บทที่ 1024 เหตุใดดดอกไม้จึงเป็นสีแดง + ตอนที่ 1025 ความเจ็บปวดของอู่เยวี่ย

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1024 เหตุใดดดอกไม้จึงเป็นสีแดง + ตอนที่ 1025 ความเจ็บปวดของอู่เยวี่ย โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1024 เหตุใดดดอกไม้จึงเป็นสีแดง

 ตกเย็นจ้าวอิงหัวกลับมาถึงบ้าน จึงได้ถามเหมยเหมยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวัน พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมกับโทรไปหาผู้กำกับ

“ผมจ้าวอิงหัวครับ ดูแลไอ้คนฮ่องกงสารเลวนั่นให้ดีด้วยล่ะ ผมจะทำให้เขาจำจนขึ้นใจ ต่อไปนี้เขาจะได้ไม่กล้าก้าวเข้ามาเหยียบเมืองจินได้แม้แต่ครึ่งก้าว!`”

เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ไอ้คนสารเลว กล้าที่จะมาหวังในตัวลูกสาวของเขา!

ต่อให้เป็นถึงประธานาธิบดีของอเมริกาก็ไม่ได้!

เหมยเหมยรู้สึกอบอุ่นใจ แต่เธอก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง “พ่อคะ ช่างมันเถอะ วันนี้หนูจัดการไอ้คนแซ่จูนั่นไปมากพอแล้ว รู้สึกสาแก่ใจแล้วด้วย อย่าไปเสียชื่อเสียงเพราะคนประเภทนี้เลยค่ะ”

แต่จ้าวอิงหัวไม่ได้คิดเช่นนั้น จึงเอ่ยปากระคนหัวเราะ “ลูกสาวพ่อนี่ประเมินพ่อต่ำเกินไปหน่อยนะ บุคคลฐานะต่ำต้อยแบบนั้น จะมีผลอะไรกับพ่อได้เล่า? วางใจเถอะ พ่อจะจัดให้สาแก่ใจแทนลูกเอง จะได้ลิ้มรสชาติแบบนี้บ้าง…”

จูเหว่ยที่ถูกย้ายเข้ามาในห้องขัง ลอบมองชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กำยำที่อยู่ในห้องขังเดียวกันอย่างหมดหวัง ในใจเหน็บหนาวราวน้ำแข็ง!

อีกทั้งตัวเขาเองพึ่งจะได้ค้นพบกับความจริงบางอย่าง…

ไม่ว่าจะเป็นที่ฮ่องกงหรือในแผ่นดินใหญ่ เรือนจำต่างมีกฎเกณฑ์และข้อบังคับที่เหมือนกัน!

ทางฝั่งคุณหลินนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เหมยเหมยเองก็ไม่ได้เร่งรัดเขา ถึงยังไงเธอก็มั่นใจว่าหลินเจิ้นกั๋วลุงหลานนั่นพอถึงคราวเข้าตาจนแล้ว นอกจากเธอ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

โอหยางซานซานก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก อาจเพราะได้รับการอบรมสั่งสอนจากหวงอวี้เหลียน หญิงสาวผู้นั้นเมื่อพบเจอกับเหมยเหมยก็มักจะยอมถอยให้ก่อน ไม่กล้าเข้ามาตอแยเหมยเหมยแม้แต่น้อย

สำหรับอู่เยวี่ยนั้น เหมยเหมยไม่มีทางปล่อยเธอไปง่าย ๆ เธอยังจดจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เรื่องที่อู่เยวี่ยเอาแต่ยุเฮ่อเหลียนเช่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา จนทำให้เธอต้องถูกไอ้วิปริตนั่นเฆี่ยนด้วยแส้!

ในช่วงสามปีมานี้น้อยครั้งมากที่เหมยซูหานจะกลับเมืองจิน เธอเองก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนคุณแม่เหมยเลย แต่ก็ได้ยินมาว่าเธอสบายดีไม่น้อย เหมยซูหานเป็นลูกกตัญญู เขาได้ไหว้วานคนมาดูแลแม่เขาโดยเฉพาะถึงสองคน ส่วนพ่อของเหมยซูหานนั้น

เมื่อเหมยเหมยนึกถึงชายผู้หลงใหลในสิ่งมึนเมาและการพนัน หัวคิ้วก็ขมวดแน่นย่างห้ามไม่ได้

เมื่อชาติก่อนพ่อของเหมยซูหานเสียชีวิตไปตั้งแต่ช่วงที่เธอแต่งงานกับเหมยซูหานได้ไม่นาน

การตายนั้นก็ไม่ได้ดีนัก ในช่วงฤดูหนาวเขาดื่มเหล้าหนัก เดินโซซัดโซเซจนพลัดตกลงไปในคูน้ำ แข็งตาย

แต่ในช่วงเวลานี้กลับมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข!

อารมณ์ความรู้สึกของอู่เยวี่ยนั้นดีมาก สีหน้าแววตาประดุจช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเมื่อวานหานป๋อหย่วนเลี้ยงไอศกรีมเธอ แล้วยังพาไปดูหนังต่อ แถมเป็นหนังรักโรแมนติก ทำเอาตัวเธอนั้นแทบไม่กล้าเงยหน้ามองเพราะความอาย

แต่สิ่งที่ทำให้เธอนั้นเขินอายจริง ๆ คือมือของหานป๋อหย่วนที่มาสัมผัสเข้าที่มือของเธอเหมือนกับว่าตั้งใจแต่ก็ไม่ตั้งใจอย่างแผ่วเบา มันรับรู้ได้ถึงความร้อน และความชื้นที่แผ่ซ่าน แต่ก็มีความหยาบเล็กน้อย…

ในหนังพูดอะไรเธอจำมันไม่ได้แม้แต่น้อย จดจำได้เพียงแค่ความร้อนชื้นของฝ่ามือใหญ่ ๆ นั้น

หลังจากที่หนังฉายจบ หานป๋อหย่วนยังได้นัดเธอไปเที่ยวที่ภูเขาเฟิ่งหวงซานในช่วงวันหยุด โดยมีเพียงแค่เขาสองคน…

อู่เยวี่ยคิดว่าหานป๋อหย่วนต้องชอบเธอแน่ ๆ แม้ว่าฐานะทางบ้านของเธอจะเทียบไม่ได้กับโอหยางซานซาน แต่เธอสวยกว่าโอหยางซานซาน ทั้งยังเชื่อฟังกว่า และยังบริสุทธิ์กว่า…

ที่หานป๋อหย่วนเลือกเธอนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว หากว่าเธอเป็นผู้ชาย ไม่มีทางที่จะเลือกมารผจญอย่างโอหยางซานซาน!

หากเธอสามารถจับหานป๋อหย่วนได้อยู่หมัด…อู่เยวี่ยกระตุกยิ้มอย่างได้ใจ ในหัวสมองเริ่มจิตนาการถึงช่วงเวลาที่เธอแต่งงานกับหานป๋อหย่วน แล้วกลายเป็นคนชนชั้นสูงที่ใครต่อใครต่างพากันอิจฉา รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นแทบจะทะลักออกมา

แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มของเธอก็ได้หายไป พอนึกถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ อู่เยวี่ยก็ขมวดคิ้วแน่น

ตอนนี้เหอปี้อวิ๋นเอาแต่อยู่ในบ้านไปวัน ๆ ไม่ออกจากบ้านไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว พ่อเลี้ยงและพี่ชายติดพ่อของเธอเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และเอาแต่พูดตีวัวกระทบคราด การที่เธอยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นพูดง่าย ๆ ก็คือการใช้ชีวิตให้ผ่านไปเป็นวัน ๆ มาเป็นเวลาแรมปี

แม้เธอจะไม่ได้เต็มใจ แต่อู่เยวี่ยจำต้องกลับบ้าน เพราะเธอไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว

เหอปี้อวิ๋นทำกับข้าวอยู่ในส่วนของห้องครัวส่วนกลาง พ่อเลี้ยงและลูกชายเก็บแผงเสร็จเร็ว จึงนั่งทำหน้าบึ้งตึงตากพัดลมอยู่ในห้องรับแขก พลันเหลือบเห็นแววตาของอู่เยวี่ยที่แปลกไปเล็กน้อย

………………………………………………

ตอนที่ 1025 ความเจ็บปวดของอู่เยวี่ย

 “เยวี่ยเยวี่ยกลับมาแล้วเหรอ รีบมานั่งตากลมเร็ว เรียนมาทั้งวันคงเหนื่อยแย่” พ่อเลี้ยงทักทายเธออย่างกระตือรือร้น  ไหนจะพี่ชายที่เป็นอันธพาลมีนิสัยเกียจคร้านรักสบายก็มีท่าทีกระตือรือร้นเช่นกัน  ในใจของอู่เยวี่ยเกิดอาการประหม่าขึ้นมา  ต้องมีแผนการอะไรแน่นอนไม่งั้นไม่พูดดีแบบนี้หรอก  สองคนนี้คิดจะทำอะไรกันนะ ?

เพราะในใจเตือนให้ตื่นตัวอยู่เสมอ  แม้กระทั่งช่วงที่หลับในตอนกลางคืนอู่เยวี่ยยังไม่กล้านอนหลับได้อย่างสนิท ในระหว่างที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเธอก็รู้สึกได้ถึงความหนักหน่วงที่ทับอยู่บนร่างกายและยังมีคนกำลังถอดเสื้อผ้าของเธออยู่  ก็รีบสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที จึงมองเห็นคนบนตัวเธอจากแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา

“พี่คิดจะทำอะไร ?”

อู่เยวี่ยตกใจคิดอยากผลักคนที่อยู่บนตัวเธอออกไปเสีย  ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือซ่งเป่าเลี่ยงพี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของเธอ  มันคือกุ๊ยที่น่าขยะแขยงนั่น ซ่งเป่าเลี่ยงไม่ตื่นกลัวเลยสักนิด มองเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มร่า “น้องสาวที่แสนดีอย่ากลัวไปเลย พี่จะรักเธออย่างดีเลย…”

“พี่ไปให้พ้นเลยนะ…ถ้ายังไม่ออกไปอีกฉันจะร้องเรียกคน…”

อู่เยวี่ยที่โตเต็มวัยแล้วนั่นก็คือช่วงสาววัยแรกแย้ม  จู่ ๆ ก็เข้าใจความคิดสกปรกของซ่งเป่าเลี่ยง ทั้งโมโหทั้งสะอิดสะเอียน แต่ซ่งเป่าเลี่ยงกลับไม่สนใจคำเตือนของอู่เยวี่ยเลยสักนิด แล้วยิ้มอย่างได้ใจ  “เธอกล้าเรียกก็เรียกไป ถึงตอนนั้นดูสิว่าใครกันแน่ที่จะขายหน้า….” อู่เยวี่ยหัวใจหล่นวูบ  สายตาจับจ้องที่ซ่งเป่าเลี่ยงที่เขยิบเข้ามาประชิดเรื่อย ๆ   เธอรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากผู้ชายคนนั้น  น่าขยะแขยงที่สุด

“แม่คะ…แม่….”

อู่เยวี่ยตะโกนเรียกไปยังห้องติดกันด้านข้าง  หวังว่าเหอปี้อวิ๋นจะออกมาช่วยเธอ  ซ่งเป่าเลี่ยงแสยะยิ้ม “แม่เธอถูกพ่อฉันจัดการจนสะใจนอนนิ่งสบายเหมือนคนตายไปแล้ว ต่อให้ฟ้าร้องก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก”

อู่เยวี่ยกรีดร้องออกมาอีกไม่กี่ที   เหอปี้อวิ๋นไม่มีเสียงตอบกลับมาจริง ๆ  แต่กลับมีเสียงของพ่อเลี้ยงดังลอยออกมา “อย่าไร้สาระให้มาก รีบ ๆ จัดการไปเสีย”

ซ่งเป่าเลี่ยงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาหึหึ  เพียงครู่เดียวก็กระทุ้งศอกใส่อู่เยวี่ย ปิดปากของเธอไว้ จากนั้นฉีกเสื้อผ้าของเธอออกอย่างร้อนรนแทบทนไม่ไหว

“น้องสาวที่แสนดี เธอยอมจำนนให้พี่เถอะ พี่จะซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่…”

อู่เยวี่ยใช้มือดันไว้ไม่ไหว จะเอาแรงจากไหนเอาชนะซ่งเป่าเลี่ยงที่ร่างกายบึกบึนนั้นได้ ครู่เดียวเสื้อผ้าบนตัวก็ถูกถอดออกจนหมด  ทรวดทรงของสาวงามปรากฏอยู่ใต้แสงจันทร์  สวยจนละสายตาไม่ได้ ซ่งเป่าเลี่ยงมองด้วยสายตาอันเคลิบเคลิ้ม

“อย่านะ…อย่านะ…”

อู่เยวี่ยมองผู้ชายที่ยันตัวเองไว้อย่างท้อแท้   สัมผัสของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน  ไม่ได้งดงามและทำให้หัวใจเต้นเหมือนหานป๋อหย่วน

ความเจ็บปวดที่แล่นแปล๊บผ่านในใจ  อู่เยวี่ยหยุดยันตัวแล้วปิดตาลง  ไม่อยากเห็นผู้ชายที่อยู่บนตัวของเธออีก น้ำตาก็พลันรินไหลออกมา

สิ่งที่หวงแหนที่สุดของเธอไม่มีอีกแล้ว

ทำไมต้องเป็นเธอด้วย ?

อู่เยวี่ยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  จ้องมองผู้ชายที่ขยับตัวไปมาอยู่บนตัวเธออย่างเย็นชา

เธอจะต้องให้พวกเขาชดใช้แน่  ต้องให้ชดใช้แน่นอน!

ทุกคนที่ทำร้ายเธอมันต้องไปตายให้หมด!

เหมยเหมยนอนไม่หลับ  เธอเลยไปเปิดบานหน้าต่าง  เท้าคางเหม่อมองจันทร์  แต่สายตากลับลอกแลกสาดส่องไปรอบทิศ

ทำไมยังไม่มาอีกนะ?

เหมยเหมยตั้งตารอหาวหวอดติดต่อกันไปหลายครั้งจนน้ำตาเอ่อล้น  แต่ก็ยังไม่เจอคนที่รอคอยสักที  จึงยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว

“เกลียดจริง พูดอะไรแล้วไม่ทำอย่างที่พูด เหอะ…ไม่รอแล้ว นอนดีกว่า!”

เหมยเหมยยู่ปากบ่นพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย  คนบางคนที่เพิ่งจะพุ่งตัวเข้าไปในท่อลำเลียงน้ำ พอได้ยินอย่างชัดเจนมุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย  ดึงหางเป็นพวงสีขาวบนไหล่เบา ๆ   ฉิวฉิวจ้องตาเขาแน่นิ่ง  ถีบตัวกระโดดพุ่งไปเบื้องหน้าเหมยเหมยที่กำลังเตรียมปิดหน้าต่าง

“ฉิวฉิว…ที่รัก  แกคงคิดถึงพี่สาวแย่เลย ทำไมแกกลับมาเองได้ล่ะ?”

เหมยเหมยจากที่หงุดหงิดก็อารมณ์ดีขึ้นมา  คนที่ตั้งตารอไม่มาแต่สัตว์เลี้ยงสุดที่รักโผล่มา  อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว

“นับว่าฉิวฉิวจิตใจดี  ไม่เหมือนใครบางคนใจจืดใจดำ…” เหมยเหมยกอดฉิวฉิวพลางพูดความในใจระบายออกมา  จู่ ๆ เสียงของคนที่คิดถึงอยู่ตลอดก็ดังขึ้นข้างหู

“คนใจจืดใจดำนี่ใครกันเหรอ หืม?”

……………………………………