ตอนที่ 2442 เลื่อนขั้นสู่แดนเซียน (จบบริบูรณ์)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ตอนที่ 2442 เลื่อนขั้นสู่แดนเซียน

“นี่เป็นเพียงการเติมเต็มความปรารถนาเล็กน้อยของนายท่านคนก่อน แค่รอนายท่านมีโอกาสไปถึงแดนเซียนเท่านั้นที่จะทำได้” นักพรตเซี่ยพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ตอนนั้นเองเมฆห้าสีก็มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีปราณที่เข้มข้นจนไม่สามารถบรรยายได้แผ่ออกมา

“สหายทั้งหลาย หลบไปก่อนเถอะ ข้าจะเข้าไปในด่านเคราะห์แล้ว!” หานลี่เงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง เขาหรี่ตาทั้งสองข้างแล้วพูดขึ้น

หมัวกวงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็หนีออกไปเกาะร้างแห่งนี้ทันที

ในขณะเดียวกัน หานลี่ก็สะบัดแขนเสื้ออย่างแรง แสงสีทองก็ปรากฏขึ้นมา ด้านในนั้นมีเด็กตัวเล็กหัวโล้นไม่มีคิ้ว คนหนึ่งโผล่ออกมา จากนั้นเขาก็หายตัวไปในพริบตาเช่นเดียวกัน

คนผู้นั้นคือ ราชาแมลงกลืนทองคำ

จากนั้นหานลี่ก็นั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าเคร่งครึม

หลังจากนั้นไม่นาน หมัวกวง หั่วซวีจือ และคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศที่อีกด้านของเกาะร้าง พวกเขาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็หันกลับไปมองใจกลางของเกาะร้าง

พวกเขาได้ยินเพียงเสียงดังกึกก้องจากระยะไกล ทันใดนั้นใจกลางของเมฆห้าสีก็มีหลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ด้านในนั้นมีเสียงโครมครามดังสนั่น และมีลมพายุสีขาวเทาหมุนวนลงมา

ในตอนแรกพายุลูกนี้ก็เป็นเพียงลูกเล็กๆ ธรรมดา แต่ทันทีที่มันหลุดตัวออกจากหลุมดำ มันก็กลายเป็นเป็นพายุขนาดใหญ่ ส่งเสียงดังน่าหวาดกลัว

“พายุเคราะห์สวรรค์โผล่ออกมาแล้ว ดูเหมือนว่าเคราะห์สวรรค์จะลงมาแล้วจริงๆ” เมื่อหั่วซวีจือเห็นดังนั้นก็พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“แม้ว่าพายุเคราะห์สวรรค์นี้จะร้ายกาจมาก แต่สหายหานมีวิธีรับมือกับมันมาตั้งนานแล้ว เดิมทีก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่” หมัวกวงกลับพูดขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ทันทีที่ปีศาจสวรรค์พูดจบ ตอนนั้นเองก็กลางเกาะร้างก็มีดอกบัวสีเขียวบานขึ้น ตอนแรกมันก็มีขนาดเล็กเท่านั้น แต่พริบตาเดียวมันก็ขยายตัวขึ้นหลายหมู่ จากนั้นมันก็หมุนวนไปมา แสงปราณกระบี่สีเขียวก็พุ่งออกจากมันอย่างบ้าคลั่ง ฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้เคียง

แม้ว่าพายุจะหอบเอาหิน ทรายพัดเข้ามา แต่ดอกบัวสีเขียวดอกนั้นก็ยังลอยอยู่ในระดับต่ำและไม่ขยับเขยื้อนไปไหน พร้อมปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านล่างอย่างปลอดภัย

พายุเคราะห์สวรรค์นี้ใช้เวลาผ่านอยู่หลายชั่วยาม

หากเป็นมหาเมธีธรรมดา ลมพายุเช่นนี้คงทำให้พวกเขาร้องคร่ำครวญออกมาแล้ว ปราณภายในร่างกายคงจะลดลงไปไม่น้อยเลย และไม่สามารถทนรับต่อเคราะห์สวรรค์ที่ต่อจากนี้ได้แล้ว

แต่สำหรับหานลี่แล้วถือว่าใช้ปราณไปเล็กน้อยมาก ขนหน้าแข้งยังไม่ทันร่วงเลย

เสียงหนึ่งดังขึ้น!

กลางหลุมดำมีม่านแสงสว่างวาบขึ้น ในที่สุดพายุคลั่งก็หยุดลงแล้ว แต่ด้านในนั้นกลับมีปราณร้อนแรงพวยพุ่งออกมา หลังจากที่หลุมดำขยายตัวใหญ่มากขึ้น ทันใดนั้นอักษรรูนสีแดงชาดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นตรงกลาง

อักษรรูนเหล่านี้ แต่ละตัวมีขนาดเท่าฝ่ามือ พื้นผิวของมันมีแสงระยิบระยับและอักขระสีทองเลือนรางคล้ายเห็นคล้ายไม่เห็นปรากฏออกมา

“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังติดต่อกันขึ้น อักษรรูนเหล่านั้นสั่นสะท้านอยู่ในหลุมดำนี้หลายครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยระเบิดดังขึ้น จนเป็นแสงสีแดงสว่างวาบ

ทันใดนั้นฝนลาวาก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าเกือบครึ่งกลายเป็นสีแดงเข้ม

แม้ว่าเกาะร้างแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่และอยู่ห่างไกลจากฝนลาวาเหล่านั้น แต่คนที่ยืนอยู่ขอบของเกาะร้างก็สามารถสัมผัสไอร้อนและกลิ่นไหม้อย่างรุนแรง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาค่อยนำของวิเศษออกมาปกป้องร่างกายของตนเอง

หลังจากที่เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกสั่นกึกๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีม่านแสงสีดำปรากฏขึ้นหนึ่งชั้น เพื่อปกป้องทุกคนที่อยู่บนเรือลำนั้น

หนานกงหวั่นและคนอื่นๆ อดมีสีหน้าเป็นกังวลไม่ได้

พวกนางที่ยืนอยู่ตรงนี้ ได้รับผลกระทบจากฝนลาวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังรู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้

แต่ตัวของหานลี่ที่ต้องเผชิญหน้ากับกับสิ่งนั้นโดยตรง เหมือนว่าจะรุนแรงกว่าที่พวกนางสัมผัสได้ร้อยเท่า

แต่ที่ทำให้พวกนางเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!

กลางดอกไม้สีเขียวขนาดใหญ่มีเสียงร้องคำรามออกมา ทันใดนั้นก็มีนกยักษ์สีเงินปรากฏขึ้นมาตัวหนึ่ง

ในตอนแรกที่มันบินออกมา มันมีขนาดไม่กี่ชุนเท่านั้น แต่หลังจากที่สองปีกของมันสยายบินขึ้นกลางอากาศ มันกลับเมินเฉยต่อฝนลาวาเหล่านั้น ปีกของมันยังมีสีทองอ่อนๆ ปรากฏขึ้น พริบตาเดียวขยายตัวของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเกือบพันจั้ง ในขณะเดียวกันปราณเย็นก็แผ่ออกมาจากนกตัวนั้น เพียงครู่เดียวพื้นดินในระยะพันลี้ก็กลายเป็นธารน้ำแข็งทั้งหมด

หลังจากนั้นสามวันสามคืน เคราะห์สวรรค์ทุกรูปแบบค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละอย่าง แต่หานลี่ที่อยู่ในดอกบัวสีเขียว กลับขจัดเคราะห์สวรรค์เหล่านั้นได้อย่างสบายๆ

ตอนนั้นเองเคราะห์สวรรค์ที่น่ากลัวก็ได้หายไปจากเกาะร้างแห่งนั้นแล้ว เหลือเพียงดอกบัวสีเขียวที่ยังคงส่องสว่างอยู่ด้านล่าง

ระดับน้ำทะเลก็ลดลงหลายชุน อีกทั้งครึ่งหนึ่งค่อยๆ กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ส่วนอีกครึ่งกลายเป็นทะเลลาวา

นอกจากปิงพั่ว อิ๋นเย่ว์และมหาเมธีส่วนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ล้วนต้องล่าถอยไปรออยู่ในพื้นที่ที่ไกลกว่าเดิม

หลังจากที่หลุมดำกลางท้องฟ้าได้หายไปแล้ว กลางเมฆห้าสีก็มีประจุสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้น ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวที่สุดของด่านเคราะห์ก็เริ่มขึ้นแล้ว

แต่ว่าหานลี่ผู้นี้ได้เตรียมตัวรับมือกับมันมานานแล้ว ทันใดนั้นภูเขาลูกเล็กสีเทาก็ปรากฏขึ้นด้านบนของดอกบัวสีเขียว หลังจากที่มันหมุนไปมาแล้วรอบหนึ่ง มันก็กลายเป็นภูเขายักษ์ขนาดมากกว่าหมื่นจั้ง

เสียงดังครืนๆ!

ทันใดนั้นเองรัศมีวงแหวนแสงสีเทาก็ปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นกระจายออกจากมันอย่างรุนแรง

หลังจากที่สายฟ้าสีม่วงทองฟาดผ่านวงแหวนนี้ ความรุนแรงของมันจะลดลงครึ่งหนึ่ง

วงแหวนแสงนี้มีพลังงานบางอย่างที่สามารถยับยั้งทัณฑ์สวรรค์ได้พอดี

แต่มีประจุสายฟ้าสีม่วงทองหลายสิบสายที่ถูกวงแหวนแสงกวาดออกไปพร้อมกัน จนทำให้มันหายไป

แต่ประจุสายฟ้าที่เหลือเหล่านั้น กลับไม่ได้สนใจภูเขายักษ์สีเทาที่ไร้ที่มานั่นเลย มันทำได้เพียงผ่าสายฟ้าเหล่านั้นลงไปโดยตรง

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ทันใดนั้นก็มีแสงสีฟ้าประกายวาบจากดวงตาของเขา ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน

เสียงคำรามดังขึ้นไปถึงกลีบเมฆ!

เทพมารสามเศียรหกกรปรากฏตัวขึ้นอยู่กลางดอกบัว มือข้างหนึ่งของเขาแบขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นเองกระบี่หมึกสีเขียวเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่กลางฝ่ามือของเขา

เทพมารไม่สนใจกระบี่เล่มนั้น แต่กลับคำรามออกไปจนเสียงดังลั่น ม่านแสงสีทองปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเขาหนึ่งชั้น ในขณะเดียวกันหมัดทั้งหกของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไป

หลังจากที่มีทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาหลายครั้งติดต่อกัน ด้านบนหัวของเทพมารผู้นั้นก็มีกระแสวังวนสีทองขนาดใหญ่เกิดขึ้น เพียงพลังแค่เสี้ยวเดียวที่แผ่ออกมา ก็ทำให้พลังที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาแล้ว

ประจุสายฟ้าสีม่วงทองขนาดใหญ่ก็ถูกแรงดึงดูด ดึงลงมา คาดไม่ถึงว่ามันจะม้วนลงมาอย่างรวดเร็ว

ม่านแสงสีทองที่อยู่บนตัวของเทพมารผู้นั้นมีร่องรอยปริแตกเป็นจำนวนไม่น้อย ม่านแสงนั้นมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ว่าก็ยังไม่แตก

นี่คือหนึ่งในวิชาเซียนที่หานลี่ได้ฝึกฝนมา “เกราะหยวนกัง”

ประจุสายฟ้าสีม่วงทองผ่าลงมาเป็นระยะเวลานานกว่าครึ่งชั่วยาม หลังจากตอนนั้นเอง สายฟ้าที่อยู่กลางอากาศก็ค่อยๆ หายไป จากนั้นก็มีเงาร่างมังกรสายฟ้าสีม่วงทองตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากเมฆห้าสี

เมื่อมันอ้าปากกว้าง ในปากของมันก็มีลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่ลูกหนึ่งโผล่ขึ้นมา

เสียง “ตู้ม” ดังขึ้น หลังจากที่ม่านแสงทองของเทพมารสามเศียรหกกรถูกอสรพิษสายฟ้าสีม่วงทองหลายสิบตัวพันรอบตัวแล้ว ในที่สุดอสรพิษเหล่านั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

หลังจากเมฆห้าสีบนท้องฟ้ากลิ้งไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เสียงฟ้าร้องก็หยุดไป ใบหน้าไร้อารมณ์ขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง

ด้านหลังของใบหน้านั้น หลังจากแสงสีม่วงระยิบระยับแสบตา จากนั้นก็มีรอยแตกสีขาวค่อยๆ เปิดขึ้นมา พร้อมเสียงสันสกฤตที่แผ่วเบา

“ประตูแดนเซียน”

หานลี่ที่แปลงร่างเป็นเทพมารที่อยู่ด้านล่าง ปราณภายในร่างกายของเขาเหลือเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น เมื่อเขาเห็นดังนั้น ในใจของเขาจึงรู้สึกดีใจอย่างมาก มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นมาร่ายคาถา ทันใดนั้นเองรูปลักษณ์ของเขาก็กลับคืนสู่ร่างมนุษย์เช่นเดิม เขาเงยหน้าขึ้นไปมองตามรอยแยก สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แต่ทันใดนั้นเอง ใบหน้ายักษ์ที่เลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็นนั้น ก็อ้าปากขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากเสียงดังเปรี้ยงแล้ว ประจุสายฟ้าเจ็ดสีที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ก็ผ่าลงมา ทันใดนั้นมันก็ผ่าผ่านดอกบัวยักษ์ พุ่งตรงมาที่ศีรษะของหานลี่โดยตรง

“แย่แล้ว”

หานลี่ตกใจอย่างแรง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วชกมันออกไปที่กลางอากาศ ทันใดนั้นเองเพลิงสายฟ้าสีทองก็พุ่งออกจากฝ่ามือของเขาไป หลังจากดาบหมึกสีเขียวที่อยู่ในมือสั่นกึกๆ มันก็กลายร่างเป็นแสงหมึกสีเขียวแล้วพุ่งขึ้นท้องฟ้าทันที

เสียงดังครั้งหนึ่งสนั่นทั่วทั้งท้องฟ้า

รัศมีลำแสงที่งดงามส่องไปทั่วจนแทบจะสว่างไปทั่วทั้งมหาสมุทร แต่หลังจากมันส่องสว่างอย่างบ้าคลั่งแล้ว ระลอกคลื่นที่อยู่กลางอากาศก็ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ทันใดนั้นดาบหมึกสีเขียวก็ส่องสว่างอีกครั้ง จากนั้นหานลี่ก็คว้าดาบไม้หมึกสีเขียวเอาไว้ในมือ

ในตอนนั้นเขามีใบหน้าซีดขาวผิดปกติ ร่างกายของเขาดำไหม้เกรียม คาดไม่ถึงว่าดาบไม้หมึกสีเขียวที่อยู่ในมือจะแตกหัก

หานลี่ก้มหน้ามองไม้ดาบที่แตก จากนั้นก็เงยหน้ามองใบหน้ายักษ์ที่อยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นว่าครั้งนี้ใบหน้านั้นได้หายไปจริงๆ แล้ว เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“หึๆ ยินดีกับพี่หานด้วยที่สามารถผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ได้แล้ว เจ้าสามารถเลื่อนขั้นไปแดนเซียนได้แล้ว”

ด้านข้างของเขาก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หลังจากเขตอาคมแสงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หมัวกวง หั่วซวีจือ นักพรตเซี่ย เด็กร่างทอง ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันท่ามกลางความว่างเปล่า เป็นหมัวกวงที่พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

“ใช่แล้ว ในที่สุดก็สามารถผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ได้แล้ว ข้ากำลังจะได้เป็นเซียนที่แท้จริงแล้ว” หานลี่บ่นพึมพำกับตนเอง

หมัวกวงหัวเราะเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นที่กลางอากาศก็มีม่านแสงสีขาวขุ่นเกิดการระเบิดขึ้นอย่างสวยงาม ลำแสงสีขาวที่ดูแปลกตาก็ทอดยาวลงมา เข้ามาปกคลุมหานลี่และคนอื่นๆ ทันที

หลังจากลำแสงนั้นหมุนวนไปมา อักษรรูนสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันระลอกคลื่นจากแดนเซียน ที่ทำให้คนอื่นแทบจะหายใจไม่ออกก็แผ่ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ พริบตาเดียวมันก็แผ่กระจายไปทั่วแดนวิญญาณแห่งนี้

แน่นอนว่าคนที่มีระดับมหาเมธีที่แข็งแกร่ง สามารถสัมผัสมันได้อย่างแน่นอน พวกเขาก็รู้สึกดีใจอย่างมาก และรีบหลับตาเข้าญาณอย่างรวดเร็ว

เมื่อหมัวกวงและหั่วซวีจือเห็นดังนั้น ก็มองหน้ากันด้วยความดีใจ ทันใดนั้นเขาก็กลายร่างเป็นกลุ่มปราณสีดำแล้วหายตัวเข้าไปร่างของหานลี่ทันที ส่วนอีกคนหนึ่งก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา กลายเป็นก้อนเพลิงพุ่งเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่

ส่วนราชาแมลงกลืนทองคำกับนักพรตเซี่ย คนหนึ่งคือหุ่นเชิดเซียน อีกคนคืออสูรวิญญาณของหานลี่ โดยปกติแล้วเขาไม่ได้กลัวลำแสงเหล่านี้ แต่เมื่อหานลี่สะบัดมือขึ้น พวกเขาก็กลายเป็นแสงสองดวงพุ่งเข้าไปในกำไลสัตว์อสูรบนข้อมือของหานลี่

ในขณะเดียวกันนั้นเอง กลางอากาศในระยะที่ห่างออกไป ก็มีลำแสงหลายสิบสายปรากฏขึ้น แล้วพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว

หลังจากที่หานลี่เห็นใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยความกังวลของหนานกงหวั่นแล้ว ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็มีแสงสว่างสีทองห่อหุ้มร่างกายไว้ ลำแสงเหล่านั้นก็พาเข้าทะยานขึ้นไปตามรอยแยกด้านบนทันที

ในตอนที่ร่างกายของหานลี่กำลังผ่านรอยแยกเหล่านั้น เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อ จากนั้นก็สลบลงไป

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หานลี่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ด้านหน้าของเขามีใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามปรากฏขึ้น

ผู้ชายคนนั้นยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“เจ้าเลื่อนขั้นขึ้นมาได้ ยินดีต้อนรับสหายเข้าสู่เมืองเซียนอุดรเหมันต์”

(จบบริบูรณ์)