เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1553
ผู้คนขวักไขว่ไปมา ลอยไปลอยมา วัตถุลอยฟ้าเต็มไปหมด
ลู่ฝานเดินตามพวกผู้อาวุโสสามเข้าไปในเมืองตันเซิ่ง สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาไม่ใช่ผู้คนที่มากันอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่สิ่งก่อสร้างวางเรียงราย แต่เป็นจวนอากาศธาตุที่เปิดประตูกว้าง
ด้านนอกจวน ใช้สีต่างๆ เขียนเป็นป้ายตัวอักษรลอยกลางอากาศ
ร้านยา ร้านสมุนไพร ร้านอาหาร ร้านน้ำชา มีอย่างครบครัน
มองผ่านประตูจวนอากาศธาตุเข้าไปด้านใน ลู่ฝานเห็นภาพทิวทัศน์สวยงามด้านใน รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่มีกลิ่นอายโบราณ
สไตล์แตกต่างกัน แต่มีกลิ่นอายโบราณและงดงาม เหมือนพื้นที่ในจวนกว้างมากด้วย ไม่ด้อยไปกว่าจวนที่เซียนสือฟางให้เขาเลย
บนถนนไม่ค่อยมีคนมากเท่าไร แต่ภายในจวนกลับเต็มไปด้วยเสียงคนดังเจี๊ยวจ๊าว
ถ้ามีเวลาลู่ฝานอยากเดินเล่นในเมืองแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขามาเพราะเรื่องสำคัญ
เดินตรงไปทางเสาแสงที่อยู่ตรงกลาง ไม่นานพวกลู่ฝานเห็นบนถนนเริ่มมีแถบแสงกระจายไปทั่ว แถบแสงเส้นที่อยู่ตรงกลางสุดทอดยาวไปไกล
“ขึ้นไปยืนข้างบน!”
ผู้อาวุโสสามพูดเสียงดัง
หั่วหลงชิ่ง หั่วหลงจู้และหั่วตันซู รีบเก็บพลังแล้วยืนบนแถบแสง
วินาทีต่อมาทั้งสามคนกลายเป็นลำแสงหายไปทันที
ลู่ฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสามยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ขึ้นไปยืนสิ!”
ลู่ฝานมองผู้อาวุโสสามแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นก้าวขึ้นไปยืนข้างบน
วินาทีต่อมาลู่ฝานรู้สึกว่ามีแรงดูดมหาศาลกระชากเขาไปข้างหน้า
ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสายน้ำหลากสีสัน วิวมากมายผ่านข้างตัวเขาไป
ยังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าพลังฟ้าดินมากมายพุ่งมาบนตัวเขา
แม้ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ แต่ความรู้สึกนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ
โลกตรงหน้าเหลือแค่เสาแสงที่อยู่ไกลๆ
แสงนั่นรับกับฟ้าดิน ลู่ฝานสงสัยว่ามันตรงไปยังสวรรค์ชั้นแปดของประเทศตันเซิ่งหรือเปล่า
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่ฝานรู้สึกว่าแถบแสงด้านล่างเท้าหยุดลง
วิวรอบตัวเปลี่ยนไปทั้งหมด ตอนนี้ลู่ฝานเห็นพวกหั่วหลงชิ่งแล้ว
เมื่อมองออกไป ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเสาแสงไม่มากเท่าไรแล้ว
เมื่อเพ่งมองไปไกลๆ ภายในเสาแสงมีประตูบานหนึ่งเปิดออกช้าๆ
ผู้อาวุโสสามปรากฏตัวด้านหลังพวกเขา “เข้าไปกันเถอะ คนตระกูลอื่นน่าจะรอเราอยู่ข้างในแล้ว!”
ทั้งสี่คนเดินตามผู้อาวุโสสามเข้าไปในเสาแสง มองจากไกลๆ ลู่ฝานเห็นในเสาแสงมีประกายระยิบระยับ ราวกับมีดวงตามากมายจ้องพวกเขาอยู่
ความรู้สึกนี้ทำให้ลู่ฝานขนลุกไปทั้งตัว เขาแอบรู้สึกว่ามีสิ่งที่น่ากลัวสุดๆ อยู่ในเสาแสง
ทั้งห้าคนมาถึงหน้าประตู ไม่เห็นผู้อาวุโสสามทำอะไรเลย เสาแสงห้าต้นส่องลงมาบนตัวพวกเขา
ทันใดนั้น ตัวของพวกลู่ฝานหายไปจากที่เดิม เมื่อปรากฏตัวอีกที ด้านล่างเท้าเต็มไปด้วยเมฆมากมาย
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ปรากฏข้างหน้า ตำหนักเมฆสูงใหญ่ มีหุ่นเชิดเกราะดำยืนอยู่รอบๆ รวมถึงเจดีย์ยาสีต่างๆ รอบๆ ที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
ก่อขึ้นมาจากเมฆขาวทั้งหมด เหมือนความฝันอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเงยหน้ามองไป เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว เหมือนเอื้อมมือไปคว้าได้
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “จวนอากาศธาตุ อย่าบอกนะว่าวังของประเทศตันเซิ่งคือจวนอากาศธาตุ”
พวกหั่วตันซูหัวเราะ ผู้อาวุโสสามยิ้มบางๆ วังของประเทศตันเซิ่งเป็นแค่เขตวิถี เขตวิถีในเมฆ!”
ลู่ฝานมองรอบๆ อย่างตกตะลึง ที่นี่คือเขตวิถีอย่างนั้นเหรอ
เขตวิถีที่ดูไร้ขอบเขต ไม่มีร่องรอยของพลังอะไรเลยสักนิด
ถ้าให้พูดว่าที่นี่คือเขตวิถี ลู่ฝานคิดว่ามันเหมือน……โลกมากกว่า!
ใช่แล้ว มันคือโลก!
ลู่ฝานย่อตัวลง ใช้ฝ่ามือสัมผัสลงบนเมฆขาว
ทันใดนั้นลู่ฝานรู้สึกว่าพลังแห่งโลกในตัวเคลื่อนไหวเล็กน้อย เมฆขาวด้านล่างเท้ารวมตัวกันเป็นเกลียวเล็กน้อย
ลู่ฝานดึงมือกลับมาแล้วสูดหายใจลึก คิดไม่ถึงว่าพลังแห่งโลกของจักรพรรดิอู่ จะหวาดกลัวพลังที่นี่เล็กน้อย
เมื่อลู่ฝานสัมผัสถึงสิ่งนี้ ก็ยิ่งเลื่อมใสเขตวิถีในเมฆแห่งนี้
ไม่แน่ที่นี่อาจเป็นอย่างที่ในตำนานบอกว่าคือสิ่งที่ตันเซิ่งหลงเหลือเอาไว้ ลู่ฝานรู้สึกอยากนั่งลงทำความเข้าใจเขตวิถีแห่งนี้
แต่เขาอดทนไว้ เพราะเขารู้ว่าจากพละกำลังของเขาในตอนนี้ ถ้าฝืนทำความเข้าใจเขตวิถีระดับนี้ ต้องใช้สมาธิและเวลาเป็นอย่างมาก
และตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือเวลา
ทันใดนั้นมีใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏกลางอากาศ เสียงพูดเหมือนฟ้าผ่า “ลูกหลานตระกูลหั่ว เข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์!”
เมื่อพูดจบ สายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้า ปูเป็นทางเดินตรงหน้าพวกลู่ฝาน
มีกลุ่มคนปรากฏขึ้นรอบตัว ล้วนเป็นผู้ฝึกชี่ที่ลอยอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ
ผู้ฝึกชี่ที่ทำงานอยู่ที่เขตวิถีในเมฆ สวมชุดคลุมยาวสีขาวขุ่นเหมือนกันทั้งหมด สวมหมวกคลุมศีรษะ ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อปิดบังใบหน้าตัวเอง
เมื่อมองออกไป ผู้ฝึกชี่ชุดขาวพากันคำนับทำความเคารพพวกลู่ฝาน ส่งพวกเขาไปยังศูนย์กลางเขตวิถีในเมฆด้วยความเคารพ
เดินตามแสงสายฟ้าไปข้างหน้า ไม่นานพวกลู่ฝานเห็นตำหนักที่บรรยายได้เพียงคำว่างดงามตระการตา