บทที่ 1010 จิตใจคนเจ้าเล่ห์คดโกงมาโดยตลอด + ตอนที่ 1011 เก็บค่าเช่า

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1010 จิตใจคนเจ้าเล่ห์คดโกงมาโดยตลอด + ตอนที่ 1011 เก็บค่าเช่า โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1010 จิตใจคนเจ้าเล่ห์คดโกงมาโดยตลอด

เหมยเหมยพูดไม่กี่ประโยคก็บอกปัดหานป๋อหย่วนไปก่อนวางสายทันที เหยียนซินหย่าเดินออกมาจากห้องครัวถามเธอว่าใครโทรมา

“หานป๋อหย่วน ชวนหนูออกไปเที่ยวแต่หนูปฏิเสธไป” เหมยเหมยเองก็ไม่ปิดบัง

เหยียนซินหย่ามุ่นคิ้ว เธอรู้ดีว่าหานป๋อหย่วนมีแผนอะไรในใจ แน่นอนว่าหานป๋อหย่วนนั้นยอดเยี่ยมแต่มีไข่มุกอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตรงหน้า ต่อให้หานป๋อหย่วนใส่เสื้อไหมทองเธอก็ไม่สนใจ

“ลุกคุยกับหานป๋อหย่วนดี ๆ อย่าดุขนาดนี้ ยังไงก็หลานของป้าสะใภ้สองของลูก” เหยียนซินหย่าเกลี้ยกล่อมเสียงอ่อนโยน

“ไม่ดุจะได้เหรอ? หานป๋อหย่วนนี่หมาชัด ๆ แค่ให้เขาเห็นดีด้วยหน่อยก็ส่ายหางวิ่งเข้ามาแล้ว น่ารำคาญจะตาย!”

เหมยเหมยแลบลิ้นใส่เหยียนซินหย่าแล้ววิ่งไปชั้นบน ไม่อยากพูดถึงหานป๋อหย่วนอีก

ตกดึกเหยียนซินหย่าพูดถึงหานป๋อหย่วนให้จ้าวอิงหัวฟัง ยิ้มกล่าว “ฉันรู้ทันความคิดของพี่สะใภ้สองนะ จะว่าไปหานป๋อหย่วนก็ไม่เลว เรียนดีมีการศึกษา แต่ฉันก็ชอบเหยียนหมิงซุ่นมากกว่า ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้อยู่ในค่ายทหารเป็นยังไงบ้างแล้ว!”

เหยียนซินหย่ายังไม่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนชิง เธอรู้แค่ว่าเหยียนหมิงซุ่นไปเป็นทหารตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนและดูเหมือนจะไปได้ดีในค่ายทหารไม่น้อย มีอนาคตที่ยาวไกล ซึ่งทำให้เหยียนซินหย่าพอใจต่อเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเดิม

แม้จ้าวอิงหัวปากจะบอกว่ารังเกียจเหยียนหมิงซุ่นบ่อย ๆ แต่ความจริงในใจเขาก็ยอมรับเหยียนหมิงซุ่นตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะสามปีมานี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับของเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งไม่ลังเลใจ

เหยียนหมิงซุ่นดีต่อลูกสาวและยังปกป้องลูกสาวเขาได้ เขาไม่ใช่คนโง่ ก็ต้องไม่คัดค้านอยู่แล้ว!

เหตุผลที่ชอบทำหน้าตึงบ่อย ๆ ก็แค่แสดงให้เหยียนหมิงซุ่นดูเท่านั้นแหละ มันก็ต้องมีใครสักคนในครอบครัวที่ต้องคัดค้านบ้างสิ!

ส่วนหานป๋อหย่วนจ้าวอิงหัวไม่เคยเก็บมาพิจารณาด้วยซ้ำ ยังไม่ต้องพูดถึงรากฐานของตระกูลหานที่ตื้นเขินเกินไป อีกทั้งหานป๋อหย่วนยังเทียบปลายนิ้วเดียวของเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เลย ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งจะคู่ควรกับลูกสาวเขาได้อย่างไร?

“เรื่องของลูก ๆ คุณไม่ต้องคิดมากหรอก เหมยเหมยเป็นเด็กมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอรู้หนักรู้เบา คุณมาเป็นห่วงสามีของคุณหน่อยจะดีกว่า…”

……

จ้าวอิงหัวไม่ได้บอกเรื่องเหยียนหมิงซุ่นให้เหยียนซินหย่า รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันในของเมืองหลวง และตระกูลจ้าวกำลังอยู่ในอันตราย

เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้พูด บอกไปเหยียนซินหย่าก็ช่วยอะไรไม่ได้ มันจะทำให้เธอเป็นกังวลใจไปเปล่า ๆ

สถานการณ์ในตอนนี้ของตระกูลจ้าวคุณปู่จ้าวยังไม่รู้เรื่อง จ้าวอิงหัวเองก็เพิ่งรู้หลังถูกเหยียนหมิงซุ่นเตือนมา ไม่อย่างนั้นก็คงมารู้ตัวยามตระกูลจ้าวล้มไปแล้ว!

นึกถึงคำที่เหยียนหมิงซุ่นบอกในโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อนจ้าวอิงหัวก็ถอนหายใจเงียบ ๆ ไม่ได้คิดมากอีก จดจ่อกับกิจกรรมเข้าจังหวะกับภรรยาต่อไป…

ยังไงเขาก็มั่นใจว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้ว่านี้ได้และไม่ทำให้ภรรยากับลูกลำบาก ส่วนเหมยเหมยไม่เพียงแค่เขาที่คอยปกป้องแต่ยังมีเหยียนหมิงซุ่น เขาเลยไม่เป็นห่วงเลยสักนิดเดียว

ส่วนตระกูลจ้าวอย่างมากพี่ชายทั้งสองก็คงถูกลดตำแหน่งไม่เฉิดฉายได้หน้าอย่างเมื่อก่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก เทียบกับคราวนั้นคราวนี้เบากว่าเยอะ

อีกอย่างตอนที่ลูกสาวถูกหวงอวี้เหลียนวางแผนทำร้าย คนตระกูลจ้าวไม่ได้ก้าวออกมาช่วยพูดแทนเหมยเหมยสักคำ จ้าวอิงหัวยังจำได้ดี!

ดื่มด่ำไปกับตำแหน่งที่ลูกสาวเขาสร้างให้แต่กลับไม่ช่วยลูกสาวเขา จ้าวอิงหัวเริ่มผิดใจกับพี่ชายทั้งสองคน การที่ทั้งคู่ได้เลื่อนตำแหน่งล้วนเป็นเพราะคุณงามความดีของลูกสาวเขา ครั้งนี้ก็ถือว่าเอาคืนมาแล้วกัน!

แต่จ้าวอิงหัวกลับคิดง่ายเกินไป จิตใจมนุษย์น่ะ…ยากที่จะถูกเติมเต็มอยู่แล้ว

ใครเล่าจะยอมสละเนื้อก้อนโตในมือตัวเองให้?

………………………..

ตอนที่ 1011 เก็บค่าเช่า

ร้านขายของที่เหยียนหมิงซุ่นแย่งมาจากเฮ่อเหลียนเช่อนั้นไม่ได้รวมอยู่ในแหล่งเดียวกันแต่กระจัดกระจายไปหลายแห่ง เก็บค่าเช่าทุก ๆ หกเดือน ค่าเช่าที่ได้ต่อปีไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

เหมยเหมยไล่เก็บค่าเช่าตามร้านที่กระจายอยู่นอกเมืองไม่กี่ร้านจนเสร็จก็ปั่นจักรยานไปในเขตตัวเมือง ในตัวเมืองนั้นเป็นตึกโดยชั้นหนึ่งแบ่งเป็นร้านขายของสองร้าน

ร้านหนึ่งคือร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม ร้านข้าง ๆ เป็นร้านขายไอติม ความจริงสองร้านนี้ถูกแบ่งจากห้องห้องเดียวโดยมีประตูบานเล็ก ๆ กั้นระหว่างสองร้าน

ส่วนชั้นสองและชั้นสามก็ปล่อยให้เช่าเป็นสำนักงานบริษัท และด้วยทำเลที่ดีจึงสร้างเม็ดเงินได้มากที่สุดในบรรดาทุกร้าน

เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยงามอายุราวสามสิบปี เหมยเหมยเรียกเธอว่าน้าผิง ขายแต่เสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่นสาว ๆ ราคาไม่แพงแต่ก็ไม่ถูก ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นสาว ๆ เป็นอย่างมาก ค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

“เหมยเหมยมาแล้วเหรอ เสี่ยวโจวรีบเอาน้ำแตงโมไม่ใส่น้ำแข็งมาแก้วหนึ่ง”

น้าผิงต้อนรับเหมยเหมยอย่างกระตือรือร้นและเอาองุ่นที่ล้างสะอาดจากตู้ออกมา ส่วนร้านขายไอติมร้านข้าง ๆ เป็นหนุ่มหล่ออายุยี่สิบกว่าปีที่หน้าตาแอบคล้ายเจย์ โชว์ และยังสกุลโจวเหมือนกันพอดี ภายนอกดูเป็นคนเท่ ๆ เหมยเหมยเลยเรียกเขาว่าพี่โจว

เพราะเธอรู้สึกว่ายากจะเอ่ยปากเรียกคุณลุง เพียงแต่–

“ขอบคุณค่ะพี่โจว!”

เหมยเหมยรับน้ำแตงโมสด ๆ มา เพราะมันถูกเก็บไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานานน้ำแตงโมจึงเย็น ให้ความสดชื่นเวลาดื่มมัน

เสี่ยวโจวชี้ไปที่น้าผิงพลางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ให้เรียกฉันว่าลุง ฉันไม่อยากเรียกเธอว่าน้า”

เหมยเหมยแทบจะพ่นน้ำแตงโมออกมา ทุกครั้งที่มาเก็บค่าเช่าเสี่ยวโจวมักทำท่าเหมือนคุณลุงวัยเกษียณ เธอมักอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเย้าไปไม่กี่ประโยค

“หนูเรียกในแบบของหนู พี่โจวก็เรียกในแบบของพี่โจวสิ เราไม่ใช่คนบ้านเดียวกันสักหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอกน่า”

เหมยเหมยแลบลิ้นใส่น้าผิงทีหนึ่ง ทำเอาน้าผิงหลุดขำ แต่เหมยเหมยกลับไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าสองคนนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก!

น้าผิงกับเสี่ยวโจวไม่รอให้เหมยเหมยเอ่ยปาก ก็เอาค่าเช่าให้เหมยเหมยด้วยตัวเอง น้าผิงทำท่าเป็นห่วงน้อย ๆ “หรือว่าฉันจะเอาเงินไปฝากธนาคารเป็นเพื่อนเธอดี เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มีเงินติดตัวมากมายขนาดนี้ ถ้าเกิดโจรมาจะทำยังไง?”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูก็เอาเงินไปฝากธนาคารเลย อีกอย่างหนูเป็นถึงนักเทควันโดเชียวนะ ใครที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้ามาหาเรื่องหนู? ซัดมันให้ตายไปเลย!”

เหมยเหมยเองก็ไม่นับจำนวนเงินพลางยัดเงินสองมัดใส่กระเป๋า ความจริงกลับเข้าไปในปริภูมิ ปลอดภัยยิ่งกว่าที่ไหนๆ

“เยวี่ยเยวี่ย เสื้อผ้าร้านนี้ใช้ได้อยู่นะ เราเข้าไปดูกันเถอะ แล้วยังมีร้านไอติมข้าง ๆ อีก พอซื้อเสื้อผ้าเสร็จก็เข้าไปกินไอติมกันได้”

เหมยเหมยกำลังจะออกจากร้านก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหู พอมองออกไปจากกระจกหน้าต่างพบว่าเป็นคนคุ้นเคย คุ้นเคยยิ่งกว่าคุ้นเคย

โอหยางซานซาน อู่เยวี่ยแล้วก็หานป๋อหย่วนอีกคน

สามคนนี้อยู่ด้วยกันได้อย่างไร?

หรือว่าคนประเภทเดียวกันมักรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน?

เหมยเหมยส่งสายตาให้น้าผิงแล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกคุณน้าต้องทำเป็นไม่รู้จักหนูนะ!”

น้าผิงกับเสี่ยวโจวเข้าใจเลยเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง

ไม่นานพวกโอหยางซานซานก็ผลักประตูเข้ามา เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงที่อากาศร้อนที่สุดเลยไม่มีลูกค้า เหมยเหมยที่ยืนตัวเป็น ๆ ขนาดนี้จะทำเป็นไม่เห็นคงยาก

สามคนชะงักนิ่งค้างแต่เป็นหานป๋อหย่วนที่มีปฏิกิริยาก่อน อมยิ้มทักทาย “เหมยเหมยก็มาซื้อเสื้อผ้าเหรอ? บังเอิญจริง ๆ!”

“ฉันนี่ช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่วันนี้ออกจากบ้านไม่ดูปฏิทินให้ดี ออกมาก็เจอนางแพศยาตั้งสองคน น่ารำคาญ!”

เหมยเหมยไม่คิดจะเกรงใจสักนิด นางแพศยาอย่างโอหยางซานซานกับอู่เยวี่ยเธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใด ๆ !

หากไม่เห็นแก่หานซู่ฉินเธอจะด่ารวมหานป๋อหย่วนเข้าไปด้วย ไปคลุกคลีอยู่กับพวกคนชั้นต่ำ จะเป็นคนดีได้ยังไง?

……………………….