มู่เฉียนซียังไม่รู้ว่าการที่ตนเองใจกว้างมอบยาลูกกลอนในการตามหาคนนั้น สุดท้ายตนเองจะถูกคนอื่นพูดถึงนางเช่นนี้!

นางก็รู้สึกได้ว่ามีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แอบตามนางมา กล้าตามหาคนอย่างโอ่อ่าเช่นนี้ เมื่อนางรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นนี้แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นางมองไปข้างหน้า และนางแน่ใจแล้วว่าค่ายกระโจมด้านหน้าเป็นของตำหนักเป่ยหาน แต่กลับไม่สามารถผลีผลามเข้าไปหาอารองได้

มิเช่นนั้นอารองจะถูกหัวหน้าตำหนักเป่ยหานกับผู้อาวุโสสูงสุดจับได้ถึงความผิดปกติแน่นอน

“อีกไม่ไกลนางก็จะเข้าใกล้ค่ายที่ตั้งของตำหนักเป่ยหานแล้ว หากเราไม่ลงมือตอนนี้เกรงว่าจะไม่ทันเอานะ”

“สาวน้อยผู้นี้ลงมือได้อย่างใจกว้างเหลือเกิน เบื้องหลังของนางคงไม่ธรรมดาแน่นอน ฉะนั้นต้องลงมือเก็บให้เรียบ อย่างได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เด็ดขาด”

“……”

คนพวกนี้พอเห็นของมีค่าก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาทันที ส่วนมากก็เป็นพวกกองกำลังที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก

ส่วนกองกำลังอื่นไม่อยากเสียแรงเพื่อยาลูกกลอนไม่กี่เม็ดเหล่านี้

แต่ต่อให้ไม่ใช่กองกำลังที่มีชื่อเสียง แต่ก็มียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิไม่น้อยเลย รวม ๆ แล้วจำนวนคนก็ไม่น้อยเลย หากมู่เฉียนซีคนเดียวต้องรับมือขึ้นมา ก็ยากที่จะจัดการได้เช่นกัน

และแน่นอนว่าเพียงแค่นางออกคำสั่งให้องครักษ์เงาลงมือ คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางรอดไปได้

ขวับ ขวับ ขวับ! และในขณะที่มู่เฉียนซีจะเดินหน้าต่อนั้น ในที่สุดคนเหล่านี้ก็เริ่มลงมือแล้ว

คนจำนวนสามสิบสี่สิบคนพุ่งออกมาจากทั่วทุกสารทิศ ช่างประเมินนางสูงเสียจริง! มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“พวกเจ้ามีเรื่องอันใด ข้ารู้แล้วว่าคนที่หาตามหาอยู่ที่ไหน ฉะนั้นไม่ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“แม่นางน้อย ถึงแม้ว่าพวกข้าจะไม่มีข่าวใดจะบอกเจ้า แต่เจ้ามียาลูกกลอนติดตัวมาไม่น้อย ช่วยพวกข้าสักเรื่องจะได้หรือไม่ เอายาลูกกลอนออกมาให้พวกข้าให้หมด”

“ยาลูกกลอนของข้าไม่ได้ให้ผู้ใดฟรี ๆ ข้าว่าพวกเจ้ารีบไสหัวไปจะดีกว่านะ!”

“ความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้วเจ้ายังจะเย่อหยิ่งอีก” พวกเขาเผยสีหน้าท่าทางดุร้ายออกมา

“นี่พวกเจ้าคิดจะปล้นอย่างนั้นเหรอ ?” มู่เฉียนซีทำหน้าไร้เดียงสา

“หากเจ้าไม่ยอมเอาออกมาให้แต่โดยดี พวกข้าก็จะลงมือปล้นแน่”

จากนั้นมู่เฉียนซีก็ชักกระบี่เล่มหนึ่งออกมา แต่กลับไม่ใช่กระบี่มังกรเพลิง

อยู่ในที่แห่งนี้ ไม่ว่ายังไงนางก็ไม่สามารถเอากระบี่มังกรเพลิงออกมาเรียกดาวมฤตยูนั่นได้

“สาวน้อย ยาลูกกลอนของเจ้านั้นไม่เลวเลย แต่กระบี่เล่มนี้ของเจ้า มันช่างธรรมดายิ่งนัก! เจ้าเพียงคนเดียว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกข้าเลย…”

“ลงมือได้!”

และในขณะที่พวกเขาจะพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี จู่ ๆ เสียงตัดผ่านอากาศเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น กระบี่ขนาดใหญ่เล่มหนึ่งได้ขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้

กระบี่อีกทางด้านหนึ่งก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นลมพายุพัดกระโชกแรง!

ปัง ปัง ปัง! คนเหล่านี้ดุจดั่งเป็นว่าวที่เชือกขาดก็มิปาน ร่างของพวกเขากระเด็นลอยออกไปในทันที

พรวด!

แต่ละคนกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ใครกันที่มันกล้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของข้า!”

ร่างในชุดสีแดงเลือดหมูย่างกรายลงมาจากกลางอากาศ และได้ปกป้องมู่เฉียนซีอยู่ด้านหน้า

มือจับด้ามกระบี่ขนาดใหญ่เล่มนั้นและดึงกระบี่เล่มนั้นออกจากพื้น กระบี่เอียงข้างเล็กน้อย และเผยให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาอันหล่อเหลานั่น

อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้านั้นประณีตอย่างลึกซึ้งมาก เจตนาการเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็นท่วมท้นไปทั่วทั้งตัว ทำให้พวกเขาเหล่านี้ต่างพากันหวาดกลัวจนตัวสั่น

“องครักษ์ฝ่ายซ้ายหลิง!”

“นี่มันองครักษ์ฝ่ายซ้ายหลิง! ขะ เขา…”

“เขาลงมือช่วยหญิงสาวผู้นี้ คนที่หญิงสาวผู้นี้ตามหาคงจะไม่ใช่เขากระมัง!”

“เป็นไปไม่ได้ หลิงเป็นมือเพชฌฆาต จะสนใจในสตรีได้อย่างไร”

ดวงตาของมู่เฉียนซีมองไปที่บุรุษตรงหน้าอย่างแผดเผาราวกับเขาเป็นเทพสงครามที่ไร้เทียมทานก็มิปาน นานแล้วที่นางไม่ได้เห็นอารอง

เมื่อได้เห็นอีกครั้ง เขาก็ยังคงสบายดี พลังก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย และนางก็รู้สึกวางใจแล้ว

จื่อโยวที่แอบซ่อนตัวอยู่ในตอนนี้มองมู่เฉียนด้วยสายตาที่กลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ไม่เคยเห็นคนงามมองเยี่ยเช่นนี้เลย!

จะทำเช่นไรดี เยี่ย ภรรยาของเจ้าจะถูกแย่งชิงไปแล้วนะ

“พวกเจ้าเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ฉะนั้นต้องถูกปิดปากไปตลอดชีวิต!” ดวงตาของหลิงเผยเจตนาการเข่นฆ่าออกมา ทันทีที่กระบี่ขนาดใหญ่เล่มนี้ขยับก็ได้กวาดไปที่พวกเขาทันที

คนกลุ่มนี้กล่าวขอร้องอ้อนวอนขึ้น “ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

“ท่านหลิง ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

“พวกเราไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว!”

“……”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องอ้อนวอนเช่นไรมันก็ไร้ประโยชน์

กลุ่มคนที่ห้อมล้อมมู่เฉียนซีเหล่านี้ได้พบกับปีศาจคลั่งผู้พิทักษ์หลานสาวผู้นี้เข้าแล้ว ทำให้พวกเขาต้องถึงแก่ชีวิต และสิ่งนี้ก็นับว่าง่ายเกินไปสำหรับคนเหล่านี้แล้ว

ปัง ปัง ปัง! หลิงจัดการคนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว เขาเก็บกระบี่ขนาดใหญ่เล่มนั้นและหันกลับไปมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า

ใบหน้าที่เย็นชาและเลือดเย็นนั้นอ่อนโยนลงมาก เขาเดินไปลูบหัวของมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์!”

นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าแตะต้องคนงามเช่นนี้ แม้แต่เขาเองยังไม่กล้าแตะต้องนางเลย

ตอนนี้จื่อโยวแทบอยากจะพรวดออกไปตัดนิ้วของบุรุษผู้นี้มาก แต่เมื่อนึกถึงพิษของมู่เฉียนซีแล้ว เขาก็ไม่กล้าผลีผลามลงมือแต่อย่างใด

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “อารอง ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

อารอง จื่อโยวได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจนิ่งอึ้งไป

ที่แท้บุรุษผู้นี้ก็เป็นอารองของคนงามนี่เอง ไม่ใช่ศัตรูหัวใจของเยี่ยอย่างที่เขาคิด

ในตอนนั้นที่จื่อโยวอยู่ที่แคว้นจื่อเยี่ย จื่อโยวก็เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลมู่อยู่บ้าง

นอกจากคนงามจะมีมู่อวู่ซวงเป็นอาเล็กแล้ว นางยังมีอารองอีกคนหนึ่งที่หายตัวไปนานหลายปี

โชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ผลีผลามลงมือไป มิเช่นนั้นหากคนงามโกรธขึ้นมาแล้วละก็ แม้แต่เยี่ยก็ต้องระมัดระวังตัวเป็นแน่

และหากว่าเขาทำให้คนงามโกรธขึ้นมาแล้วละก็ คาดว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็อย่าคิดเลยว่าจะได้แตะต้องสตรีอีก

“เราออกไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะ!” ในที่สุดก็ได้เจอกับซีเอ๋อร์เสียที หลิงรู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ตรงนี้อยู่ใกล้กับค่ายที่ตั้งของตำหนักเป่ยหานมาก จะอยู่นานไม่ได้

หลิงพามู่เฉียนซีออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว และไปในที่ที่ห่างไกลจากผู้คน

หลิงปล่อยมู่เฉียนซีลง และกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าการที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปรากฏออกมาในครั้งนี้เจ้าต้องมาที่นี่แน่ ข้าฉวยโอกาสออกมาหาข่าวมาตามหาเจ้าด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าหาแค่ไม่นานก็ได้เจอเจ้าแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ข้าน่ะสิไม่ง่ายเลย ข้าเสียยาลูกกลอนไปไม่น้อยเลยกว่าจะหาค่ายที่พักของตำหนักเป่ยหานได้”

“ยาลูกกลอนที่ซีเอ๋อร์เสียไป อารองจะชดเชยให้เจ้าเองเป็นเช่นไร อารองจะชดเชยให้เป็นสิบเท่าเลย”

“อารองกำลังทำภารกิจให้คนอื่น ไม่นานก็คงจะชดใช้ให้ข้าหมด แต่หากสามารถเอาอารองชดใช้แทนได้ก็ดีน่ะสิ” มู่เฉียนซีมองหลิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

พลังของนางในตอนนี้ไม่สามารถปลดปล่อยสิ่งต้องห้ามนั้นให้อารองเป็นอิสระได้เลย

เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้แล้ว หลิงก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก

“ซีเอ๋อร์ อารองขอโทษ อารองไม่สามารถอยู่ข้างกายซีเอ๋อร์ ปกป้องซีเอ๋อร์ได้ตลอดเวลา”

มู่เฉียนซีกล่าว “อารองไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ข้าต้องหาวิธีที่จะทำให้อารองเป็นอิสระได้แน่นอน ส่วนไอ้พวกคนเหล่านั้นที่มันทำร้ายอารอง ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่”

เรื่องนี้ ช่างยากเย็นยิ่งนัก

เขาไม่อยากให้ซีเอ๋อร์เสี่ยงอันตราย แต่เขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องใดที่ซีเอ๋อร์ได้ตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้เขาพูดมากไปมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!

ครั้นแล้วหลิงจึงเริ่มเปลี่ยนเรื่อง “ซีเอ๋อร์ การแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในครั้งนี้มันเสี่ยงและอันตรายมาก! เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เถอะ อารองจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้เจ้าให้ได้”

มู่เฉียนซีจ้องหลิงและกล่าวว่า “อารอง ตอนนี้ข้าเป็นท่านผู้นำตระกูลมู่แล้ว อารองคิดว่าข้าเป็นเด็กแล้วจะหลอกได้อย่างนั้นเหรอ อารองคิดว่าจะหลอกข้าได้เหรอ?”

หลิงกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “อารองจะหลอกซีเอ๋อร์ได้อย่างไรกันล่ะ”

“ตำหนักเป่ยหานได้ส่งยอดฝีมือเกือบทั้งหมดมา หัวหน้าตำหนักเป่ยหานปรารถนาจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้ ตอนนี้อารองถูกพวกเขาควบคุม อารองจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาปลิดชีพตัวเองอย่างนั้นเหรอ?” มู่เฉียนซีจ้องมองหลิงพลางกล่าว