ฉีหยุนนั้นได้แต่ผงะหลังไปเพราะตัวเขานั้นไม่คาดคิดว่าข้อเสนอของเขานี้นอกจากมันจะไม่ทำให้เย่หยวนเกรงกลัวใด ๆ แล้วมันกลับทำให้เย่หยวนแสดงสีหน้าราวหมาป่าหิวโหยออกมาแทน
สายตาเช่นนั้นของเย่หยวนมันทำให้เขาหวาดหวั่นอย่างมาก
เมื่อถูกเย่หยวนถามกลับมาเช่นนั้นตัวเขาก็ได้แต่ยื่นแข็งทื่อไป
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในการพนัน ทั้งสองฝ่ายก็ย่อมจะต้องนำสินพนันที่มีค่าเทียบเคียงกันได้ออกมา
และสมบัติใดที่จะเทียบเคียงกระดูกจักรพรรดิกิเลนได้นั้น ต่อให้เผ่ากิเลนจะมีมันอยู่ แต่ตัวเขาย่อมจะไม่มีสิทธินำมันออกมาใช้ได้
“หึ ช่างกล้าจริง ๆ! เจ้าคิดว่าตัวเองแค่ได้ชื่อรองมหาปราชญ์ก็จะเก่งกาจเหนือฟ้าดิน? เทพสวรรค์ผู้นี้ขอท้าและใช้สินพนันเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุด ขวดหยกสุทธิเพลิงแท้ ที่สามารถช่วยให้ผู้มีสายเลือดกิเลนเปิดใช้พลังทักษะเทวะภายใน หยกสุทธิเพลิงแท้ออกมาได้! ในเมื่อตอนนี้เจ้ามีกระดูกจักรพรรดิกิเลนอยู่ในมือแล้ว เจ้าเองก็น่าจะเข้าใจและรู้ถึงทักษะเทวะภายในนี้ได้! ข้าขอใช้ของสิ่งนี้เป็นสินพนันกับกระดูกจักรพรรดิกิเลนของเจ้า!” ฉีเฉินร้องบอก
เมื่อคำพูดนั้นถูกกล่าวทางฉีโหยว ฉีหยุนต่างหน้าซีดขาวลงทันที
“ผู้อาวุโสเฉิน ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้นะ! ขวดหยกสุทธิเพลิงแท้นี้มันเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าเรา! เอามันออกมาใช้เป็นสินพนันเช่นนี้จะทำได้อย่างไร?” ฉีหยุนถามขึ้นด้วยใบหน้าขาวซีด
ตอนนี้แม้แต่ทางซินหลัวเองก็ยังต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะร้องเตือนขึ้น “นี่พี่เฉินทำเกินไปหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าเทพสวรรค์ผู้สูงส่งของทางเผ่ากิเลนเคยใช้ทักษะเทวะภายในของขวดหยกสุทธิเพลิงแท้นี้ออกมาจนทำให้เขาเก่งกาจพอถึงขั้นจะรับมือจักรพรรดิเทพสวรรค์เผ่ามนุษย์ได้! สมบัติที่ล้ำค่าปานนั้นท่านกลับจะเอามันออกมาใช้เป็นสินพนันหรือ?”
ฉีเฉินหัวเราะตอบกลับไป “ใช่! แต่…ตัวเทพสวรรค์ผู้นี้มั่นใจในวิชาโอสถของฉีเจิ้นอย่างมาก ข้าจะให้เจ้ารองมหาปราชญ์นี้ได้รู้เองว่ามันเป็นแค่กบในกะลาแค่ไหน!”
เย่หยวนเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน “ได้ ข้ารับคำท้าพนันนี้!”
เขานั้นย่อมจะรู้ถึงทักษะเทวะภายในนี้ เพราะนี่มันคือทักษะเทวะภายในที่ต้องก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่อนจึงจะสามารถปลดปล่อยออกมาได้ แน่นอนว่ามันย่อมมีพลังมหาศาล
ตราบเท่าที่ถูกใช้ออกมาอย่างถูกต้อง มันจะมีพลังต้านทานฟ้าดิน!
หยกสุทธิเพลิงแท้นี้มันแตกต่างจากกิเลนฟ้ากลืนมิติอันต่ำต้อยไปมาก เพราะหากมันถูกใช้ออกมาแม้แต่เย่หยวนที่เก่งกาจด้านแนวคิดแห่งห้วงมิติก็คงไม่อาจจะหลบรอดจากมันไปได้
ตราบเท่าที่ตัวเขาสามารถนำเอาขวดหยกสุทธิเพลิงแท้มาไว้ในมือได้ เย่หยวนก็ย่อมจะได้ไม้ตายอันใหม่ขึ้นมาใช้และเพิ่มพลังขึ้นไปได้อีกมหาศาล
การที่มันเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนั้นมันย่อมจะหมายความว่านี่คือสุดยอดสมบัติชิ้นหนึ่งในมหาพิภพถงเทียนนี้
หากวัดกันที่แค่คุณค่าแล้ว มันคงไม่ได้ด้อยไปกว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนเลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเย่หยวนที่ได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนมานี้ หากเขาได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ชิ้นนี้มาอีกมันคงเหมาะมือเขาพอดี
ส่วนเรื่องของเจ้าฉีเจิ้นใด ๆ นั้นตัวเขาย่อมไม่คิดจะสนใจ
ในมหาพิภพถงเทียนนี้หากไม่ใช่จอมเทพโอสถแปดดาวแล้ว มันก็คงมีคนไม่มากมายที่จะมีเต๋าโอสถเหนือล้ำไปกว่าเขา
“หึ! หัวเราะไปก่อนเถอะ เดี๋ยวไม่นานจะได้ร้องไห้!” ได้เห็นท่าทีมั่นใจนั้นของเย่หยวน ฉีเฉินก็ได้กล่าวขึ้นและเดินจากหายไป
“เมื่อถึงเวลา คนที่จะร่ำร้องมันคงเป็นเจ้า” เย่หยวนยิ้มตอบ
…
เมื่อกลับมาถึงที่พักเย่หยวนก็ได้เข้าสู่การเก็บตัวเริ่มทำการหลอมโอสถทันที
“อาจารย์ ท่านจะใช้สมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้หลอมโอสถใดหรือ? ข้าคิดไม่ออกเลย” กู้หงถามขึ้นพร้อมจ้องมองดูกองสมุนไพรตรงหน้าอย่างสงสัย
สำหรับตัวกู้หงที่เป็นถึงจอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้น สูตรโอสถศักดิ์สิทธิ์หกดาวที่เขารู้จักมันย่อมจะมีจำนวนมากมายมหาศาลจนถามหาสูตรที่เขาไม่รู้จักยังจะง่ายกว่า
แต่สมุนไพรกองตรงหน้านี้ที่เย่หยวนเตรียมไว้มันกลับไม่อาจจะทำให้เขานึกถึงสูตรโอสถใด ๆ ได้ไม่ว่าจะนั่งคิดอยู่นานแสนนานสักแค่ไหน
เย่หยวนจึงหันมายิ้มตอบ “แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะไม่รู้จักมัน เพราะสูตรโอสถนี้มันเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้น มันมีนามว่าโอสถเร่งมิติยอดวิญญาณ”
กู้หงถึงกับต้องเบิกตากว้างก่อนจะถามขึ้น “โอสถ…โอสถที่อาจารย์คิดขึ้นเอง? เช่นนั้น… หากเทียบมันกับโอสถผงเลือนชะตาเล่า?”
เย่หยวนถามกลับมา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
กู้หงหันไปมองกองโอสถตรงหน้าก่อนจะตอบขึ้นด้วยท่าทางไม่มั่นใจ “หากหลอมขึ้นด้วยสมุนไพรทั้งหลายนี้ มันคงมีผลประมาณสองเท่าของโอสถผงเลือนชะตาใช่หรือไม่?”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบไป “หากมันแค่สองเท่าข้าจะมาเหนื่อยนั่งคิดหรือ? หากหลอมมันออกมาในคุณภาพระดับเดียวกับโอสถผงเลือนชะตาแล้ว โอสถเร่งมิติยอดวิญญาณนี้จะมีฤทธิ์เหนือกว่าถึงห้าเท่า”
“ห-ห้าเท่า? อ-อาจารย์ นี่มัน…นี่มัน…” กู้หงเบิกตากว้างขึ้นพร้อมปากที่สั่นจนพูดกล่าวไม่ถูกคำ
เย่หยวนย่อมจะเข้าใจว่าเหตุใดกู้หงจึงตกตะลึงเช่นนั้น เพราะหากสูตรโอสถนี้มันถูกนำออกไปวางยังโลกภายนอกแล้วมันคงได้กลายเป็นเพลิงร้ายที่เผาผลาญทั้งมหาพิภพถงเทียนลง เปลี่ยนให้กลายเป็นสภาพสงครามรอบด้านอย่างไม่ต้องสงสัย
บางทีมันอาจจะทำให้แม้แต่โอสถบรรพกาลต้องหันมาสนใจ
การพัฒนาสูตรโอสถทั่วไปนั้นมันย่อมจะเพิ่มประสิทธิภาพไปไม่เกินหนึ่งในสิบจากฤทธิ์เดิม
หากเอาโอสถเร่งมิติยอดวิญญาณนี้ไปเทียบกับเหล่าสูตรโอสถที่เย่หยวนนำมันออกมาใช้ในสงครามการค้าโอสถแดนใต้นั้น โอสถทั้งหลายนั้นมันย่อมจะเป็นได้แค่ขยะ
แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้มันย่อมจะทำให้กู้หงไม่อาจจะพูดกล่าวใด ๆ ออกมาได้
เย่หยวนที่สร้างสูตรโอสถสะท้านฟ้าเช่นนี้ขึ้นมาได้ เช่นนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขานั้นไม่ได้มีแค่สูตรโอสถนี้เพียงชนิดเดียว?
หากสูตรโอสถนี้ถูกเปิดเผยออกไปสู่โลกภายนอกแล้วมันคงได้เกิดสงครามแย่งชิงกันทั่วมหาพิภพถงเทียนแน่
เพราะคุณค่าของโอสถสูตรนี้มันมากล้นเกินไป!
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่ามันก็คือเย่หยวนผู้สร้างสูตรนี้!
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปเย่หยวนย่อมจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีอันตรายรุมล้อมรอบด้าน
ผู้ที่สามารถสร้างโอสถที่มีฤทธิ์แรงกว่าโอสถมาตรฐานได้ถึงห้าเท่า มันย่อมจะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ล้ำฟ้าเหนือสวรรค์
และมันก็เพราะเช่นนั้นเองที่เย่หยวนได้เงียบปากไม่เคยบอกเรื่องราวนี้ต่อคนนอก
กู้หงนั้นได้พิสูจน์ความภักดีไปแล้วทำให้เย่หยวนไม่คิดกับเหมือนเขาเป็นคนนอกอีกจึงได้เผยเรื่องราวของโอสถเร่งมิติยอดวิญญาณนี้ให้ฟัง
“หึ ๆ เจ้าก็เข้าใจดีนี่ อย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใครเสียเล่า” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
กู้หงนั้นได้แต่ตอบกลับด้วยการยกมือขึ้นสูงชี้ฟ้าและทำการสาบานต่อเต๋าสวรรค์ทันที
เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าพอใจ
เพราะเรื่องราวในครั้งนี้มันยุ่งยากซับซ้อน การที่กู้หงทำอะไรออกมาอย่างหนักแน่นเช่นนี้มันย่อมจะช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก
การสาบานต่อเต๋าสวรรค์นี้กู้หงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจใด ๆ แม้แต่น้อย กลับกันเขานั้นรู้สึกได้ถึงความไว้ใจที่อาจารย์มีต่อตนจนรู้สึกดีใจขึ้นมาแทน
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะได้รับรู้เรื่องราวสนั่นโลกาเช่นนี้?
กู้หงนั้นได้แต่คิดในใจว่าตนนั้นคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ละทิ้งทุกอย่างในชุมเก้าสายแล้วออกเดินทางติดตามอาจารย์คนนี้มา!
เมื่อการหลอมโอสถเริ่มขึ้น กู้หงก็ยิ่งตกตะลึงไปทั้งใจอย่างหนักหน่วงกว่าที่เคย
เพราะการหลอมโอสถเร่งมิติยอดวิญญาณนี้มันสุดแสนซับซ้อนและยังต้องใช้วิชาการหลอมอันเหนือล้ำ เขาไม่เคยจะได้พบเห็นการหลอมเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
กู้หงนั้นย่อมจะรู้ดีว่าความเร็วการหลอมโอสถของเย่หยวนนั้นรวดเร็วปานใดและยังสามารถหลอมออกมาได้ทรงคุณภาพ
แต่เจ้าโอสถศักดิ์สิทธิ์หกดาวชนิดนี้มันกลับกินเวลาเย่หยวนไปถึงหนึ่งวันเต็ม
“ที่แท้นี่คือฝีมือที่แท้จริงของท่านอาจารย์!” เมื่อเย่หยวนหลอมมันจนสำเร็จกู้หงก็ได้ร้องขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม
เขานั้นเคยเห็นเย่หยวนลงมือหลอมโอสถมานักต่อนัก ทั้งยังเคยประลองกับเย่หยวนมาก่อน
แต่วิชาโอสถที่เย่หยวนแสดงออกมาต่อสายตาคนภายนอกนั้นมันเป็นแค่ส่วนปลายยอดของที่เขามี
และเจ้าโอสถเร่งมิติยอดวิญญาณนี้เองที่มันได้แสดงให้เห็นถึงวิชาโอสถที่แท้จริงของเย่หยวน!
เป็นเวลานี้เองที่กู้หงได้เริ่มเข้าใจว่าตนนั้นไม่ได้เข้าใจเต๋าโอสถใด ๆ เลย
และมันก็เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่าแล้วจริง ๆ ที่ได้ติดตามเย่หยวน
หลังจากเย่หยวนปรับลมหายใจไปพักใหญ่เขาก็เปิดปากพูดขึ้น “เก็บเกี่ยวความรู้ไปได้มากมายเท่าใด?”
กู้หงจึงก้มหัวตอบกลับไป “ราวกับว่าได้เห็นแสงจันทร์ในคืนที่มืดมิดทีเดียว!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “เจ้าเองก็เป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาว และในเวลานี้เจ้าเองก็ได้อยู่ใกล้กับยอดเต๋าแล้ว เมื่อใดที่อาจารย์เจ้าจะหลอมโอสถอีกเจ้าก็คงตามดูมันให้ดีเถอะ”
กู้หงยิ้มร่าขึ้นมาอย่างสุดซึ้งใจ “ขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก!”
การหลอมโอสถนี้มันใกล้เคียงกับเต๋าอย่างมาก คนทั่ว ๆ ไปย่อมจะไม่อาจพบเจอประสบการณ์เช่นนี้ได้ชั่วชีวิต แต่โอสถกาสที่เขาได้นี้มันยิ่งใหญ่ปานใด? มีหรือที่กู้หงจะไม่ตื่นเต้นสุดหัวใจ?
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจ้าออกไปได้แล้ว ตอนนี้อาจารย์เจ้าจะเริ่มเก็บตัวอย่างแท้จริง”
กู้หงก้มหัวรับอย่างเคารพและเดินถอยออกจากห้องไป
การได้เห็นเย่หยวนหลอมโอสถในระยะใกล้เช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ตอนนี้แม้แต่พลังจิตศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวของเขามันก็แทบไม่อาจจะอดทนรับไว้ได้อีก
ตอนนี้เขาต้องการการพักผ่อนอย่างมากและยังต้องเอาเวลาที่เหลือไปทบทวนวิเคราะห์สิ่งที่ได้เห็นตลอดวันนี้
หลังจากนั้นครึ่งเดือนมันก็เกิดคลื่นพลังรุนแรงขึ้นในห้องลับหนึ่ง
ในที่สุดเย่หยวนก็ได้บรรลุขึ้นถึงอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดเจ็ดดาว!
……………