ตอนที่ 1000 ทำลายมันให้ข้า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อถูกล้อมรอบโดยพลังแห่งความตาย พลังมายาของฉินอวี้โม่และบรรดาอสูรก็ถูกยับยั้งไว้ทันที พลังแห่งความตายก่อตัวเป็นข่ายอาคมที่แยกพลังมายาทั่วบริเวณออกไปทั้งหมด หากเป็นจอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไป การติดอยู่ในข่ายอาคมเช่นนี้จะทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสฟื้นฟูพลังมายาของตนเองได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น พลังแห่งความตายดังกล่าวก็ผสมผสานไปด้วยพลังกลืนกินซึ่งจะกัดกร่อนพลังมายาในร่างของฉินอวี้โม่ไปทีละน้อย ๆ หากติดอยู่ในข่ายอาคมนี้เป็นเวลานาน พลังมายาของนางจะถูกดูดกลืนออกไปและอาจจะถูกสังหารไปในไม่ช้า

“เหอะ อยากเห็นนักว่าเจ้าจะทำลายข่ายอาคมนี้อย่างไร !”

เสียซื่อแค่นเสียงและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเย้ยหยันขณะกล่าววาจามั่นอกมั่นใจราวกับกุมชัยชนะไว้ในมือ

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดหรือว่าข่ายอาคมนี้จะควบคุมข้าได้ ?”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน จอมยุทธ์ปีศาจทราบข้อมูลของนางน้อยเกินไปจริง ๆ เกรงว่าพวกเขาคงลืมคิดไปว่าก่อนหน้านี้นางได้ดูดกลืนพลังแห่งความตายเข้ามาในร่างกายแล้ว

ข่ายอาคมขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถแผ่พลังแห่งความตายออกมาได้อย่างต่อเนื่อง การที่ฉินอวี้โม่ติดอยู่ในนี้ก็ทำให้พลังภายในร่างกายของนางได้รับการเติมเต็มอย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงด้วยซ้ำ

นางกระโดดขึ้นสูงและเหาะกลางอากาศขณะพลังมหาศาลไหลเวียนออกมาทั่วร่างและเป็นพลังที่ตรงกันข้ามกับพลังแห่งความตาย

“ทำลายมันให้ข้า !”

ด้วยเสียงตะโกนอย่างแข็งกร้าว คลื่นพลังที่แกร่งกล้าก็พุ่งออกไปและโจมตีข่ายอาคมรอบตัวจนเกิดเสียงดังสนั่น

ตูมมม !

พลังทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงและข่ายอาคมขนาดใหญ่ของฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่พลังของฉินอวี้โม่กระทบเข้าไป มันก็มีร่องรอยของการสลายปรากฏขึ้นเล็กน้อยแล้ว

“เหอะ ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว !”

เสียซื่อแค่นเสียงเบา ๆ ในลำคอและแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับตัวเอง หากพลังของฉินอวี้โม่สามารถทำลายข่ายอาคมได้จริง แผนการของพวกเขาในวันนี้ก็จะล้มเหลวอย่างแน่นอน

“ฉินอวี้โม่ ตายไปซะ !”

เขาหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจคนที่เหลือขณะโบกมือออกไปข้างหน้าและโจมตีฉินอวี้โม่

คนอื่น ๆ เริ่มการเคลื่อนไหวเช่นกันและใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตนโดยมีจุดประสงค์ที่จะสังหารฉินอวี้โม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ตูมมม!

พลังจากรอบทิศทางพุ่งตรงไปในจุดที่ฉินอวี้โม่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้และส่องแสงเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ

“ตายแล้วรึ ?”

เมื่อแสงดังกล่าวสลัวลงและไม่เห็นวี่แววของฉินอวี้โม่อีกต่อไป ฮวาหรงก็ชะงักไปเล็กน้อยและแววตาแสดงถึงประกายแห่งความหวัง

“น่าเสียดายที่ข้าต้องทำให้เจ้าผิดหวัง !”

น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นในหูของทุกคนพร้อมกับร่างของฉินอวี้โม่ปรากฏให้เห็นอีกครั้งในสภาพที่ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่ปลายเส้นผม

คฤหาสน์เฟิงหัวในปัจจุบันมิใช่สิ่งที่คนเหล่านี้จะทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายได้เลยสักนิด

“พวกเจ้ามีพลังกันแค่นี้เองรึ ?”

นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและคลื่นพลังน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกจากร่างกายอีกครั้ง ในตอนนี้ร่างของซิวได้หลอมรวมเข้ากับร่างของฉินอวี้โม่แล้วและเกราะที่ก่อตัวจากเปลวเพลิงทรงพลังก็ปกคลุมรอบตัวนางส่งผลให้ทั่วทั้งร่างของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

“ทำลายมันให้ข้าซะ !”

ด้วยเสียงตะโกนอีกครั้ง คลื่นพลังที่ไร้ที่สิ้นสุดก็ถาโถมเข้าโจมตีข่ายอาคมขวางกั้นรอบตัวโดยที่แตกต่างไปจากการโจมตีก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

เปรี๊ยะ ! เปรี๊ยะ !

เสียงแตกหักดังขึ้นเมื่อม่านป้องกันร้าวและพังทลายลงในที่สุด เวลานี้พลังแห่งความตายที่หนาแน่นก็หายวับไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”

ใบหน้าของเสียซื่อถอดสีไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะทำลายข่ายอาคมของเขาได้จริง อีกทั้งนางก็ยังทำได้ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูผ่อนคลายเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของนางจะน่าสะพรึงกลัวมากเกินไปแล้ว !

“เอาล่ะ จบการต่อสู้นี่เถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงสั้น ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยขณะโบกมือเล็กน้อย จากนั้นอสูรมายาทั้งหมดก็ปรากฏตัวข้างกายนางและมองตรงไปที่ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจอย่างมุ่งร้าย

“เหตุใดเจ้าถึงมีอสูรมายามากมายเช่นนี้ได้ ?!”

สีหน้าของฮวาหรงเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน นางคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีอสูรมายามากมายถึงเพียงนี้ อสูรมายาทรงพลังหลายร้อยตัวปรากฏตัวในหุบเขาและสายตาจับจ้องมาที่พวกนางอย่างดุดัน กองทัพอสูรมายานี้เพียงอย่างเดียวก็เกินกว่าที่พวกนางจะรับมือได้แล้ว

“ฮวาหรง ไพ่ตายของข้าไม่ได้มีเพียงแค่ที่เจ้าสืบทราบมาหรอก ก่อนหน้านี้ข้าปล่อยเจ้าไปหลายครา ทว่าวันนี้เจ้าจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล !”

ฮวาหรงคือสตรีที่ฮวาฟางเฟยไว้วางใจมากที่สุดและเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของนาง ฉินอวี้โม่อยากรู้นักว่าฮวาฟางเฟยจะทำอย่างไรหากมือขวาของนางถูกสังหารไปที่นี่

“ยโสโอหังนัก ต่อให้เจ้ามีอสูรมายาเป็นจำนวนมาก เจ้าก็ไม่มีทางรอดกลับไปได้แน่ !”

ในเวลานี้ ฮวาหรงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลทว่าไม่แสดงออกทางสีหน้า ทันใดนั้น ลูกแก้วแสงก็ปรากฏในมือของนางและฮวาหรงทำลายมันทันทีก่อนที่ร่างของฮวาฟางเฟยจะปรากฏกายกลางอากาศตรงหน้าทุกคน

นี่คือร่างอวตารของจ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผาซึ่งมีพลังเจ็ดในสิบส่วนของร่างแท้จริง

“หืม ?”

หลังจากกวาดสายตามองสถานการณ์ตรงหน้า สายตาของนางก็หยุดลงที่ฉินอวี้โม่

ก่อนหน้านี้นางได้มอบลูกแก้วแสงให้กับฮวาหรงซึ่งสามารถเรียกร่างอวตารของนางออกมาได้และกล่าวไว้ว่าหากจัดการกับฉินอวี้โม่ไม่ได้ก็ให้เรียกร่างอวตารนี้ออกมา

เดิมทีนางก็คิดว่ากับดักที่จอมยุทธ์ปีศาจและฮวาหรงเตรียมไว้คงจะจัดการกับฉินอวี้โม่ได้อย่างง่ายดาย คิดไม่ถึงเลยว่าตนจะถูกเรียกมาที่นี่อีก

ทว่าจากมุมมองนี้ มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพลังอำนาจของฉินอวี้โม่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้มากนัก

“ฉินอวี้โม่ ทางที่ดีเจ้าควรที่จะยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจหรือจงรักภักดีต่อข้า วันนี้ข้าจะได้ไว้ชีวิตเจ้า !”

นางแผ่แรงกดดันไปยังฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ทันที

“ฮวาฟางเฟย เจ้าคงจะยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจมานานแล้วสินะ”

ประกายบางอย่างฉายวาบในแววตาของฉินอวี้โม่ ฮวาฟางเฟยคงจะทำข้อตกลงกับจอมยุทธ์ปีศาจมาเนิ่นนานแล้ว แม้ฉินอวี้โม่ไม่ทราบถึงสาเหตุที่จ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผาจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าเรื่องของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็จะต้องเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้อย่างแน่นอน

“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง จอมยุทธ์ปีศาจเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ช้าก็เร็วดินแดนนี้จะต้องตกเป็นของจอมยุทธ์ปีศาจ การที่ข้าเลือกเข้าร่วมกับพวกเขาก็ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ”

ฮวาฟางเฟยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด อันที่จริงนางทำข้อตกลงร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจมาตั้งแต่เมื่อนับร้อยปีก่อน ศิษย์หลายคนของนิกายหมื่นบุปผาก็ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อนางเริ่มลงมือในอนาคต คนเหล่านั้นจะติดตามนางอย่างไม่ลังเล

“ฮ่า ๆ ๆ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ทว่าน่าเสียดาย ความคิดที่ต้องการจะยึดครองดินแดนมหาเทพของจอมยุทธ์ปีศาจเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้น !”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน การที่จอมยุทธ์ปีศาจพยายามจะปกครองดินแดนมหาเทพ นั่นคือความทะเยอทะยานที่ไม่น้อยเลยทีเดียว การที่ฮวาฟางเฟยตัดสินใจเลือกทางนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเสียทีเดียว เพียงแต่น่าเสียดายที่เป้าหมายที่นางคาดฝันไว้จะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะถามเจ้ามาตลอด…ไม่ทราบว่าจะช่วยไขข้อข้องใจให้กับข้าได้รึไม่”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นอีกครั้ง นางเชื่อว่าฮวาฟางเฟยน่าจะทราบเบาะแสของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น แม้หลังจากพยายามสืบเรื่องนี้มานาน ฉินอวี้โม่ทราบเพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับฮวาฟางเฟยและจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดและเฉพาะเจาะจง

“เรื่องอะไรรึ ?”

ฮวาฟางเฟยไม่รีบร้อนโจมตีขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเรียบเฉย

“เหตุใดเจ้าจึงต้องจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไป ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาและเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเปิดเผยข้อมูลบางอย่างเป็นแน่

“อวี๋เสี่ยวอวิ๋นงั้นรึ ? เจ้าเกี่ยวข้องกับนางอย่างไร ?!”

สีหน้าของฮวาฟางเฟยกลายเป็นเย็นชาและแววตาที่มองฉินอวี้โม่แสดงถึงความเยือกเย็นทันที

“เหอะ เจ้าสืบเรื่องข้ามาตั้งนาน ไม่รู้เลยรึว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคือมารดาของข้า ?”

ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มและกล่าวเปิดเผยความจริงอย่างไม่ปิดบัง

“อะไรนะ เจ้าคือบุตรสาวของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นงั้นรึ ?!”

สีหน้าของฮวาฟางเฟยในตอนนี้กลายเป็นความตกใจอย่างที่สุด นางไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน