บทที่ 1258 ศิษย์พี่!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

มองดูเฉินชิงจื่อ หวังเป่าเล่อก็เงียบงัน

ทุกคนล้วนมีเส้นทางของตัวเอง คนอื่นที่ไร้อำนาจไม่มีสิทธิ์ไปหยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาเต๋าหรือว่าพลีชีพ สำหรับผู้ฝึกตนโดยเฉพาะผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงระดับเช่นพวกเขาแล้ว นี่…ก็คือการแสวงหาและเป้าหมายของชีวิต

สุดท้ายแล้วล้วนต้องเดินก้าวนี้เพื่อไปดูจักรวาลของโลกภายนอก ไปดูโลกที่แท้จริง ไปสัมผัสว่าสิ่งที่ตนฝึกฝนมาหลายปีขนาดนี้แท้จริงมันคืออะไร ไปรับรู้ว่า…สิ่งที่ตนเสาะหานั้นคือเส้นทางใด!

ดังนั้น ในใจของหวังเป่าเล่อจึงมีความซับซ้อน แต่สุดท้ายคำพูดนับพันนับหมื่นภายในใจก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจแผ่วเบา

“ศิษย์น้องเล็ก เรียกข้าว่าศิษย์พี่อีกครั้งได้หรือไม่” เมื่อมองเห็นถึงความแปรปรวนในก้นบึ้งจิตใจของหวังเป่าเล่อ เฉินชิงจื่อก็ยิ้มอ่อนจาง อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าการเดินออกมาครั้งนี้ของตนนั้นนั้นหาได้รู้ถึงผลลัพธ์ไม่ บางทีอาจจะ…ตัวตายเต๋าสลาย ก็ยังไม่รู้แน่

ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวอะไรและไม่เสียใจด้วย มีเพียง…เสียดายเล็กน้อย เพราะเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำเรียกขานที่ทำให้ตนรู้สึกอบอุ่นและให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าการมีอยู่ของเขามีความหมายมานานแล้ว

ตั้งแต่ชั่วขณะที่อาจารย์สิ้นชีพ มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมสำนักของพวกเขาก็ถูกตัดขาด

และประโยคนี้เขาก็ไม่เคยพูดมาก่อน มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เขาอยากได้ยินคำว่าศิษย์พี่สองคำนี้อีกครั้งมากๆ ก่อนจะจากไป

หวังเป่าเล่ออ้าปาก แต่คำสองคำนี้กลับคล้ายติดอยู่ในลำคอ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเงียบ แต่กลับยกมือขวาขึ้นและตบเข้าที่หว่างคิ้วของตนอย่างแรง

เมื่อตบลงไป ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน ปราณมืดรอบกายผันผวน อวกาศคล้ายจะสั่นไหว กลิ่นอายบนร่างของหวังเป่าเล่อพลันระเบิดออกมาขณะที่ตัวสั่นสะท้าน

ด้วยการระเบิดนี้ ทำให้ด้านหลังของเขามีเงาร่างของอดีตชาติปรากฏขึ้นทันที เป็นเผ่าเทพอัคคีอันสะเทือนฟ้าสะเทือนดินผู้นั้นก่อน จากนั้นกลิ่นอายของผีดิบก็พุ่งเทียมฟ้า ก่อนเป็นดาบเวทย์ เป็นความแค้น จนกระทั่งเมื่อเงาร่างของกวางขาวน้อยปรากฏขึ้น เงาร่างจากอดีตชาติเหล่านี้ก็ยืนอยู่เบื้องหลังของหวังเป่าเล่อ ยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน อานุภาพทรงพลังน่าตะลึงเรื่อยๆ

ทุกๆ ร่างคล้ายจะแฝงไว้ซึ่งพลานุภาพไร้ที่สิ้นสุด

ทุกๆ ร่างคล้ายจะฉีกประชากท้องนภาอันว่างเปล่า สยบทุกสารทิศ

เมื่อพลังฝึกปรือของหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นและห้าธาตุของเข้าล้ำลึกมากขึ้น ร่างอดีตชาติของเขาก็ก้าวกระโดดไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ขณะที่ฟ้าดินสั่นสะเทือนและเกิดการระเบิดเขย่าอวกาศ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขึ้นแล้วประสานสิบนิ้วไว้ตรงหน้าช้าๆ

การเคลื่อนไหวเชื่องช้าราวกับเรื่องที่เขากำลังจะทำนั้นยากเย็นต่อเขาอย่างยิ่ง แต่สองมือกลับมั่นคงเหลือเกิน มือทั้งสองค่อยๆ เข้ามาใกล้กัน ร่างอดีตชาติด้านหลังของเขาก็ซ้อนทับเข้าด้วยกันช้าๆ

จนกระทั่งมือของหวังเป่าเล่อสัมผัสเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ในชั่วพริบตา เงาอดีตชาติด้านหลังของเขาก็ผสานรวมกันจนหมด ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย พวกมันพัฒนากลายเป็น…กระดานไม้ดำ!

มันแตกต่างจากกระดานไม้ดำที่เคยปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ ร่างเดิมที่เคยถูกหวังเป่าเล่อแสดงออกมาหลายครั้งล้วนเป็นเงามายา มีเพียงครั้งนี้เท่านั้น…ที่ไม่ใช่ภาพมายา!

แต่เป็นของจริง!

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าต่อให้พลังฝึกปรือในปัจจุบันของหวังเป่าเล่อจะไม่สามัญ แต่เขาก็ยังไม่อาจทำให้ร่างเดิมกระดานไม้ดำปรากฏออกมาอย่างชัดเจนสมบูรณ์แบบได้ ดังนั้นกระดานไม้ดำที่ปรากฏขึ้นนี้จึงมีบริเวณหนึ่งส่วนเป็นของจริง และอีกเก้าส่วนยังคงเป็นภาพมายา

เมื่อกระดานไม้ดำปรากฏขึ้น แม้จะเป็นของจริงแค่เพียงส่วนเดียว แต่ในชั่วพริบตามันก็ระเบิดกลิ่นอายสะเทือนฟ้าออกมา แผ่ขยายเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ทั่วทั้งโลกแห่งศิลาสั่นสะเทือน ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณของจักรพิภพสำนักเสริมก็ใจแกว่งไกว สีหน้าเคร่งเครียด

และยังมีปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์ที่นั่งสมาธิอยู่บนหน้าผาหน้าน้ำตกในเขตต้องห้ามของสำนักดาราจันทร์มาเนิ่นนานหลายปีแล้ว ตอนนี้เขาก็ลืมตาขึ้น มองไปยังอวกาศ

“เวลา ใกล้มาถึงแล้ว…” ขณะที่ปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์เอ่ยพึมพำเสียงเบา กลิ่นอายเบื้องหลังของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งแผ่ไพศาล คล้ายกับว่าตัวเขากลายเป็นแหล่งกำเนิดที่ทำให้โลกแห่งศิลาสั่นสะเทือนต่อไป ก้นบึ้งจิตใจของสรรพชีวิตก็มีความเคารพบูชาไร้ที่มาผุดขึ้น

เฉินชิงจื่อเป็นคนแรกที่ได้รับผล เขาที่ทรงพลังเช่นนี้กลับต้องถอยหลังไปสองสามก้าว แววตาฉายประกายเจิดจ้า ขณะที่จ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อ เขาก็มองไปที่กระดานไม้ดำเช่นกัน

เขารู้ที่มาของศิษย์น้องเล็กของตน แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้เขาเมื่อเขาได้เห็นกับตาตัวเอง ในใจก็ยังมีความผันผวนรุนแรงสาดซัด เขาเดาได้รางๆ ว่าหวังเป่าเล่อคิดจะทำอะไร สีหน้าจึงพลันซับซ้อน

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้า…”

เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยให้จบ สองมือที่ประสานเข้าด้วยกันของหวังเป่าเล่อก็คลายออก เขาพลันยกมือขวาขึ้นไปยังของจริงหนึ่งส่วนบนกระดานไม้ดำที่ก่อตัวอยู่เบื้องหลัง แล้วกดลงไป ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด เพียงแต่เส้นเลือดดำปนหน้าผากปูดโปนขึ้นมา แล้วฉีกหักมันอย่างแรง!

เสียงดังกึกก้อง กระดานไม้ดำบริเวณหนึ่งส่วนหักออกมาทันทีด้วยความยินยอมของหวังเป่าเล่อเอง ถูกเขาบังคับหักเป็นเศษไม้ขนาดเท่านิ้วมือ!

หากดูรวมๆ แล้ว มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในร้อยของกระดานไม้ดำ แต่เพราะว่าตำแหน่งสถานะของมันสูงอย่างยิ่ง ดังนั้นแม้จะเป็นเศษไม้ แต่ก็เป็นสมบัติชั้นเลิศสะเทือนฟ้าเช่นกัน

และแรงภายนอกก็ไม่อาจทำลายกระดานไม้ดำนี้ได้ มีเพียงตัวมันเองเท่านั้น…ถึงจะทำลายตัวมันได้ และผลกระทบที่เกิดจากการหักย่อมไม่น้อยเลย ดังนั้นในพริบตาต่อมา กลิ่นอายบนร่างของหวังเป่าเล่อก็ผันผวนรุนแรง สีหน้าขาวซีด

แต่ผลกระทบเช่นนี้ไม่ได้คงอยู่นาน ไม้มีพลังแห่งการกำเนิดใหม่ ดังนั้นหลังจากให้เวลาพักหนึ่งหรือมอบโอกาสวาสนาให้หวังเป่าเล่อ มันก็ยังมีโอกาสจะฟื้นตัวได้

ขณะนี้เขาคว้าจับเศษไม้ชิ้นนี้ไว้ หวังเป่าเล่อไม่ลังเล เมื่อเงยหน้ามองเฉินชิงจื่อ เขาก็โยนออกไปทันใด ทำให้เศษไม้ชิ้นนี้พุ่งไปหาเฉินชิงจื่อตรงๆ

นี่เป็นสิ่งเดียวที่หวังเป่าเล่อสามารถทำได้ เขาไม่อาจเบิกตามองเฉินชิงจื่อทะลวงไปเช่นนี้ได้ เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายดังนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงมอบร่างเดิมไม้ดำชิ้นหนึ่งออกไป

ประโยชน์ใหญ่ที่สุดของของสิ่งนี้ก็คือการสยบโชคชะตา และการสยบเช่นนี้…ถ้าหากใช้กับตัวเองล่ะก็ จะทำให้ดวงวิญญาณเทพคล้ายถูกสยบเอาไว้ แต่ความจริงแล้วกลับถูกปกป้องต่างหาก

เมื่อเป็นเช่นนี้…ต่อให้สุดท้ายแล้วจะล้มเหลว แต่ก็อาจจะ…ดำรงอยู่ได้เพราะจุดจุดนี้ ทำให้ถึงแม้ว่าดวงวิญญาณเทพจะแตกสลาย แต่วิญญาณแท้ยังอยู่ มีโอกาสได้กลับชาติมาเกิด

เฉินชิงจื่อโบกมือ ไม่ได้เข้าไปรับ แต่หมุนเศษไม้ชิ้นนี้กลับไปตรงหน้าหวังเป่าเล่อ

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าไม่ต้องการของสิ่งนี้!”

“ไม่ได้ให้ท่าน แต่ให้ท่านยืม จำไว้ล่ะ…ต้องเอามาคืนข้า” หวังเป่าเล่อก็โบกมือเช่นกัน เศษไม้บินไปหาเฉินชิงจื่ออีกครั้ง

เฉินชิงจื่อเงียบงัน ผ่านพักครู่หนึ่งก็ถอนหายใจแผ่วเบา หยิบเศษไม้ชิ้นนี้มาไว้ในมือ กำเอาไว้แน่น เขาเงยหน้ามองหวังเป่าเล่ออย่างล้ำลึกปราดหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น

“ศิษย์น้องเล็ก หลังข้าจากไป ถ้าหากมีวันหนึ่งที่อวกาศกลายเป็นสีเลือด…”

“นั่นหมายความว่า ข้าล้มเหลวแล้ว”

“อวกาศสีเลือดเกิดมาจากเต๋าโลหิตของข้า ภายในนั้นก็จะมีดวงจิตเทพของข้าอยู่ เจ้าสัมผัสถึงมันได้ ในดวงจิตเทพนั้น…มีคำพูดที่ข้าอยากเอ่ยต่อเจ้า”

“ศิษย์น้องเล็ก ลาก่อน”

“ศิษย์น้องเล็ก โลกแห่งศิลามีเกิดก็ต้องมีดับ เหมือนหยินและหยาง หมื่นชีวิตในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ มีแสงสว่าง ก็มีความมืด…เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมอาจารย์ถึงรับแค่เจ้ากับข้าเป็นศิษย์…”

“มีบางเรื่อง ถ้าหากข้าทำสำเร็จแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับหรือรับรู้ ถ้าหากข้าล้มเหลว…เป็นเพราะศิษย์พี่ไร้ความสามารถ เจ้าก็ต้อง…เดินไปด้วยตัวเองแล้ว”

“ศิษย์น้องเล็ก…ลาก่อน” เฉินชิงจื่อมองหวังเป่าเล่อที่ก้มหน้าอยู่อย่างลึกซึ้งคราหนึ่งราวกับรออะไรบางอย่าง แต่รออยู่หลายอึดใจ เขาก็ไม่รอ สุดท้ายเขาก็หันกายพร้อมแววตาหมองหม่น เดินไปยังความว่างเปล่า หนึ่งก้าวต่อหนึ่งก้าว แผ่นหลังอ้างว้าง กำลังจะหายไปอยู่รอมร่อ

“ศิษย์พี่!”

“รอดชีวิตกลับมา!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าฉับพลัน ใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตร้องตะโกนเสียงดังออกไป

เฉินชิงตัวสั่นไหว ในที่สุดเขาก็รอได้ยินคำเรียกนี้แล้ว ขณะนี้เขาไม่ได้หันกลับไป แต่กลับมีเสียงหัวเราะดังสะท้อนก้อง ในเสียงหัวเราะมีความไม่เสียใจ มีความแน่วแน่ มีความอิ่มเอม!

ก้าวหนึ่งก้าว ก็เข้าไปสู่ความว่างเปล่า!

…………………