หลังจากเจ้าปีศาจแห่งกาลเวลาปรับเปลี่ยนความเร็วของเวลาให้กับคฤหาสน์สราญรมย์ เวลาที่ดำเนินไปภายในคฤหาสน์สราญรมย์ 10 ปี มันจะเท่ากับเวลาของภายนอกแค่ 1 ปีเท่านั้น
ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าปีศาจแห่งกาลเวลา คนในคฤหาสน์สราญรมย์ทุกคนจึงบ่มเพาะได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายนอกถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ร่วมกับคนอื่น ๆ เพราะตัวตนของเขาแข็งแกร่งเกินไป หากเขาเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ เจ้าปีศาจแห่งกาลเวลาจะต้องใช้พลังมากกว่าเดิมอย่างมหาศาลเพื่อคงอำนาจของตัวเองให้คงอยู่ และที่สำคัญไปกว่าการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่เขารวบรวมและรู้สึกได้
หลักจากผ่านไปอีก 100 ปี ในที่สุดหลิงยี่เทียนก็เดินทางกลับมาถึงอาณาจักรจันทรา และระดับการบ่มเพาะของหลิงยี่เทียนในตอนนี้ก็ทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเรียบร้อย เหลืออีกเพียงก้าวเดียวจะกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า
“ท่านพ่อ ท่านได้เจอกับพวกผู้ส่งสาสน์ที่บ่มเพาะเต๋าแห่งดวงดาวบ้างไหม?” หลิงยี่เทียนเอ่ยถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แน่นอนว่าพ่อเจอและพ่อได้เอาเต๋าของเขากลับมาให้เจ้าด้วย! แต่ว่าการที่เจ้าจะสำเร็จเต๋าได้เจ้าจะต้องจัดการกับพันธะที่กำลังเหนี่ยวรั้งเจ้าอยู่ในตอนนี้ให้หมดก่อน ไม่งั้นเจ้าจะไม่มีทางสำเร็จเต๋าของเจ้าได้อย่างสมบูรณ์”
ตอนนี้หลิงยี่เทียนยังมีพันธะหน้าที่ของเขาอยู่ 2 อย่างที่จำเป็นต้องจัดการ
พันธะแรกก็คือตำแหน่งราชันแห่งมวลมนุษย์ ซึ่งก่อนที่เขาจะเป็นผู้สำเร็จเต๋าและขึ้นไปโลกเบื้องบน เขาต้องมอบหมายภาระหน้าที่นี้ให้กับทำเนียบราชันมนุษย์เป็นผู้ดูแลมนุษย์ทั้งหมดต่อไป
อีกพันธะหนึ่งก็คืออาณาจักรจันทรา
ในตอนนี้อาณาจักรจันทราที่มีผู้นำคือ หลิงยี่เทียน ซึ่งมีราชาและอาณาเขตมากมายอยู่ในการปกครอง
หากหลิงยี่เทียนจากไปโดยไม่ได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อาณาจักรจันทราจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากปัญหาการแก่งแย่งอำนาจภายใน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงยี่เทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “เรื่องของทำเนียบราชันมนุษย์นั้นจัดการได้ง่ายมาก เมื่อถึงเวลาข้าจะทิ้งเจตจำนงของข้าเอาไว้ช่วยเหลือพวกเขาเหมือนกับที่ราชันแห่งมวลมนุษย์คนก่อน ๆ เคยทำ ส่วนเรื่องของอาณาจักรจันทราข้าตั้งใจว่าข้าจะมีบุตรกับ จูเหยียน(อดีตนักศึกษาของหลิงตู้ฉิงที่ใช้ค่ายกลผ่านการปักลายบนผืนผ้า) เหมยจู้ (อดีตนักศึกษาของหลิงตู้ฉิงที่ถนัดการใช้กระบี่) และชิวสั่วหลาน(ลูกสาวผู้นำเผ่าปีศาจสมุทร) จากนั้นข้าจะให้ลูก ๆ ของข้าและพวกนางช่วยกันดูแลอาณาจักรจันทราสืบไป”
ในตอนนี้หลิงยี่เทียนยังไม่มีบุตรสักคน ซึ่งเรื่องนี้มันสร้างความหนักใจให้กับเหล่าขุนนางที่ภักดีต่อเขามานานแล้ว เหล่าขุนนางกังวลว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจนถึงตอนที่หลิงยี่เทียนขึ้นไปโลกเบื้องบน อาณาจักรจันทราจะกลายเป็นอาณาจักรที่ไร้ผู้สืบทอดที่ชอบธรรมและนั่นจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดสงครามภายในได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่ามีคนบางกลุ่มที่ต้องการให้เกิดปัญหาแบบนั้นขึ้นเช่นกัน หากเกิดปัญหาขึ้นมาคนบางกลุ่มที่มีอำนาจอยู่ในมืออยู่แล้วย่อมต้องได้ผลประโยชน์จากความขัดแย้งไม่มากก็น้อย
เมื่อได้ยินหลิงยี่เทียนอธิบาย หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “พ่อจะไม่ขอยุ่งเรื่องการตัดสินใจของเจ้าเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราและทำเนียบราชันมนุษย์ แต่มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าจะจัดการให้อาณาเขตนภาทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกครองของครอบครัวเราอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่มีคนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยว เพื่อที่ครอบครัวของเราจะได้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุข”
“ทุกยุคทุกสมัยนั้นจะต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเสมอ พ่ออยากจะให้อาณาเขตนภาคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับครอบครัวของเรารุ่นต่อ ๆ ไปไม่ให้พวกเขาได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับโลกภายนอก”
“หลังจากนี้พ่อจะไม่ถอนมหาค่ายกลออกไป แต่เมื่อไม่มีหม้อเอกภพคอยเกื้อหนุนมหาค่ายกลคงมีอำนาจไม่เท่าเดิม ดังนั้นพ่อจะฝังอาวุธเต๋าที่ได้มาจากสันเขาหมื่นอสูรเอาไว้ที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อให้มันคอยปกป้องคฤหาสน์สราญรมย์และอาณาเขตนภาสืบไปหลังจากที่พวกเราไม่ได้อยู่ในโลกเบื้องล่างแล้ว เอาล่ะตอนนี้เจ้าจงไปจัดการธุระของเจ้าให้เสร็จให้หมดเพื่อที่เจ้าจะได้รีบกลับมาสำเร็จเต๋าของตัวเอง”
“รับทราบท่านพ่อ งั้นข้าขอตัวไปจัดการธุระของข้าก่อน!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า จากนั้นเขารีบเดินทางไปที่ทำเนียบราชันมนุษย์ทันที
แค่เพียงครู่เดียวหลังจากหลิงยี่เทียนจากไป จู่ ๆ ปรากฏการณ์ฝนทองคำก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าผู้สำเร็จเต๋าคนใหม่นั้นเป็นใคร
หลิงตู้ฉิงแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าและพึมพำกับตัวเอง “มันคงเหลือเวลาอีกราว 500 ปี สินะ…”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาเดินไปหาหลิงว่านจุน และถามขึ้น “เจ้าพร้อมรึยัง?”
ในตอนนี้กลิ่นอายของหลิงว่านจุนนั้นไม่มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับมังกรตัวจริงเลย
หลิงว่านจุนพยักหน้า “ท่านพ่อข้าพร้อมแล้ว! ในทันทีที่ท่านมอบเต๋าให้ข้า ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้แน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยว่า “ก่อนที่เจ้าจะสำเร็จเต๋า เจ้าจงจำคำพูดของพ่อเอาไว้ก่อน การโจมตีที่ดีคือเจ้าจะต้องโจมตีให้รุนแรงดุจดั่งทัณฑ์สวรรค์และเคลื่อนที่ให้เร็วราวกับสายฟ้า การป้องกันที่ดีคือการใช้ชัยภูมิเป็นที่กำบังตน จงอย่าเป็นฝ่ายป้องกันนานเกินไปและอย่าโจมตีนานเกินควร จงตัดสินแพ้ชนะให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ส่วนเต๋าที่พ่อเตรียมให้เจ้ามันคือเต๋าแห่งสงคราม ซึ่งพ่อคิดว่ามันเหมาะกับเจ้าที่สุด”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงนำมหาวิถีเต๋าแห่งสงครามออกจากอาณาเขตสวรรค์ของเขา จากนั้นเขาบังคับให้มันลอยไปหาหลิงว่านจุน
หลิงว่านจุนรับมหาวิถีเต๋าแห่งสงครามที่มีรูปร่างเป็นกลองศึกสีดำทมิฬเข้ามาหลอมรวมกับร่างกายของเขา จากนั้นเขานั่งลงและเริ่มดูดซับพลังของมันทันที
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขานั่งลงเช่นกันและเริ่มบรรยายเต๋าแห่งสงครามให้กับหลิงว่านจุนฟังไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันช่วยให้หลิงว่านจุนยิ่งกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้ง่ายขึ้น
แค่เพียงเวลา 2 ปี ในที่สุดหลิงว่านจุนก็กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าคนแรกของอาณาจักรจันทรา
เมื่อหลิงว่านจุนสำเร็จเต๋า เขากลายร่างที่แท้จริงของเขาทันที ซึ่งก็คือมังกรยักษ์สีทองแถมเขายังบรรลุทักษะสุดท้ายของวิชามังกรศักดิ์สิทธิ์จำแลงกาย มังกรกรีดนภา
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ มังกรสีทองตัวเขื่องบินออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ ผู้คนของอาณาจักรจันทราต่างก็รู้สึกสงสัยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เนื่องจากหลิงว่านจุนไม่ใช่คนของโลกเบื้องล่าง ดังนั้นเมื่อเขาสำเร็จเต๋ามันจึงไม่มีปรากฏการณ์ฝนทองคำหรือสัญญาณใด ๆ ที่บ่งบอกว่าผู้สำเร็จเต๋าคนใหม่ปรากฏขึ้น ดังนั้นผู้คนจึงไม่เข้าใจว่ามังกรสีทองตัวนี้คือะไร