ภาคที่ 7 ศึกสุดท้าย บทที่ 82 เผ่าเชียง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 82 เผ่าเชียง

ถัดจากกู่ลั่วเค่อไปก็คือ ‘ที่ราบพันกระดูก’

ที่ราบพันกระดูก เป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่า และมีโครงกระดูกสีขาวกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณตามชื่อของมัน

ที่นี่มีทรัพยากรเพียงน้อยนิด ดังนั้นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างรุนแรง สิ่งมีชีวิตประหลาดที่อาศัยอยู่ที่นี่มักต้องสู้กันเพื่อแย่งอาหารเสมอ

ส่วนผู้ปกครองดินแดนรกร้างแห่งนี้ก็คือ กลุ่มคนป่าเถื่อน

คนป่าเถื่อนหลายเผ่ากระจายตัวกันอาศัยอยู่ในที่ราบพันกระดูก ทั้งหมดมีเครือข่ายเชื่อมโยงที่ทั้งแตกแยกและเป็นหนึ่งในเวลาเดียวกัน

ผู้เฒ่าจี๋ฮาเป็นผู้นำของหนึ่งในเผ่าคนป่าเถื่อนเหล่านี้

เผ่าเชียงของเขาเคยรวมที่ราบพันกระดูกให้เป็นปึกแผ่น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เผ่าของจี๋ฮาก็อ่อนแอลง ตอนนี้เผ่าเชียงถูกบีบออกจากพันธมิตรสิบสองเผ่า และกลายเป็นเพียงเผ่าขนาดกลางเท่านั้น

วันนี้เป็นวัน งานฉลองแห่งสวรรค์ ของเผ่าเชียง

เด็กหนุ่มสาวของเผ่าต่างออกมาจากที่พักแรมของตัวเอง พวกเขาขี่หลังอสูรสงครามอันเป็นที่รักมาพร้อมกับคันธนูและกระบี่ที่พากันส่งเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งที่ราบแห่งนั้น

สิ่งมีชีวิตประหลาดถูกบีบให้ต้องออกมาจากที่ซ่อนของมันและกำลังถูกไล่ล่าโดยวัยรุ่นชาวป่าเถื่อน ในขณะเดียวกันนั้น หญิงสาวชาวเผ่าเชียงก็พากันร้องเล่นเต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน

หญิงที่กำลังร้องเล่นอยู่นั้นต่างพยายามแสดงความสามารถออกมาให้ได้อย่างดีที่สุดเพื่อให้เหล่านักรบหนุ่มได้เห็น

นี่เป็นธรรมเนียมของเผ่าเชียง การเฉลิมฉลองและการเกี้ยวพาราสีเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเผ่ามานาน นักรบที่แสดงความสามารถได้ยอดเยี่ยมที่สุดก็จะได้เป็นวีรบุรุษของเผ่า

ทว่าในวันนี้กลับมีบางอย่างที่แปลกไปจากปกติ

แรดเถื่อนตัวหนึ่งมุ่งหน้าเข้าใส่ดินแดนรกร้างแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง

แรดตัวนี้มีความสูงราว 10 ฉื่อ ผิวหนังของมันเป็นเกล็ดหนาทำให้สามารถต้านทานกับแรงโจมตีได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือนอที่บนหัวของมันที่สามารถยิงสายฟ้าออกไปได้ จะเรียกว่าแรดตัวนี้เป็นอสูรกายที่แข็งแกร่งที่สุดในบนบรรดาอสูรกายในท้องถิ่นแห่งนี้เลยก็ไม่ผิดนัก

คนป่าเถื่อนที่กำลังตามล่ามันอยู่ก็คือเด็กหนุ่มสาวฝีมือเยี่ยมของเผ่าเชียงนั่นเอง

กว่า 20 คนนั้นกำลังไล่ล่าแรดยักษ์ด้วยการขี่งูบิน เด็กหนุ่มที่ด้านหน้าสุดสวมหมวกสีแดงและมีหอกสั้นอยู่ในมือ ธงไล่ล่าถูกติดไว้ที่ด้านหลังของเขา

“ตัวนี้ของข้า!” เด็กหนุ่มตะโกนขึ้น

“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะ เถิง พวกข้าคงไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก” เด็กหนุ่มอีกคนร้องขึ้นขณะบังคับงูตัวเองไปข้าง ๆ เถิง

“ถูกต้อง! เพื่อแม่นาง อีลี่!”

“เพื่อเผ่าเชียง!”

“เพื่อเกียรติยศของเรา!”

เด็กหนุ่มพากันกู่ร้องพร้อมกับโจมตีแรดตัวนั้น

เลือดมากมายสาดกระจายออกจากร่างของแรดยักษ์ที่กำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

ดูเหมือนว่ามันจะรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป มันก็จะต้องพบกับความตายในท้ายที่สุด อสูรกายร่างยักษ์จึงเริ่มต่อสู้

มันหมุนตัวไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มป่าเถื่อน นอที่อยู่บนหัวเริ่มเปล่งประกายสว่างจ้าพร้อมกับสายฟ้าที่เริ่มส่องแสงแปลบปลาบขึ้นบนผิว ทันใดนั้นสายฟ้าก็พลันพุ่งออกมาจากนอนั้นตรงเข้าปะทะกับหนึ่งในเด็กหนุ่มป่าเถื่อน

เด็กหนุ่มกระเด็นออกไปจากหลังงู ทว่าคนอื่น ๆ ที่ยังไม่โดนทำร้ายยังไม่รู้สึกสะท้านหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย พวกเขากลับโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น

เกียรติยศจากการออกล่านั้นก็คือการนองเลือดเท่านั้น หากฝ่ายผู้ล่าไม่ได้หลั่งเลือดเลยแม้แต่น้อย ชัยชนะของพวกเขาก็จะมีค่าน้อยลงทันที

ดังนั้นการล่าในทุกปีจึงพุ่งเป้าไปที่สิ่งมีชีวิตที่สามารถสู้ตอบโต้ได้ และเด็กหนุ่มสาวของเผ่าก็จะได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหารในระหว่างการล่าอยู่เสมอ

มีเพียงวีรบุรุษตัวจริงเท่านั้นที่จะได้รับเกียรติอย่างแท้จริง

เด็กหนุ่มเถิงรีบเข้าประชิดแรดยักษ์และจ้วงแทงเข้าใส่มันด้วยหอกสั้นขณะโฉบผ่านร่างของมันไป

การโจมตีที่ทรงพลังและแม่นยำของเขาสร้างแผลลึกบนร่างของแรดยักษ์ที่กำลังส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส มันปล่อยสายฟ้าออกมาอีกครั้ง

แต่แล้วธงผืนใหญ่บนหลังของเด็กหนุ่มก็พลันดูดซับเอาสายฟ้าทั้งหมดหายเข้าไปอย่างง่ายดาย พร้อมกันนั้น เถิงหันกลับมาและยืนประจันหน้ากับแรดยักษ์โดยชี้ปลายของธงนั้นเข้าใส่มัน

ธงผืนนี้ต่างหากที่เป็นอาวุธที่แท้จริง และยังเป็นความภาคภูมิใจของเถิงด้วย

ทว่าขณะนั้นเองงูที่เขากำลังขี่อยู่กลับล้มพับลง…ร่างของเถิงกระเด็นออกจากหลังของงูร้ายและร่วงลงบนพื้น

แรดยักษ์พุ่งตัวเข้ามาทันที มันก้มหน้าและคิดจะใช้นออันโตขวิดร่างเถิง

“เถิง!” คนอื่น ๆ ร้องขึ้นด้วยความตกใจ

ในขณะที่คนอื่น ๆ เสียสละเพื่อเกียรติยศ แต่เถิงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

ขณะที่นอแรดกำลังจะพุ่งเข้ามาถึงตัวเขา มือหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเถิง

มือนั้นคว้านอแรดเอาไว้

แรดยักษ์รู้สึกราวกับว่านอของมันปะทะเข้ากับขุนเขาอันหนักแน่นที่ไม่สะท้านต่อพลังของมันเลย นอนั้นไม่สามารถทะลวงไปได้และพลังที่ส่งออกไปก็สะท้อนกลับมาหาตัวมันในทันใด

มือปริศนากำลังจะปะทะร่างเถิงอยู่แล้วแต่มันกลับพลิกด้านเสียอย่างนั้น

ภาพที่น่าตกใจปรากฏขึ้น

แรดยักษ์ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

แรดขนาดมหึมาที่ทั้งกำยำและแข็งแกร่งกลับไม่สามารถขยับตัวได้เลยเพราะมือที่คว้านอมันเอาไว้ อันที่จริงแล้วเจ้าของมือนั้นเหวี่ยงมันไปมาอย่างง่ายราวกับว่านอนั้นเป็นเพียงด้ามกระบี่เล็ก ๆ

การโจมตีนั้นยังไม่ได้ถูกทำลายไป แต่มันหยุดนิ่งเสียแล้ว

พลังหยุดยั้งอันทรงพลังส่งระลอกคลื่นโจมตีของฝ่ายตรงข้ามสะท้อนกลับไปทันที

แรดยักษ์ยังไม่ตาย แต่ร่างของมันยังลอยอยู่ในอากาศ

ตอนนี้ทุกคนรู้สึกแล้วว่าเจ้าของมือปริศนาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่าพวกเขาเพียงไม่กี่ปี ที่เบื้องหลังของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่คนนี้เป็นหุ่นเชิดโลหะขนาดยักษ์

“เจ้าเป็นใครกัน บุกเข้ามาในอาณาเขตของเผ่าเชียงทำไม” เถิงร้องขึ้น

“เขาไม่เรียกคนที่เพิ่งช่วยชีวิตตัวเองกันแบบนั้นหรอกนะ” หลินซวงตอบนิ่ง ๆ

เถิงนิ่งไปก่อนจะแสดงสีหน้าถมึงทึง “เผ่าเชียงไม่ต้องการจะเป็นหนี้บุญคุณใคร!”

สิ้นคำเด็กหนุ่มก็ชักดาบออกมาเพื่อจะเชือดคอตัวเอง

หลินซวงตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เถิงทำ เขารีบตรงเข้าไปคว้ามือที่ถือดาบนั้นอย่างรวดเร็ว จากทิศทางของแรงแล้ว เขาก็บอกได้ทันทีว่าเถิงตั้งใจจะตัดคอตัวเองจริง ๆ

ให้ตายสิ!

คนป่าเถื่อนพวกนี้ไร้อารยะจริง ๆ กระหายเลือดกันเสียเหลือเกินถึงขึ้นทำฆ่าตัวตายทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบนี้

ชีวิตของคนอื่นไม่มีค่า…แต่ชีวิตของพวกเขาเองก็ไม่ต่างกัน

หลิยซวงส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก”

คนอื่น ๆ รีบมุ่งหน้าเข้ามาพร้อมกับชี้อาวุธมายังหลินซวงพร้อมโจมตี

หลินซวงยกมือขึ้น “ข้ายอมแล้ว”

แรดยักษ์ยังคงอยู่ในมือเขา มันไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากส่งเสียงคร่ำครวญอย่างอ่อนแรง ร่างขนาดมหึมานั้นดูโดดเด่นทีเดียวท่ามกลางดินแดนรกร้างที่กว่างขวางแห่งนี้

ที่ในค่ายพักแรมของเผ่าเชียง

ในกระโจมของหัวหน้าเผ่า

ผู้เฒ่าก้งหันไปมองหลินซวงด้วยท่าทางงุนงง สลับไปมากับหุ่นเชิดโลหะที่ด้านหลัง ฝ่ายหลินซวงก็จ้องกลับมาที่ผู้เฒ่าก้งอย่างไม่ละสายตา

หัวหน้าเผ่าเปล่งรังสีอำมหิตและกระหายเลือดไม่ต่างไปจากชาวป่าเถื่อนคนอื่น ๆ เด็กหนุ่มนามเถิงคนนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกชายของเขา ตอนนี้เถิงนั่งขัดสมาธิอยู่ถัดไปที่ด้านหลัง

ซ้ายและขวาของพวกเขามีชายสองคนนั่งอยู่

หนึ่งในนั้นเป็นชายหัวล้านที่มีดวงตาเพียงข้างเดียว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็น ชายคนนี้เป็นนักรบหมายเลขหนึ่งของเผ่าอย่างแน่นอน

ส่วนชายอีกคนถือกระดูกชิ้นหนึ่งไว้ในมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น และดูท่าทางเหมือนนักบวชระดับสูง

หัวหน้าเผ่า นักบวชระดับสูง และนักรบผู้กล้าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเผ่า

หลินซวงยินดีไม่น้อยที่มีโอกาสได้พบกับทั้งสามพร้อมกัน

เมื่อต้องเจรจากับชาวป่าเถื่อนนั้น การพูดเข้าประเด็นให้เร็วเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ดังนั้นหลินซวงจึงกล่าวโดยไม่รอช้า “ข้ามาที่นี่เพื่อพบท่าน”

“ขุนนางอย่างเจ้าต้องการอะไรจากพวกข้า” ผู้เฒ่าก้งถามอย่างเหยียดหยัน

เขตแดนทางเหนือนั้นถูกทิ้งร่าง ในขณะที่ฝั่งทางใต้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้นแล้วชาวป่าเถื่อนจึงมองว่าคนจากทางใต้เป็นขุนนาง

ไม่แปลกเลยที่ชาวป่าเถื่อนที่กระหายเลือดจะไม่เคารพต่อผู้ที่พวกเขาคิดว่าเป็นขุนนาง เพราะที่ผ่านมาพวกเขาก็เป็นฝ่ายรุกรานมาตลอดอยู่แล้ว

แม้ว่าความพยายามของชาวป่าเถื่อนมักจะจบลงด้วยความล้มเหลว แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนือกว่าขุนนางเหล่านั้นอยู่ดี “ขุนนาง” ที่ว่านี้ไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานเขตแดนทางเหนือเลยเพราะมันไม่คุ้มที่จะทำเช่นนั้น แน่นอนว่าชาวป่าเถื่อนไม่ได้สนใจความจริงข้อนี้แม้แต่น้อย

“ข้าอยากจะเสนอโอกาสแห่งเกียรติยศและความร่ำรวยให้แก่ท่าน” หลินซวงตอบ

“เกียรติยศและความร่ำรวยหรือ” ข้อเสนอนั้นทำให้ผู้เฒ่าก้งผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะและกล่าวตอบ “เขาบอกว่าจะทำให้ข้ามีเกียรติและร่ำรวยอย่างนั้นหรือ! ฮ่า ๆ มีเกียรติและร่ำรวยอย่างนั้นสินะ!”

“ถ้าท่านไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ข้าก็สามารถมอบความตายให้กับท่านแทนได้” น้ำเสียงของหลินซวงเปลี่ยนไป

“เจ้าว่าอะไรนะ” ผู้เฒ่าก้งตกใจ

หุ่นเชิดยักษ์ที่ข้างหลังหลินซวงก้าวเท้ามาข้างหน้า

การเคลื่อนไหวของมันดูเหมือนจะทำให้อากาศภายในกระโจมหยุดนิ่งลง ผู้เฒ่าก้งพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับนิ้วมือได้ด้วยซ้ำ

สีหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที ชายชราคำรามขึ้น “พวกแก มานี่!”

หลินซวงส่ายหน้าอย่างใจเย็น “ไม่มีประโยชน์หรอก ทั้งกระโจมนี้ถูกตรึงไว้หมดแล้ว เสียงของท่านดังไปไม่ถึงข้างนอกหรอก และต่อให้มันไปถึง พวกนั้นก็เข้ามาในนี้ไม่ได้อยู่ดี”

“คุกพลังสูญหรือ!” ผู้เฒ่าก้งตะลึง

ไม่ว่าจะห่างเหินจากสังคมเพียงไร แต่เผ่าคนป่าเถื่อนก็ยังรู้จักวิชาพลังสูญเบื้องต้น

ซึ่งถือเป็นพลังระดับเทพเจ้า!

“อ๊าก!” นักรบตาเดียวพุ่งตัวเข้าใส่หลินซวงพร้อมกับปล่อยหมัดใส่อีกฝ่าย

หลินซวงส่ายหน้า “ไม่มีประโยชน์หรอก”

กำปั้นของนักรบตาเดียวพุ่งผ่านร่างของหลินซวงไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะเหวี่ยงหมัดแรงเพียงไรก็ไม่สามารถปะทะเข้ากับร่างของหลินซวงได้เลย ราวกับว่ามีแม่น้ำอันกว้างใหญ่ขวางอยู่ตรงกลางอย่างไรอย่างนั้น

นักบวชเผ่าเชียงโยนกระดูกในมือขึ้นไปในอากาศ ทว่ากระดูกชิ้นนั้นกลับหมุนคว้างไปอย่างไร้ทิศทางเหมือนว่ามันจะร่วงลง แต่ก็ไม่สัมผัสกับพื้นเสียที

หากกระดูกชิ้นนี้ไม่สามารถสัมผัสกับพื้นได้… มันก็จะไม่ทำงาน

เถิงยกหอกสั้นในมือขึ้นและมุ่งหน้าไปเบื้องหน้าผู้เฒ่าก้ง “ท่านพ่อ รีบออกไปเร็วเข้า!”

ไปหรือ จะให้ไปไหนกันเล่า!

เจ้าไม่ได้ยินหรือที่ว่าเขาใช้คุกพลังสูญน่ะ?

ผู้เฒ่าก้งผลักเถิงออกไปข้าง ๆ “ทักษะของเจ้าน่าประทับใจจริง ๆ เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

แม้แต่คนป่าเถื่อนก็ยังรู้จักที่จะสุภาพกับคู่ต่อสู้ที่รู้ว่าไม่มีทางจะชนะได้

หลินซวงตอบ “ข้าบอกท่านไปแล้วไม่ใช่หรือ ข้ามาเสนอโอกาสที่จะสร้างเกียรติยศและเงินทองให้กับท่าน จะรับไว้หรือไม่ล่ะ”

“เงินทองและเกียรติยศแบบไหนกัน” เสียงของผู้เฒ่าคงยังคงนิ่ง

“ถ้าข้าทำให้ท่านได้เป็นผู้ควบคุมคนป่าเถื่อนทั้งหมดได้ล่ะ”

อะไรนะ?

ผู้เฒ่าก้งตะลึง นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน

ชายชรากล่าวต่อไป “ต่อให้เจ้ามีพลังแก่กล้าเหลือหลาย แต่เจ้าคนเดียวจะสามารถรับมือกับพันธมิตรสิบสองเผ่าได้หรือ”

หากใครสักคนต้องการที่จะเป็นราชา ผู้นั้นก็จะต้องเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งหมดให้ได้เสียก่อน

เผ่าเชียงถูกพันธมิตรสิบสองเผ่าข่มเหงมาโดยตลอด พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปฝันถึงการยึดอำนาจเผ่าชาวป่าเถื่อนด้วยหรือ

“เพราะอย่างนี้ข้าถึงได้มาตามหาเผ่าของท่านอย่างไรล่ะ เผ่าเชียงมีศักยภาพที่จะเป็นผู้ควบคุมชาวป่าเถื่อนได้” หลินซวงตอบ

“ศักยภาพหรือ”

“ถูกต้อง ข้าจะช่วยให้ท่านลั่นกลองรบนั่นได้อีกครั้ง…. กลองโลหิตน่ะ”