ตอนที่ 1022 เหยียบแกให้ตายไอ้ตูดเป็ด + ตอนที่ 1023 สาแก่ใจจริงๆ เลย โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1022 เหยียบแกให้ตายไอ้ตูดเป็ด
จูเหว่ยรับรู้ถึงความอัปยศจนเกิดเป็นความเคียดแค้นขึ้นในที จึงพูดอย่างดุดัน “จ้าวเหมยเธอมันไร้ยางอาย ต่อไปนี้หากเธอต้องการตีพิมพ์หนังสือที่ฮ่องกง นอกเสียจากเธอจะยอมนอนกับฉันฟรี ๆ สามปี มิเช่นนั้นอย่าได้คิด…โธ่เว้ย…”
ยังไม่ทันพูดจบ เหมยเหมยที่รู้สึกคันเท้ามาสักพัก จึงถีบตรง ๆ เข้าที่หน้าท้องของจูเหว่ย โดยใช้พละกำลังทั้งหมดของเธอที่มีอยู่
จูเหว่ยถูกถีบจนเซถอยหลังไปแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“แกฝันไปเถอะ ฉันอยากจะถีบแกให้ล้มตั้งนานแล้ว แกคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นหรือไง? แค่มาจากฮ่องกงเองไม่ใช่รึ ถ้าไม่ได้รับสารอาหารจากแผ่นดินใหญ่เข้าไปช่วยหล่อเลี้ยง พวกแกจะกินจะดื่มอะไร? ไม่ถึงสามวันคงกลายเป็นท่าเรือเน่า ๆ แกกล้ามายั่วยุอะไรต่อหน้าฉัน? ฉันจะเหยียบแกให้ตายไอ้ตูดเป็ด”
เหมยเหมยยิ่งด่าก็ยิ่งรู้สึกโมโห จึงได้ยกเท้าถีบไม่หยุด จูเหว่ยเจ็บจนต้องถดหนี ไม่มีแม้แต่แรงเอาคืน
พนักงานในภัตตาคารต่างกรูกันเข้ามาห้ามศึก พวกเขาไม่กล้าตอแยกับแขกที่มาจากฮ่องกง หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่น้อย ภัตตาคารของพวกเขาจะยังเปิดกิจการได้อีกหรือ?
คุณหลินเองก็เข้าไปห้ามทัพ เขาไม่ได้ทำเพื่อช่วยเชิ้นจูเหว่ย แต่กลัวว่าเหมยเหมยจะเสียเปรียบ
อันที่จริงก็ไม่ควรโทษที่จูเหว่ยจองหองอวดดี ความเป็นจริงคือคนของแผ่นดินใหญ่จำนวนมากที่หนุนนำในความจองหองของคนฮ่องกง เพียงแค่ได้ยินว่ามาจากฮ่องกงหรือไต้หวัน คนแผ่นดินใหญ่จำนวนไม่น้อยจะคอยโค้งตัวให้ อย่างไร้ซึ่งจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี
ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการบางรายก็ปฏิบัติเช่นนั้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในวันนี้ที่หากว่าจูเหว่ยตั้งใจจะจัดการเหมยเหมยจริง เกรงว่าสถานีตำรวจก็ไม่อาจช่วยเหลือเหมยเหมยได้!
“คุณจ้าวลองคิดดี ๆ สิ หากว่าจูเหว่ยไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเอาเรื่องคุณ คุณต้องเสียเปรียบมากแน่ ๆ !”
คำพูดประโยคนี้ของคุณหลินพูดด้วยภาษาถิ่นของเมืองจิน เขาและคุณลุงต่างเป็นคนเมืองจินโดยแท้ แม้ว่าจะจากบ้านเกิดมานานหลายสิบปี แต่สำเนียงบ้านเกิดนั้นไม่อาจลบลืมได้
เหมยเหมยหัวเราะเยาะ แน่นอนว่าเธอไม่กลัวตำรวจ ตำแหน่งผู้กำกับนั้นได้มาจากการที่พ่อเธอเป็นคนสนับสนุนให้ได้เลื่อนขั้นสูงขึ้น
ถีบเข้าที่หน้าท้องของจูเหว่ยไปอยู่หลายที เหมยเหมยถึงได้หายโมโห พลันชูนิ้วกลางให้กับจูเหว่ย “เมื่อปีเก้าเจ็ด[1]มาถึง ฮ่องกงต้องกลับมาสู่แผ่นดินใหญ่อย่างเชื่อฟัง ทางที่ดีแกควรจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวเข้าไว้ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนถึงผลที่จะตามมา!”
จูเหว่ยรู้สึกเจ็บปวดจนหน้าเหยเกไม่เป็นรูป จ้องมองเหมยเหมยอย่างอาฆาต ลูกผู้ชายต้องไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าใคร เดี๋ยวเขาจะต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ จะต้องทำให้ยัยเด็กบ้านี่คุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเขาให้ได้
เหมยเหมยล้วงหากระเป๋าสตางค์เพื่อทำการเช็คบิล อีกทั้งยังสั่งให้ไอ้บ้านั่นไสหัวไป ด้วยท่าทีที่ทุลักทุเลและน่าสมเพชของจูเหว่ย มันทำให้เหมยเหมยได้ระบายความโกรธในใจไปได้
เธอสั่งให้พนักงานจัดการห่ออาหารบนโต๊ะที่ยังไม่ถูกแตะต้อง จะได้เอาไปให้คนในสำนักพิมพ์ทาน โดยเธอตั้งใจเลือกสั่งเมนูที่แพงที่สุดตั้งแต่แรก
เมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจของคุณหลิน เหมยเหมยจึงกระตุกยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณหลินไปคุยกับทนายของฉันเถอะค่ะ อ่อใช่ ถ้าหากว่าสำนักพิมพ์ซิงซิงมีปัญหาทางด้านการเงินจริง ฉันสามารถร่วมลงทุนได้ หากว่าคุณเห็นด้วย ไว้เราค่อยนัดคุยรายละเอียดกันทีหลัง”
หลังจากได้ปล่อยคำพูดออกไปเช่นนั้น เหมยเหมยจึงหันไปยกถุงกับข้าวขนาดใหญ่แล้วปลีกตัวออกไป เหลือไว้เพียงคุณหลินที่ยังคงยืนทำหน้าบื้ออยู่นานสองนาน
เวลาผ่านไปพักใหญ่ กว่าที่คุณหลินจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง และพุ่งตัวออกไปจากภัตตาคารในทันที เพื่อกลับไปหารือกับคุณลุงที่โรงแรม
ลูกระเบิดที่เหมยเหมยทิ้งไว้ แต่ละลูกนั้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก โชคดีนักที่เขามาด้วยตัวเอง หากว่าเป็นคุณลุงของเขาที่มา เกรงว่าจะรับไม่ไหวจนหัวใจวายเสียก่อน!
ความเคลื่อนไหวของจูเหว่ยก็ไม่ได้ช้านัก เหมยเหมยยังคงคุยกับคุณป้าถูอยู่ที่สำนักพิมพ์ ทว่าทางสถานีตำรวจก็ได้ส่งคนมาหา โดยแจ้งว่าจะมารับตัวเธอไปเข้าร่วมสอบปากคำ พร้อมทั้งบอกว่าเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นทรัพย์เพื่อนต่างประเทศ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดีเอามาก
คุณป้าถูไม่วางใจ จึงไปสถานีตำรวจพร้อมกับเธอ ในขณะเดียวกันก็ได้โทรไปหาเหยียนซินหย่า
ภายในสถานีตำรวจ จูเหว่ยจ้องมองเหมยเหมยด้วยความหยิ่งจองหองที่เธอถูกพาตัวเข้ามา ทุก ๆ อย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในการควบคุมของเขา นับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของที่นี่ทำงานได้รวดเร็วดีเหมือนกัน!
……………………………………………..
ตอนที่ 1023 สาแก่ใจจริงๆ เลย
“คุณตำรวจ ผู้หญิงคนนี้แหละที่เอาเงินผมไป แล้วไหนจะทำร้ายผมจนมีสภาพเป็นแบบนี้อีก” จูเหว่ยชี้หน้าเหมยเหมยพร้อมตะโกนเสียงดัง
เจ้าหน้าที่ในสถานีล้วนไม่ได้รู้จักเหมยเหมย แม้ว่าพวกเขาจะเห็นใจเหมยเหมย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพื่อให้เกิดความสันติต่อทั้งสองแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องทำให้สาวน้อยผู้เลอโฉมคนนี้ได้รับความไม่เป็นธรรม
เหมยเหมยหัวเราะเยาะพร้อมกับเอ่ย “ทำไมไม่พูดล่ะว่าฉันทำร้ายคุณเพราะอะไร!”
ดวงตาของจูเหว่ยส่อแววดุร้าย ก่อนจะพูด “คุณตำรวจ ผู้หญิงคนนี้เห็นว่าผมมาจากฮ่องกง เลยจงใจที่จะให้ผมเลี้ยงข้าวเธอ ทั้งยังบอกให้ผมซื้อเครื่องประดับให้เธอ ผมไม่ยินยอม เธอจึงแย่งกระเป๋าเงินของผม และยังทำร้ายร่างกายผมอีกด้วย”
คุณป้าถูตะโกนอย่างเดือดดาล “ไร้สาระ คุณเจ้าหน้าที่คะ เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ…”
เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆ เจ้าหน้าที่ต่างมองเหมยเหมยอย่างน่าทึ่งปนแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ จะเป็นถึงนักเขียน นับว่าเก่งกาจตั้งแต่อายุยังน้อย
ด้วยความเคารพที่มีต่ออาชีพอันทรงเกียรติของนักเขียน เจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจจึงดูมีความสุภาพมากขึ้นในการสอบถาม แต่จูเหว่ยนั้นยังคงกัดแน่นไม่ยอมปล่อย
“คุณจ้าวเหมย คุณทำร้ายร่างกายเพื่อนต่างแดนและยังปล้นทรัพย์สินอีก เป็นการทำลายความสันติต่อประชาชนของทั้งสองแผ่นดินอย่างร้ายแรง เราจะเรียกผู้ปกครองของคุณมา อีกทั้งคุณจูเหว่ยยังได้เรียกร้องค่าเสียหายอีกด้วย และหากว่าคุณไปที่สถานพินิจก็จำเป็นต้องมีผู้ปกครองเซ็นรับรอง”
เจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจไร้ซึ่งความไยดี เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ กฎหมายก็คือกฎหมาย เมื่อข้องเกี่ยวกับเพื่อนร่วมชาติอย่างฮ่องกงแล้ว จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด
อย่าได้กล่าวถึงไมตรีเลย!
“คุณพ่อของจ้าวเหมยดำรงตำแหน่งประธานในการประชุมนัดสำคัญอยู่ จึงได้มอบหมายให้ผมมาช่วยจัดการเรื่องนี้แทนครับ”
ชายผู้สง่างามสวมใส่แว่นตาขอบทองได้เดินเข้ามายังสถานีตำรวจ นั่นคือเลขาธิการประจำศาลากลางจังหวัด อย่างเลขาธิการโจว เขาส่งยิ้มให้กับเหมยเหมย เพื่อไม่ให้เหมยเหมยตื่นตกใจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรกับจ้าวเหมย? เรื่องแบบนี้จะมอบหมายให้คนอื่นจัดการได้ยังไง?”
ในเวลานั้นเองเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตำรวจผู้สูงวัยที่รับผิดชอบต่อคดีความนี้อยู่เป็นคนรับสาย แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเข้มงวดในทันที พร้อมทั้งหันมองเหมยเหมยอย่างน่าทึ่งปนแปลกใจ
“ครับ ผู้อำนวยการวางใจได้ ผมจะจัดการคดีความนี้ให้เกิดความเป็นกลางมากที่สุด ไม่มีทางทำให้ประชาชนได้รับความไม่เป็นธรรมเด็ดขาด!” ตำรวจสูงวัยยืดอกด้วยความทระนง พร้อมเอ่ยด้วยเสียงดังฟังชัด
ตำรวจนายอื่นที่ได้ยินต่างรู้สึกว่าน้ำเสียงดูแปลกไป หากต้องดการคดีความนี้ให้เกิดความเป็นกลาง ต้องจับกุมตัวคนฮ่องกงที่แซ่จูนั่นหน่ะหรือ!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายแซ่จูผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดีอะไร หวังจะได้รับผลประโยชน์จากแม่สาวน้อย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าพวกเขาไม่อาจจัดการคดีความนี้ให้เกิดความเป็นกลางได้!
เลขาธิกรโจวพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ไขคดีได้ชัดเจนแล้วใช่ไหม? ผมพาจ้าวเหมยกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม?”
“ชัดเจนแล้วครับ ขอบพระคุณต่อคุณจ้าวเหมยที่ให้ความร่วมมือต่อการทำงานของพวกเรา วางใจได้ครับ พวกเราไม่มีทางปล่อยให้คนร้ายลอยนวลแน่” คุณตำรวจยกยิ้มจนตาหยีและเอ่ยขึ้น
เหมยเหมยฝืนยิ้มให้ เธอเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นจึงยอมรามือ ในตอนนี้ทำได้แค่ทำให้จูเหว่ยเสียเปรียบเพียงเล็กน้อยในสถานการณ์เช่นนี้ หากว่าก่อเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็อาจจะเป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานของจ้าวอิงหัว
“ลุงโจว เราไปกันเถอะ!”
เหมยเหมยหันไปจ้องหน้าจูเหว่ยอยู่นาน อย่ารีบไป อนาคตยังอีกยาวไกล วันข้างหน้ายังมีเวลาที่จะสั่งสอนพ่อหนุ่มนี่อีกนาน
จูเหว่ยนิ่งงันไปชั่วขณะ เห็นเหมยเหมยเดินออกไปจากสถานีตำรวจ ถึงได้สติกลับมา พลางเอ่ยปากด่าทอต่อว่า “นี่ ทำไมถึงปล่อยเธอออกไป? ทำไมไม่จับเธอล่ะ…”
ตำรวจอาวุโสหันไปสั่งการลูกน้องใต้บังคับบัญชา ลูกน้องเขาจึงรีบเข้าไปจับกุมตัวจูเหว่ยที่เอาแต่แหกปากโวยวายเข้าไปขังไว้ในห้องกักขังชั่วคราว นั่นจึงทำให้เขาสงบนิ่งลงได้
“หัวหน้าเกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมถึงปล่อยแม่สาวน้อยนั่นไป? แล้วยังจับตัวคนฮ่องกงไปขังไว้อีก คุณไม่กลัวผู้อำนวยการจะตำหนิหรือไง?” ลูกน้องเขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตำรวจอาวุโสจึงจ้องเขาตาเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์
“คนที่โทรมาเมื่อกี้ก็คือผู้อำนวยการ บอกให้ฉันจัดการกับชายแซ่จูคนนี้”
“ทำไมล่ะ? หรือว่า…เด็กจ้าวเหมยนี่เป็นใครมาจากไหน?” ลูกน้องเขาจับจุดได้อย่างรวดเร็ว
“ลูกสาวของเลขาธิการพรรค นายคิดว่าเป็นใครมาจากไหนล่ะ?”
“ให้ตายเถอะ…ไม่แปลกเลยที่จะกล้าต่อยคนฮ่องกง…ช่างสาแก่ใจจริง ๆ เลย”
…………………………………………………
[1] ในปี ค.ศ.1997 ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่