เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1560
กลุ่มคนกระเด็นออกมาสองรอบ มีทั้งหมดแปดคน โดนคัดออกทั้งหมด
พริบตาเดียว ลูกหลานห้าตระกูลใหญ่หายไปครึ่งหนึ่ง
รออยู่ครู่หนึ่ง อีกหกคนที่เหลือเดินออกมาจากจวนอากาศธาตุด้วยใบหน้าซีดเผือด
แค่ยาทิพย์ธรรมดาๆ เพียงเม็ดเดียว ยากจนคนอายุน้อยที่เก่งที่สุดของห้าตระกูลใหญ่แทบทรุด
ผู้อาวุโสเคราขาวพูดว่า “เอายาที่พวกนายกลั่นออกมา”
ทั้งหกคนค่อยๆ เอายาที่ตัวเองกลั่นออกมา สามคนกลั่นยาออกมาเป็นสีดำเหมือนถ่าน สองคนดูเหมือนยา มีเพียงเม็ดเดียวที่แอบมีกลิ่นยาและพลัง
สามคนที่กลั่นยาออกมาดำเหมือนถ่านคือ หั่วหลงชิ่ง จินอีหมิงและถู่ห่วง
ผู้อาวุโสเคราขาวเดินมาด้านหน้าทั้งสามคน มองอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “พวกนายคงพยายามรักษาหม้อยาสุดชีวิต จึงทำให้หม้อไม่ระเบิด”
พูดพลาง ผู้อาวุโสเคราขาวหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ด จากนั้นใช้มือบีบจนกลายเป็นเถ้ากระจายไปทั่ว
“แต่ถ้าพวกนายพูดว่านี่คือยา ฉันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด”
ทั้งสามคนหน้าแดงระเรื่อ ไม่สามารถเถียงได้
ผู้อาวุโสเคราขาวหัวเราะแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ วิชายาไม่ได้เรื่อง หัวสมองธรรมดา มีเพียงวิทยายุทธที่พอใช้ได้ ถือว่าผ่านรอบแรกแบบพอถูพอไถแล้วกัน”
ทั้งสามคนถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว
หั่วหลงชิ่งเห็นหั่วหลงจู้ได้รับบาดเจ็บ เขาพูดด้วยความตกใจว่า “หม้อยาเขาระเบิดเหรอ”
หั่วตันซูพยักหน้าเบาๆ ผู้อาวุโสสามพูดว่า “ไม่ต้องพูด”
ตอนนี้อริยปราชญ์ด้านยาทั้งสามคนเดินไปข้างหน้าอีกสองคน
ยาในมือพวกเขาสองคน แม้ไม่ค่อยกลมและแวววาวเท่าไร อีกทั้งไม่มีกลิ่นยา แต่ดูจากภายนอกพอมีรูปร่างของยาอยู่บ้าง
มู่จึฉีกับสุ่ยหมิงคงมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา
พวกเขาทำเต็มที่แล้ว!
ผู้อาวุโสเคราขาวยิ้มบางๆ “ยาสองเม็ดนี้เหมือนฝีมือนักเรียนมือใหม่ ถ้าพวกนายกลั่นยาครั้งแรกแล้วฝีมือระดับนี้ พ่อแม่พวกนายคงดีใจมาก แต่น่าเสียดายพวกนายไม่ได้กลั่นยาเป็นครั้งแรก!”
คำพูดของผู้อาวุโสทำให้มู่จึฉีกับสุ่ยหมิงคงสีหน้ากระอักกระอ่วน พูดอะไรไม่ออก
หั่วตันซูกับลู่ฝานได้เห็นฝีปากของอริยปราชญ์ด้านยาสามคนนี้แล้ว หั่วตันซูพูดเบาๆ ว่า “ลู่ฝาน ดูเหมือนว่านายเก่งมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคนแบบนี้จะไม่วิจารณ์นาย”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “โชคดีมั้ง”
ผู้อาวุโสเคราขาวหยิบยาขึ้นมาบีบสองสามครั้ง จากนั้นพูดว่า “แม้มีฤทธิ์ยาอยู่ แต่กระจัดกระจายเป็นอย่างมาก ไม่เป็นระเบียบเลย ถ้าคนกินเข้าไปจะทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่คล่อง พลังชี่ไม่นิ่ง ยาของพวกนายสามารถเอาไปขายเป็นยาพิษได้ แต่สมองพวกนายไม่เลว ใช้วิชายาได้คล่องแคล่ว เมื่อรู้ว่าทางนี้ไม่ได้ก็กลั่นด้วยวิธีอื่น ฟ้าดินเป็นยา คลุมเครือเป็นหนึ่ง แม้ไม่ดีเลิศเท่าไร แต่พอผ่านมาตรฐาน ถือว่าพวกนายผ่านรอบแรกแล้ว!”
ทั้งสองทำความเคารพผู้อาวุโสเคราขาวอย่างนอบน้อม จากนั้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ยาที่ตัวเองกลั่นออกมายังขี้เกียจถือจนโยนทิ้งไปข้างๆ
สำหรับพวกเขา ยาเม็ดนี้ถือเป็นความอัปยศสุดๆ
สุดท้ายอริยปราชญ์ด้านยาทั้งสามคนมาตรงหน้าสุ่ยโม่หราน มองยาเม็ดกลมในมือสุ่ยโม่หราน
ผู้อาวุโสเคราขาวยิ้มแล้วพูดว่า “นี่สิถึงเรียกว่ายา ยาเมฆฝนที่นับว่าไม่เลว”
หยิบยาขึ้นมาดูครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสเคราขาวพูดว่า “อืม วิชายาช่ำชอง ยาเม็ดกลม เป็นยาคุณภาพดี! จุดบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือฤทธิ์ยาไม่ค่อยสมบูรณ์ เธอเพิ่มสมุนไพรอื่นหักล้างฤทธิ์ยาใช่ไหม วิชายาสายน้ำนิรันดร์ของตระกูลสุ่ย เธอใกล้ถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว”
สุ่ยโม่หรานหัวเราะเบาๆ “ใช่ สูตรยาผิดนิดหน่อย ฉันจึงทำได้แค่ทำตามความเข้าใจของตัวเอง เพิ่มสมุนไพรเข้าไปข้างใน พยายามกลั่นยาออกมาให้สำเร็จ โชคดีที่ได้มันออกมา เป็นเรื่องน่าอายมาก”
ผู้อาวุโสเคราขาวพยักหน้าพูดว่า “ถ้าเป็นการประลองห้าตระกูลใหญ่เมื่อก่อน หรือการประลองของงานเทพโอสถ ฝีมือแบบเธอคงเป็นอันดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายวันนี้เธอโชคไม่ดี เจอเด็กประหลาดเข้าให้แล้ว!”
พูดพลาง ผู้อาวุโสเคราขาวมองลู่ฝานแวบหนึ่ง จากนั้นพูดว่า “รอบนี้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ชนะคือลู่ฝาน รองลงมาคือสุ่ยโม่หราน ส่วนห้าคนที่เหลือถือว่าผ่านแบบพอถูพอไถ พรุ่งนี้ค่อยมาฝ่าด่านที่สองที่นี่อีกครั้ง หวังว่าพวกนายจะทำได้ดีขึ้น!”
พูดพลาง ผู้อาวุโสเคราขาวจ้องลู่ฝานเขม็ง
ลู่ฝานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร คำนับแล้วเดินออกไป
สุ่ยโม่หรานและคนอื่นมองลู่ฝานอย่างตกตะลึง โดยเฉพาะสุ่ยหมิงคง เขาพูดเสียงหลงว่า “อะไรกัน คิดไม่ถึงว่าน้องโม่หรานจะไม่ได้ที่หนึ่งในรอบแรก”
ผู้อาวุโสตระกูลสุ่ยวางน้ำเต้าใส่เหล้า แล้วพูดเสียงเบาว่า “อย่าบุ่มบ่าม ลู่ฝานมีความสามารถจริงๆ เดี๋ยวนายกลับไปดูม่านน้ำสรวงสวรรค์ก็รู้เอง”
สุ่ยโม่หรานยังอึ้งอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากเชื่อ
มองด้านหลังลู่ฝานเดินออกไป สุ่ยโม่หรานพึมพำว่า “ฉันแพ้งั้นเหรอ”
หลังจากนั้นรอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากของสุ่ยโม่หราน
“นี่น่าสนใจจริงๆ!”