยอดผู้อาวุโสหัวเราะเยาะคำหนึ่ง “อาศัยพวกเจ้า? ก็แค่สิ่งมีชีวิตระดับต่ำกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”
กระทิงไฟเก้าเขากล่าว “สู้กับพวกท่านสามคนน่ะ พวกเราสู้ไม่ได้ก็จริง ดังนั้นพวกเราจึงเลือกที่จะร่วมมือกันต่อสู้กับคนใดคนหนึ่งในพวกท่าน”
“อวดดี ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเจ้าทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้บาดเจ็บ ข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าก็ง่ายดายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ ศิษย์พี่ เจ้าบ้าน สองคนนี้มอบให้ข้าละกันขอรับ”
“ได้”
เมื่อเห็นว่ากระทิงไฟเก้าเขาและสัตว์อสูรตัวอื่นๆต้องการจะสู้กับสุดยอดผู้อาวุโสผู้นั้น กู้ชูหน่วนก็กล่าวเตือนเบาๆ “ระวังหน่อย ตระกูลไป๋หลี่เชี่ยวชาญการคุมสัตว์ ยากที่จะรับประกันได้ว่าเขามีวิชาการคุมสัตว์”
“วางใจเถอะ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเรามีคนมากมายขนาดนี้ จะจัดการตาแก่หนังเหนียวคนหนึ่งอย่างเขาไม่ได้ มีความสามารถพวกก็ไปสู้กันข้างนอก”
“หึ จะคอยรับมือด้วยความยินดี”
ฉึบฉึบฉึบ…
สุดยอดผู้อาวุโสกับกระทิงไฟเก้าเขาและคนอื่นๆทยอยออกไป เขตต้องห้ามอันกว้างใหญ่เหลือเพียงกู้ชูหน่วนกับเจ้าบ้านไป๋หลี่และสุดยอดผู้อาวุโสไป๋หลี่หมิงเยียน
เจ้าบ้านไป๋หลี่เหลือบมองกู้ชูหน่วนเหมือนดั่งชำเลืองมองเหยื่อตัวหนึ่งที่รอการสังหารเช่นนั้น
“ยังจะมีผู้ช่วยอะไรอีก เรียกออกมาพร้อมกันเถอะ ไม่เช่นนั้น…..”
“ไม่มีแล้ว มีเพียงข้าคนเดียวแล้ว”
“เจ้าคนเดียวต่อกรกับพวกข้าสองคนรึ?”
“ทำไม ไม่ได้หรือไง?”
“ตั๊กแตนห้ามรถ ไม่รู้จักประมาณตัว”
กู้ชูหน่วนติดกระดุมแขนเสื้อ เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ครั้งใหญ่
คนที่เพิ่งจะเข้าสู่ระดับสี่ต่อกรกับขั้นสูงสุดระดับห้ากับคนที่อาจจะเป็นระดับหก นี่คือสงครามใหญ่แห่งความเป็นความตายโดยไร้ข้อกังขา
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่คิดว่านางจะสามารถชนะได้
แม้ว่าจะเป็นนางเอง นางก็ไม่มีความคิดว่าจะชนะได้เลยสักนิด
นางอยากสังหารไป๋หลี่ป้า
อยากทำลายทั้งตระกูลไป๋หลี่
เจ้าบ้านไป๋หลี่และไป๋หลี่หมิงเยียนก็อยากที่จะสังหารนางยิ่งกว่า แย่งชิงวิญญาณดวงนั้นที่เป็นของพวกเขาไป
ถึงกระทั่ง…ยังหาวิญญาณได้มากยิ่งกว่าด้วย
เจ้าบ้านไป๋หลี่กล่าว “ท่านบรรพบุรุษ แค่เด็กสาวตัวเล็กๆผู้หนึ่งเท่านั้นไม่กล้าลำบากให้ท่านลงมือ มอบนางให้ข้าจัดการเถอะขอรับ”
ไป๋หลี่หมิงเยียนพยักหน้า
แค่ระดับสี่ตัวเล็กๆ เขาไม่ได้แยแสโดยสิ้นเชิง แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์แข็งแกร่งเพียงใด ก็กระตุ้นระลอกคลื่นในหัวใจของเขาไม่ได้
และหากว่าไป๋หลี่ป้าจะสู้ไม่ได้แม้แต่เด็กสาวตัวเล็กแค่นี้ละก็ เขาก็ไม่ต้องเป็นเจ้าบ้านตระกูลไป๋หลี่แล้ว
“นังเด็กบ้า จะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย มอบวิญญาณและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีออกมา ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนที่มาถึงโลกใบนี้”
ได้ยินว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี ดวงตาของไป๋หลี่หมิงเยียนก็เป็นประกายทันที ราวกับว่าสนใจดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีเป็นที่สุด
“ชั่วชีวิตนี้ของข้าเกลียดการที่คนอื่นมาข่มขู่ข้าเป็นที่สุด และการข่มขู่ของตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าก็ไม่มีค่าแล้ว”
เมื่อกู้ชูหน่วนแบมือออก ขลุ่ยหยกสีเขียวมรกตทั้งอันก็ปรากฏขึ้นในมือ
ไม่รู้ว่าขลุ่ยหยกทำมาจากวัสดุอะไร แผ่กระจายชี่ทิพย์ออกมาทั้งอันอยู่รางๆ
ความโลภแวบผ่านในดวงตาของเจ้าบ้านไป๋หลี่
“นังหนู เจ้ามีของล้ำค่าอยู่มากมายจริงๆ”
ไป๋หลี่หมิงเยียนเหลือบมองไปที่ขลุ่ยหยก แววตามีความหนักหน่วงและไม่เข้าใจเล็กน้อย รู้สึกได้รางๆว่าขลุ่ยหยกอันนี้ผิดแผกไปจากของธรรมดา
ทันใดนั้น ทั้งตัวของเขาสั่นสะท้านอย่างฉับพลัน ตะโกนเสียงดังว่า “ระวัง”
ไป๋หลี่หมิงเยียนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วเพียงใดก็สายไปแล้ว
เห็นเพียงกู้ชูหน่วนบูชาขลุ่ยขึ้น ปกคลุมไปยังเจ้าบ้านไป๋หลี่
เพียงแค่ขลุ่ยหยกธรรมดาอันหนึ่งในเดิมที แต่กลับแผ่กระจายอำนาจอันน่าเกรงขามที่สามารถทำลายล้างโลกออกมาได้
ขลุ่ยหยกก่อตัวเป็นเกราะปราณพลังชั้นหนึ่ง ครอบคลุมไป๋หลี่ป้าไว้โดยตรง
เมื่อไป๋หลี่ป้าได้ยินคำพูดของไป๋หลี่หมิงเยียน ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี เขาใช้หมัดโจมตีเกราะปราณพลังอย่างต่อเนื่องโดยสัญชาตญาณ คิดจะต่อสู้ให้หลุดออกมา แต่ไม่ว่าอย่างก็ถล่มไม่ได้
ประมาท….
เขาประมาทเกินไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่าขลุ่ยหยกอันเล็กๆอันหนึ่งจะมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้