เมื่อรู้ว่าอาวุธเต๋าที่ตนเองรอคอยมานานในที่สุดก็มาแล้ว คุนเป๋งรีบตะโกนสั่งทันที “รีบเอาอาวุธเต๋ามาให้ข้า!”
ในสันเขาหมื่นอสูร เขาคือผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการใช้อาวุธเต๋า
เมื่อถูกสั่งเช่นนี้ อสูรจิ้งจอกที่เพิ่งไปเอาอาวุธเต๋ากลับมาและรีบยื่นอาวุธเต๋าของเผ่าตนเองให้กับคุนเป๋งทันที
อาวุธเต๋าชิ้นนี้มีรูปร่างเป็นปลอกคอและมีกระดิ่ง 3 ลูกห้อยอยู่ คุนเป๋งไม่ได้ใส่ใจเลยว่ามันจะมีรูปร่างเป็นยังไงเพราะในตอนนี้มันตื่นเต้นมากที่มีโอกาสได้ใช้อาวุธเต๋า
ตอนอยู่โลกเบื้องบน เขาเป็นแค่อสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญอันต่ำต้อยเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะว่าอสูรขอบเขตเหนือกว่าเขาไม่อาจลงมาได้ เขาคงไม่ถูกส่งตัวลงมาแบบนี้และด้วยการที่เขาเป็นอสูรระดับธรรมดา ๆ บนโลกเบื้องบน อาวุธเต๋าจึงเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัวของเขามาก ๆ ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่เขาจะได้สัมผัส แม้แต่โอกาสได้เห็นยังมีน้อยจนนับครั้งได้
ต้องรู้ว่าอาวุธเต๋าเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก แม้แต่อสูรขอบเขตเทวะราชาส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาวุธเต๋าใช้ด้วยซ้ำ
คุนเป๋งโคจรพลังของมันเข้าไปในอาวุธเต๋าทันที ส่งผลให้กระดิ่ง 3 ลูกเริ่มสั่นและปลดปล่อยพลังของพวกมันออกมา
กระดิ่งลูกแรกปล่อยพลังเพลิง ลูกที่สองปล่อยพลังลม ลูกที่สามปล่อยพลังอัสนี
เมื่อทั้งสามพลังถูกปลดปล่อยออกพร้อม ๆ กัน พวกมันหลอมรวมกันจนกลายเป็นพายุหมุนเพลิงอัสนีอันรุนแรงและเคลื่อนตัวเข้าหากองทัพพันธมิตรอย่างรวดเร็ว
หลิงเทียนหยุน เมื่อเห็นเช่นนี้เขารีบหมุนควงง้าวเทวะพินาศเป็นเหมือนกังหันและพุ่งเข้าหาพายุหมุนเพลิงอัสนีเพื่อต้านทานการเคลื่อนที่ของมันทันที
แน่นอนว่าด้วยอำนาจของง้าวเทวะพินาศ พายุหมุนเพลิงอัสนีถูกตรึงให้หยุดอยู่กับที่อย่างฉับพลัน และจากนั้นการต่อสู้ของทั้งสองอาวุธก็บังเกิดขึ้น
ในระหว่างที่อาวุธเต๋าทั้งสองปะทะกัน การรบระหว่างกองทัพพันธมิตรและอสูรต่างก็หยุดลง เพราะพวกเขาหันมาลุ้นผลลัพธ์ในการต่อสู้กันระหว่างอาวุธเต๋าแทน
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงกลับไม่ค่อยสนใจการต่อสู้นี้สักเท่าไหร่ เพราะเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาวุธเต๋าของเผ่าอสูรชิ้นนี้เป็นแค่อาวุธเต๋าระดับต่ำ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรให้น่ากังวล
ในทางกลับกัน คุนเป๋งเมื่อเห็นภาพเช่นนี้มันไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลย กลับกันมันดีใจเป็นอย่างมากเพราะการที่สามารถหยุดยั้งง้าวเทวะพินาศอันโด่งดังได้ในทันทีเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่นึกออก และมันทำให้มันอดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘บางทีตำนานบางอย่างมันก็เป็นแค่ตำนานที่เกินจริง’
แต่แล้วเมื่อเห็นว่าอาวุธทั้งสองปะทะกันอยู่นานและไม่เห็นว่าจะมีฝั่งไหนได้เปรียบเสียเปรียบสักที หลิงว่านจุนจึงละความสนใจจากอาวุธทั้งสองและเริ่มสั่งการกองทัพพันธมิตรให้เดินหน้าบุกต่อ ซึ่งแน่นอนว่าพวกอสูรก็เริ่มถูกบดขยี้อีกรอบ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ อสูรตนอื่นที่ลงมาจากโลกเบื้องบนจึงถามกับอสูรระดับสูงตนอื่น ๆ ของสันเขาหมื่นอสูร “พวกเจ้ามีอาวุธเต๋าแค่ชิ้นเดียวงั้นเหรอ? ตอนนี้ถึงแม้ว่าอาวุธเต๋าของฝั่งตรงข้ามจะถูกยับยั้งเอาไว้ได้ แต่กองทัพของพวกมันก็ยังคงอยู่ หากพวกเจ้ามีอาวุธเต๋าอันอื่นอีกจงรีบเอาพวกมันออกมาเดี๋ยวนี้เพื่อช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น!”
อสูรเสือรีบตอบกลับทันที “ผู้อาวุโส บรรพบุรุษของข้าได้ทิ้งอาวุธเต๋าเอาไว้ให้เช่นกัน ข้าจะไปเอามันมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อสูรตนอื่น ๆ ที่ลงมาจากโลกเบื้องบนขมวดคิ้วทันที “ทำไมพวกเจ้าถึงไม่เอาอาวุธเต๋าทั้งหมดที่มีออกมาให้หมด!? นี่พวกเจ้าเห็นภาพคนของเราที่ตายไปเรื่อย ๆ แบบนี้เป็นเรื่องสนุกรึไง? เร็วเข้าจงรีบไปเอาอาวุธเต๋าของพวกเจ้ามาให้หมด พวกเราจะได้จบสงครามบ้า ๆ นี่สักที!”
อสูรลิงเชื่อมวิญญาณส่ายหัวและตอบกลับ “ผู้อาวุโส พวกเราคงเอาออกมาทั้งหมดไม่ได้ อย่างน้อย ๆ พวกเราต้องเหลือเอาไว้ 4 ชิ้นเพื่อเกื้อหนุนโลกทั้ง 4 ที่พวกเราซ่อนเอาไว้ในสันเขาหมื่นอสูรของพวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกมันจะพังทลายลงทันทีหากพวกเราเอาอาวุธเต๋าออกมา ดังนั้นตอนนี้อย่างมากที่สุดอาวุธเต๋าที่พวกเราจะออกมาใช้งานได้คือ 3 ชิ้นรวมกับอาวุธที่คุนเป๋งถืออยู่”
อสูรที่ลงมาจากโลกเบื้องบนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ “ถ้างั้นก็เหลืออีก 2 ชิ้นที่พวกเจ้ายังไม่ได้เอาออกมาใช่ไหม? งั้นรีบไปเอาพวกมันมาให้หมด พวกเราจะได้จบศึกนี้สักที ข้ามีลางสังหรณ์ว่าถ้าหากเราไม่รีบจบศึกนี้พวกเราจะต้องเผชิญกับหายนะใหญ่แน่นอน”
จากนั้นไม่นาน อาวุธเต๋าอีก 2 ชิ้นก็ถูกนำออกมา อันหนึ่งคือค้อนขนาดยักษ์ที่ปลดปล่อยแรงกดดันราวกับถูกภูเขานับพันลูกกดทับ ส่วนอีกอันคือหอก ซึ่งปลดปล่อยเจตจำนงสังหารรุนแรงจนหลิงว่านจุนจำเป็นต้องสั่งให้กองทัพทั้งหมดหยุดการรุกไปข้างหน้า
หลิงว่านจุนประเมินสถานการณ์แล้ว ฝั่งตรงข้ามขณะนี้มีอาวุธเต๋าถึง 3 ชิ้น ซึ่งเขาไม่มีวันเอาชนะได้แน่นอน
ในเวลาเดียวกัน อสูรตนที่ลงมาจากโลกเบื้องบน 2 ตนก็โคจรพลังใส่ค้อนและหอก จากนั้นควบคุมอาวุธเต๋าทั้งสองให้โจมตีใส่ง้าวเทวะพินาศอย่างเต็มกำลังร่วมกับพลังของกระดิ่ง 3 ลูก
เหล่าอสูรต่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่าถ้าหากพวกเขาสามารถทำลายง้าวเทวะพินาศได้ ชัยชนะทั้งหมดมันจะเป็นของพวกเขาทันที
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของอาวุธเต๋า 3 ชิ้น ง้าวเทวะพินาศจำลองแตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ ทันทีรวมไปถึงร่างแยกของหลิงเทียนหยุนก็ถูกทำลายลงในเวลาพร้อม ๆ กัน
ถึงแม้ว่าง้าวเทวะพินาศจะแข็งแกร่งแต่มันก็เป็นแค่อันจำลองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังวิญญาณ ดังนั้นมันจึงเรื่องปกติที่มันจะไม่สามารถต้านทานอำนาจของอาวุธเต๋าที่แท้จริงแถมยังมีถึง 3 ชิ้นเช่นนี้ได้
สีหน้าร่างแท้จริงของหลิงเทียนหยุนเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที เขาไม่ได้ใส่ใจว่าร่างแยกของเขาถูกทำลายเพราะหลังจากนี้เขาจะสร้างมันขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่เขาแสดงสีหน้ามืดหม่นเพราะอาวุธของพ่อเขาโดนทำลายในระหว่างที่เขาใช้งาน
“ท่านพ่อ ข้าทำให้อาวุธของท่านถูกทำลาย!” หลิงเทียนหยุนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ต้องเศร้าไปหรอกมันก็แค่เป็นอันจำลองเท่านั้น อันที่จริงพ่อตั้งใจให้มันถูกทำลายอยู่แล้ว เพื่อที่ไอ้เจ้านั่นมันจะได้โกรธและมาจบเรื่องนี้สักที”
ในคฤหาสน์สราญรมย์ ในทันทีที่ง้าวเทวะพินาศจำลองถูกทำลาย หมาสีทองที่นอนอยู่ไม่ไกลจากประตูเคลื่อนย้ายดีดตัวลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับหูของมันที่ตั้งขึ้นชูชัน และแยกเขี้ยวด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
แน่นอนว่านี่คือปฏิกิริยาของมันเมื่อมันรู้ว่าร่างจำลองของมันโดนทำลาย
หมาสีทองส่งกระแสจิตของมันออกไปทันทีเพื่อจับตำแหน่งว่าจุดไหนที่ร่างจำลองของมันถูกทำลาย
ในเวลาเดียวกัน คุนเป๋งและอสูรตนอื่น ๆ ที่ลงมาจากโลกเบื้องบนต่างตะโกนกู่ร้องดีใจกันยกใหญ่
อันที่จริงพวกมันตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะพวกมันไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถทำลายง้าวเทวะพินาศอันโด่งดังได้เช่นนี้ ดังนั้นในตอนนี้มันจึงหัวเราะกันราวกับเสียสติ
“ยอดเยี่ยม ๆ! ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะสามารถทำลายอาวุธนั่นได้ หากบรรพบุรุษบนโลกเบื้องบนรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องดีใจกันเป็นอย่างมากแน่นอน!”
“ผลงานของพวกเราครั้งนี้สามารถเอาไปเล่าให้ลูกหลานฟังต่อได้อีกเป็นล้านปี!”
ตอนนี้พวกมันไม่สนใจกับกองทัพพันธมิตรที่มีจำนวนนับร้อยล้านเลย ด้วยอาวุธเต๋าถึง 3 ชิ้นพวกมันไม่กลัวใครหน้าไหนอีกแล้ว!
“เร็วเข้า รีบบันทึกภาพเหตุการณ์นี้เอาไว้ในจิตสำนึกเพื่อให้บรรพบุรุษของพวกเราได้เห็นในตอนที่พวกเรากลับขึ้นไปโลกเบื้องบน!” คุนเป๋งรีบตะโกนสั่งทันที
แต่หลังจากที่พูดจบ จู่ ๆ ความรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจก็ปะทุขึ้นจนมันทำให้มันแข็งค้างเพราะความหวาดกลัว
เขาค่อย ๆ หันไปมองต้นกำเนิดของสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ ซึ่งเมื่อเขาเพ่งมองดี ๆ เขาก็เห็นว่ามันคือหมาสีทองตัวหนึ่งที่ค่อย ๆ เดินออกจากรอยแยกมิติด้วยสีหน้าอาฆาต
เมื่อเดินออกจากรอยแยกมิติ หมาสีทองจ้องเขม็งไปที่คุนเป๋งและถามขึ้น “เจ้าใช่ไหมที่ทำลายข้า?”
เมื่อได้ยินคำถาม คุนเป๋งตอบกลับอย่างไม่รู้ตัว “ทะ ท่านเป็นใคร?”
“ข้าถามว่าเจ้ารึเปล่าที่เป็นคนทำลายข้า!?” ง้าวเทวะพินาศถามย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าเดือดดาล
คุนเป๋ง ในตอนนี้รู้แล้วว่าหมาสีทองตัวนี้เป็นอะไร มันอุทานขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง “ท่านคือง้าวเทวะพินาศงั้นเหรอ!? แล้วว่าแต่อันเมื่อครู่มันคืออะไรกัน!”
ง้าวเทวะพินาศแสดงสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “มาดวลกันใหม่อีกรอบ คนที่ใช้ข้าเมื่อครู่ออกมานี่และเอาพลังของข้าไปใช้อีกรอบ ครั้งนี้ข้าจะทำให้รู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ต่อให้มีอาวุธเต๋าสักร้อยชิ้นก็ไร้ประโยชน์!”