เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1554
นั่นเป็นตำหนักที่ส่องแสงสว่างจ้า เสาเก้ามังกร ลายกิเลน สูงเป็นอย่างมาก เมื่อมองออกไป มันยิ่งใหญ่จนไม่สามารถมองเห็นหมด
หน้าประตูมีหุ่นมังกรตั้งอยู่ห้าตัว แบ่งเป็นสีของห้าธาตุ กรงเล็บขนาดใหญ่ติดกำแพง หัวมังกรคำรามขึ้นฟ้า
ประตูตำหนักเปิดกว้าง เมื่อมองเข้าไปเห็นมวลแสงอยู่ข้างใน
ผู้อาวุโสสามหยุดลงหน้าประตู จัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อย
พวกลู่ฝานก็จัดระเบียบเสื้อผ้าตามด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเดินตามผู้อาวุโสสามเข้าไปข้างใน
สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือพื้นที่มิติสีเงิน แสงห้าธาตุรวมตัวเป็นเส้น แบ่งมันออกเป็นส่วนๆ
ตรงสุดสายตา ผู้ฝึกชี่ลอยอยู่กลางอากาศเป็นแถว และนั่งอยู่ตรงกลาง มวลแสงขนาดใหญ่อยู่บนหม้อยาหยินหยางขนาดมหึมา ขนาดรัศมีวงกลมสามร้อยกว่าเมตร
ลู่ฝานเห็นแล้วถึงกับอึ้ง
“หั่วเจิ้งสิงนำลูกหลานตระกูลหั่วเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
ผู้อาวุโสสามและพวกหั่วหลงชิ่งรีบคุกเข่าหมอบกราบ
ส่วนลู่ฝานกลับยืนนิ่ง มองมวลแสงขนาดใหญ่อย่างเฉยเมย เหมือนอยากเห็นเงาคนในมวลแสงนั่นชัดๆ
“บังอาจ!”
“เข้าเฝ้าฝ่าบาท กล้าไม่ทำความเคารพอย่างนั้นเหรอ!”
เห็นลู่ฝานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผู้ฝึกชี่ตวาดเสียงดุ
หั่วตันซูแอบดึงเสื้อลู่ฝานสองสามครั้ง ลู่ฝานไม่สะทกสะท้าน เหมือนเหม่อลอยไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริงลู่ฝานแอบขำอยู่ในใจ
เขาโตมาขนาดนี้ ขนาดพ่อกับปู่เขายังไม่ทำความเคารพขนาดนี้เลย แค่กษัตริย์ของประเทศตันเซิ่ง จะให้เขาหมอบกราบอย่างนั้นเหรอ ตลกสิ้นดี!
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต่อต้านให้เห็นอย่างชัดเจน ทำแบบนั้นคงโง่เขลามาก ดังนั้นลู่ฝานจึงทำเป็นคนไม่รู้ประสีประสา มองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย
เป็นไปตามคาด “มวลแสง” พูดออกมาแล้ว
“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ หั่วเจิ้งสิง ตระกูลหั่วมีคนใหม่มาตั้งแต่เมื่อไร”
พวกผู้อาวุโสสามลุกขึ้นอย่างนอบน้อม พวกเขาเหลือบใส่ลู่ฝานอย่างน่ากลัว
หลังจากนั้นผู้อาวุโสสามพูดว่า “ทูลฝ่าบาท เขาเป็นผู้ดูแลใหม่ของตระกูลหั่ว ชื่อลู่ฝาน!”
เพิ่งพูดจบ ผู้ฝึกชี่ที่อยู่ด้านหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้ก็คนต่างแซ่นี่เอง”
“หั่วเจิ้งสิง ตระกูลหั่วพาคนต่างแซ่มาเข้าร่วมการประลองของห้าตระกูลใหญ่ ดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า!”
“ใช่ เขาไม่ได้แซ่หั่ว จะเข้าร่วมประลองได้ยังไง”
หั่วเจิ้งสิงตอบคนที่พูดอย่างเฉยเมยว่า “ผู้อาวุโสตระกูลมู่ เมื่อก่อนนายแซ่มู่หรือไง ผู้อาวุโสตระกูลจิน ผู้อาวุโสหกของตระกูลนายก็แซ่จินงั้นเหรอ”
คำถามเพียงสองประโยค ทำให้ทั้งสองคนส่งเสียงหึออกมาไม่หยุด
ลู่ฝานมองไปทางพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลย คนพวกนี้ต้องเป็นผู้อาวุโสของตระกูลอื่นแน่ๆ
ทว่าฝ่าบาทประเทศตันเซิ่งหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นผู้ดูแลของตระกูลหั่ว ก็คือลูกหลานตระกูลหั่ว ในเมื่อห้าตระกูลใหญ่มากันครบแล้ว งั้นพรุ่งนี้เริ่มประลองอย่างเป็นทางการ ตามธรรมเนียมเดิม วันประลองประกาศให้ทุกคนทราบ วางม่านห้าธาตุให้ทั่วสวรรค์ชั้นหก ต้องให้ทุกคนได้เห็น การประลองแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งคือวิชายา สองคือวิชา ขอบใจผู้อาวุโสทุกท่าน ไปพักผ่อนกันได้แล้ว!”
ทุกคนคำนับแล้วขานรับ ครั้งนี้ไม่ต้องหมอบกราบแล้ว ลู่ฝานก็คำนับเล็กน้อย
ทันใดนั้นแสงค่ายกลสว่างขึ้นด้านล่างเท้า ตัวของทุกคนหายไปทันที เมื่อปรากฏตัวอีกทีก็มาอยู่บนก้อนเมฆแล้ว
ห้องกว้างขวางห้องหนึ่ง มีสายลมและเมฆขาวเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ
ลู่ฝานกำลังมองรอบตัว จู่ๆ เสียงผู้อาวุโสสามดังขึ้นด้านหลัง
“ลู่ฝาน วันนี้นายทำให้ขายหน้ามาก นายเคยเรียนธรรมเนียมประเพณีตระกูลหั่วแล้ว ฉันหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก!”
ลู่ฝานพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงอยู่
หั่วหลงจู้เห็นท่าทางของลู่ฝาน เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เป็นคนกระจอกจริงๆ เห็นอะไรยิ่งใหญ่แค่นิดหน่อยก็ถึงกับอึ้ง”
หั่วหลงชิ่งหัวเราะแล้วส่ายหน้า การแสดงออกของลู่ฝานทำให้เขารู้สึกดูหมิ่นในใจเหมือนกัน
อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลจิน
ผู้อาวุโสตระกูลจินลูบพุงกลมของตัวเองแล้วพูดว่า “นั่นคือลู่ฝานที่เอาชนะจินเซ่าเหยียนเหรอ ดูเป็นคนตลกชะมัด! พรุ่งนี้เอาสูตรยาที่ดีที่สุด สมุนไพรที่ดีที่สุดมาให้ฉัน ห้ามทำให้ขายหน้าเหมือนลู่ฝานเข้าใจไหม”
ลูกหลานตระกูลจินหัวเราะตาม
ตระกูลมู่
ผู้อาวุโสตระกูลมู่พูดเสียงดัง “พรุ่งนี้คือการต่อสู้ครั้งแรก สองสามปีมานี้วิชายาของตระกูลมู่อยู่อันดับหนึ่ง ปีก่อนพลาดท่าให้สุ่ยหมิงคงชนะไปได้ ครั้งนี้ห้ามให้เขาได้ใจอีกเข้าใจไหม”
ลูกหลานตระกูลมู่ขานรับเสียงสูง
ตระกูลถู่
ผู้อาวุโสรองตระกูลถู่พูดน้ำลายกระจาย “การต่อสู้ห้าปีครั้งที่แล้วคือความอัปยศ พรุ่งนี้พวกเราต้องลบล้างความอัปยศ พวกนายมั่นใจหรือเปล่า”
พวกลูกหลานตระกูลถู่มองหน้ากันทันที “ผู้อาวุโส วิชายาของตระกูลเราอยู่อันดับสุดท้ายมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
ผู้อาวุโสรองถลึงตาพูดว่า “อย่าเอาความจริงมาพูด!”
ตระกูลสุ่ย
ผู้อาวุโสสี่ตระกูลสุ่ยมองสุ่ยหมิงคง แล้วมองสุ่ยโม่หราน “พวกนายคงเหนื่อยกันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ!”
สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มองผู้อาวุโสสี่ขึ้นไปพักผ่อนข้างบน
สุ่ยหมิงคงหันมามองสุ่ยโม่หราน “พรุ่งนี้เป็นวันที่เธอจะโด่งดังแล้ว ดีใจไหม”
สุ่ยโม่หรานแกว่งขวดยาไปมา ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ดีใจนิดหน่อย!”