เทพมารถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่อสูรโบราณที่มีชีวิตอยู่ในอนัตตาคือศัตรูโดยธรรมชาติ กินพวกเขาเป็นอาหาร

เหล่าผู้แข็งแกร่งเทพมารที่เคยสูงส่งในวันก่อน ในใจแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวเพียงแค่อนัตตาเหนือศีรษะจะถูกแยกออก และกรงเล็บสีดำเงานั้นจะกำหนดจุดหมายมาที่ตน

เพียงไม่นานเวลาราวหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไป ช่องทางอนัตตาสีดำเส้นนี้ในที่สุดก็มาถึงปลายทาง เทพมารทุกท่านที่ยังมีโชคอยู่ก็พากันเผยสีหน้าดีใจออกมา

ภายในเวลาหนึ่งก้านธูปที่ผ่านไปนั้น เทพมารทุกท่านต่างก็ได้รับการทรมานจากความกลัว ถึงแม้จะเป็นช่าจื่อเยียนและเทพปีศาจสยบนภา ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันที่ โชคดีก็คือ เจ้าอสูรโบราณที่หลบซ่อนอยู่ภายในอนัตตานั้นไม่ได้พุ่งโจมตีมาทางพวกเขา แต่ระหว่างทางมานี้ก็ได้กินเทพปีศาจของเผ่าปีศาจไปอีกหนึ่งคน

แต่ว่าในเวลาที่ทุกคนต่างคิดกันว่าปลอดภัย ค่ายกลขนาดมหึมาค่ายหนึ่งก็พันปรากฏขึ้นที่ที่สุดปลายทางของช่องทางอนัตตา

“แย่แล้ว!”

เมื่อค่ายกลปรากฏขึ้น แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับก็แผ่กระจายออกไป เทพมารทุกท่านต่างรู้สึกราวกับพบกับศัตรูตัวฉกาจ

ท่ามกลางเหล่าผู้คน มีเพียงหลัวซิวเท่านั้นที่ถือได้ว่าค่อนข้างสงบ เพราะเขาสังเกตเห็นว่าค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายสังหาร แต่เป็นค่ายวาร์ป

“ซวบ! ซวบ! ซวบ!……”

ร่างเงาของผู้คนค่อย ๆ หายไปทีละคน โดยไม่รู้ว่าจะถูกส่งไปยังที่ใด

อยู่ดีดีก็ออร่าอันน่าหวาดกลัวที่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกมาเยือน หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็ขนลุกซู่ เพราะกรงเล็บของเจ้าอสูรโบราณกลืนกินเทพ ปรากฏขึ้นอยู่เหนือศีรษะของเขา

วินาทีที่กรงเล็บนี้ปรากฏขึ้น หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่าตนนั้นถูกตรึงไว้ด้วยพลังออร่า ผลการฝึกตนถูกกดเอาไว้ มีสามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย

อสูรโบราณกลืนกินเทพครอบครองพลังพิเศษที่สามารถควบคุมเทพมาร แม้แต่เทพมารที่ถูกออร่าของมันตริงเอาไว้ยังไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลัวซิวเป็นเพียงแค่เจ้ายุทธจักรตัวเล็ก ๆ เท่านั้น?

นาทีนี้เอง แสงสว่างของค่ายวาร์ปก็สว่างขึ้นที่บริเวณใต้เท้าของหลัวซิว ช่วงเวลาที่กรงเล็บดำเงาค่อย ๆ เงื้อเข้ามา ร่างของเขาก็พลัยหายไปในเสี้ยววินาที ไม่สามารถรู้ได้ว่าถูกส่งไปที่ใด

“โฮก!”

เสียงคำรามด้วยความโมโหดังออกมาจากอนัตตาไม่สิ้น กึกก้องไปทั่ว อสูรโบราณกลืนกินเทพค่อนข้างหงุดหงิดเนื่องจากอาหารของเขาหนีไปได้

……

“ฮู่……”

ริมฝั่งลำธารแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยหินกรวด หลัวซิวหายใจหอบเฮือกใหญ่ มีความรู้สึกราวกับเพิ่งรอดชีวิตมาจากสงคราม

หากไม่ใช่ว่าค่ายกลได้ส่งเขาออกมาในเวลาแห่งความเป็นตายเช่นนั้น เขาสามารถแน่ใจได้ว่าตนจำต้องถูกอสูรโบราณกลืนกินเทพกินเข้าไปเป็นแน่ สิ่งมีชีวิตอันน่าสยอดสยองที่อาศัยอยู่ในอนัตตาและกินเทพมารเป็นอาหาร ไม่มีทางที่จะปราณีเขาเพียงแค่เพราะเขาเป็นเจ้ายุทธจักรคนหนึ่ง

เขาที่มายังที่แห่งนี้ในวันนี้ไม่ใช่ร่างแยก แต่เป็นร่างหลักที่รวมทั้งสองร่างไว้ เมื่อใดที่ตาย นั่นก็หมายถึงการตายจริง ๆ จบสิ้นทุกสิ่งอย่าง

เพราะความกดดันจากความเป็นความตาย อารมณ์แปรปรวนก็ค่อย ๆ สงบลง หลัวซิวจึงเพิ่งจะได้สังเกตุสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

ด้านข้างคือแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ริมฝั่งทั้งสองด้านคือภูเขาป่าไม้ที่หนาทึบ ตรงสถานที่อันไกลโพ้นสามารถเห็นเงาร่าง ๆ ของภูเขาสูงใหญ่และตำหนัก

“ห้วงกาลแดน?”

หลัวซิวหรี่ตาลง ตามบันทึกในม้วนหยก เมื่อตอนที่เทพสงครามเอกภพข้ามพิภพลงมาเยือนโลกแสงดาว ถึงแม้ร่างกายจะได้รับพิษ แต่ก็ไม่ได้เสียชีวิตทันที ด้วยผลการฝึกตนมหาศาลของเจ้าตัว ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญความตายได้เปิดห้วงกาลแดนแห่งหนึ่งขึ้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้โดยง่าย

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนต้องเผชิญความตาย ยังได้สร้างสิ่งต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ทำให้สถานที่ฝังกระดูกของเขานั้นเต็มไปด้วยความอันตราย เพียงแค่เส้นทางในการเข้ามาก็สามารถฆ่าเทพมารตายไปแล้วสามคน

“ค่ายกลที่ปลายทางช่องทางอนัตตา น่าจะเป็นค่ายวาร์ปแบบสุ่ม” เมื่อมองไปรอบ ๆ ทั้งสี่ทิศพบว่ามีเพียงเขาคนเดียว หลัวซิวจึงได้คาดการณ์ออกมาเช่นนี้

เพียงแต่สิ่งที่เขารู้สึกสงสัยนั่นคือ ด้วยความสามารถของเทพสงครามเอกภพ สามารถสร้างค่ายสังหารค่ายหนึ่งเอาไว้ที่ปลายทางของช่องทางอนัตตาได้อย่างสมบูรณ์ เช่นนี้สามารถทำให้เทพมารที่บุรุกเข้ามาในที่แห่งนี้ไม่ทันได้ตั้งตัว และอาจจะบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต

แต่เขากลับทำเรื่องที่เหนือความคาดหมาย สร้างค่ายวาร์ปแบบสุ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่?