ตอนที่ 2290 หยดเลือดของ…

อัจฉริยะสมองเพชร

ขณะที่นกฟีนิกซ์สีดำกำลังพูด มิติโดยรอบก็ดูจะบีบอัดเข้ามา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหายใจหายคอไม่ออก

จางเซวียนรู้สึกเหมือนกำลังแบกภูเขาลูกใหญ่ไว้บนแผ่นหลัง น้ำหนักของมันทำให้กระดูกสันหลังของเขาโค้งงออีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนว่าคงต้องยอมแพ้เร็วๆนี้

ต่อให้โลกทั้งโลกก็อาจแตกสลายเมื่อต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของจอมราชันย์

“หมอนั่นกล้าใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของฝ่าบาทระหว่างกระบวนการฟื้นคืนชีพของเขา?”

“อวดดีเหลือเกิน! คนๆหนึ่งจะทำเรื่องเหลวไหลขนาดนั้นได้อย่างไร?”

“ต่อให้ฝ่าบาทยังไม่ได้พละกำลังเดิมกลับคืนมา แต่ก็ยังคงมีรังสีของจอมราชันย์อยู่ในตัว หมอนั่นไม่กลัวผลจากแรงตีกลับบ้างหรือ?”

3 ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้องชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ

เก้าจอมราชันย์คือจุดสูงสุดของวิวัฒนาการของโลกใบนี้ ต่อให้จอมราชันย์อมตะยังคงอยู่ในสภาวะอ่อนแอจากกระบวนการฟื้นคืนชีพของเขา แต่สายเลือดนั้นก็ยังเหนือชั้นเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะต้านทานได้ คนๆหนึ่งจะต้องโง่เง่าขนาดไหนถึงนำจุดอ่อนของจอมราชันย์มาบังคับให้กลายเป็นอสูรของตัวเอง?

และที่สำคัญกว่านั้น…เจตจำนงของจอมราชันย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นคืนชีพคิดอะไร ถึงยอมรับเรื่องแบบนี้ได้?

แต่เพราะรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของจอมราชันย์อมตะ พวกเขาจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ

“ผมคือไก่น้อย ไม่ใช่จอมราชันย์อมตะ! เขาเป็นเจ้านายของผมนะ ใครหน้าไหนก็แตะต้องเขาไม่ได้ทั้งนั้น!”

ขณะที่จางเซวียนกำลังจะหมดความอดทน เสียงคำรามก็ดังขึ้นกลางอากาศ ไก่น้อยกำลังดิ้นรนสุดตัวเพื่อยับยั้งนกฟีนิกซ์สีดำ

“แก…” นกฟีนิกซ์สีดำจ้องหน้าไก่น้อยอย่างงุนงง

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เกิดจากตัวมัน

แต่ทำไมถึงโง่เง่าได้ขนาดนี้?

จอมราชันย์จะยอมรับเทพเจ้าสวรรค์สร้างคนหนึ่งเป็นเจ้านายได้อย่างไร? เสียเกียรติเหลือเกิน!

แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะหากไก่น้อยสีเหลืองตัวนี้ปฏิเสธ มันก็คงทำอะไรไม่ได้

ซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป มันคงต้องยอมจำนนให้ชายหนุ่มและถูกบังคับให้รับใช้อีกฝ่าย!

รู้ดีว่าสถานการณ์ล่อแหลมขนาดไหน นกฟีนิกซ์สีดำตรึงร่างของไก่น้อยให้อยู่กับที่ขณะตะโกนลั่น “สังหารหมอนั่นเดี๋ยวนี้!”

ได้ยินคำนั้น สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกเขาตรงเข้าล้อมจางเซวียนไว้โดยไม่ลังเล

ทุกคนรู้ดีว่าความภักดีของพวกเขาอยู่ที่ไหน และจะไม่มีวันทำให้เจตจำนงของจอมราชันย์ต้องขุ่นเคือง

“พวกคุณกล้าดีอย่างไร…” ไก่น้อยกัดฟันขณะร้องออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ

ความทรงจำของมันยังไม่กลับคืนมา ความรู้สึกต่างๆจึงยังไม่เชื่อมโยงกับนกฟีนิกซ์สีดำ สำหรับไก่น้อย ผู้ที่สนิทสนมกับมันที่สุดก็คือนายท่าน ไม่มีทางที่มันจะยอมให้นายท่านถูกสังหาร

“แกกับฉันเติบโตจากต้นกำเนิดเดียวกัน ฉันอาจเป็นแค่เจตจำนงก็จริง แต่แกก็ยังไม่แข็งแกร่งพอจะสังหารฉันได้หรอก…” นกฟีนิกซ์สีดำคำรามขณะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของไก่น้อยไว้อย่างแน่นหนา

นกฟีนิกซ์สีดำได้ความทรงจำทั้งหมดของจอมราชันย์อมตะกลับคืนมาแล้ว จึงรู้ความลับและความสามารถต่างๆที่ไก่น้อยมี ด้วยสิ่งเหล่านี้ การสกัดกั้นไก่น้อยจึงไม่ยากเกินไป

แม้จะถูกล้อมโดยสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีเจตนาร้ายต่อเขา จางเซวียนก็ดูไม่วิตกกังวลสักนิด เขามองคนเหล่านั้นอย่างสุขุมขณะพูดว่า “นี่คือเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับจอมราชันย์ของพวกคุณ ขอแนะนำพวกคุณว่าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวจะดีกว่า หากวันนี้พวกคุณสังหารผม คิดว่าไก่น้อยจะไว้ชีวิตพวกคุณหรือเมื่อมันได้พละกำลังกลับคืนมาดังเดิม?”

“เอ่อ…”

สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอดลังเลไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดนั้น

ชายหนุ่มพูดถูก

จอมราชันย์อมตะที่ออกคำสั่งกับพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเศษเสี้ยวเจตจำนงของจอมราชันย์อมตะคนเก่า ซึ่งไม่ช้าไม่นานก็คงเสื่อมสลายไป

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไก่น้อยต่างหากที่เป็นจอมราชันย์คนใหม่ผู้ฟื้นคืนชีพ!

ถ้าพวกเขาสังหารเจ้านายของไก่น้อย ทันทีที่มันได้พละกำลังกลับคืนมาและหวนคืนสู่บัลลังก์ มันจะต้องปลิดชีวิตพวกเขาเป็นการล้างแค้นอย่างแน่นอน!

นี่เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก การตัดสินใจของพวกเขาคือเครื่องชี้ชะตาเลยทีเดียว

“เร็วเข้า ฆ่ามันซะ!”นกฟีนิกซ์สีดำตวาดกร้าว “พวกคุณคิดว่าเมื่อความทรงจำของผมกลับคืนมา ผมจะยอมรับมนุษย์คนหนึ่งเป็นเจ้านายอย่างนั้นหรือ?”

คำพูดนี้ทำให้สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคิดหนักอีกครั้ง

พวกเขารู้จักจอมราชันย์อมตะมากว่าหมื่นปีแล้ว รู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายดี เพราะอยู่ในตำแหน่งสูงส่งมาเนิ่นนาน จอมราชันย์อมตะผู้ยิ่งใหญ่จะยอมรับชายผู้หนึ่งที่เป็นเพียงนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเป็นเจ้านายของเขาได้อย่างไร?

นี่มันตลกร้ายสิ้นดี!

ในที่สุดสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ตัดสินใจได้ พวกเขารวบรวมพละกำลังเข้าด้วยกันเพื่อสร้างลูกทรงกลมลูกหนึ่งขึ้นมา พลังงานจากลูกทรงกลมตรงเข้าโอบล้อมจางเซวียนไว้เพื่อสกัดกั้นการหลบหนี

เห็นสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจงใจเล่นงานเขา จางเซวียนส่ายหัว

ในเมื่อตอนนี้ไก่น้อยถูกนกฟีนิกซ์สีดำจับตัวไว้ เขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองในการรับมือกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสาม

แม้วรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนจะถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว แต่วรยุทธของพลังปราณยังเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเท่านั้น การรับมือกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแม้เพียงคนเดียวจึงยังทำได้ยาก ไม่ต้องพูดถึงทั้ง 3 คน

“ดูเหมือนเราคงต้องใช้หน้าหนังสือสีทองอีกแล้ว…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่หวังว่าคงจัดการทั้งสามได้พร้อมกันด้วยหน้าหนังสือสีทองที่มีอยู่

แต่ปัญหาก็คือ…

สามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติยืนล้อมตัวเขาเพื่อสกัดกั้นหนทางหลบหนี ดังนั้น หากเขาใช้หน้าหนังสือสีทองเล่นงานทั้งสามคนพร้อมกันในคราวเดียว ตัวเขาก็จะตกอยู่ในรัศมีทำลายล้างของมันด้วย

เขาต้องหาทางทำให้ทั้งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสามคนอยู่ใกล้กันให้ได้ก่อน…

ฟิ้วววว!

ขณะที่จางเซวียนกำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไร กระแสดาบฉีสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ จางเซวียนชะงัก จากนั้นก็เอนตัวไปด้านข้างเพื่อหลบ แต่เสื้อคลุมของเขาก็ยังฉีกขาด จี้สีแดงก่ำที่หลัวลั่วชิงมอบให้จึงโผล่พ้นเสื้อคลุมออกมา

จี้นั้นส่งเสียงหึ่งเบาๆขณะร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง

ในตอนนั้นเองที่นกฟีนิกซ์สีดำซึ่งอยู่กลางอากาศมองเห็นจี้

มันตกตะลึงจนพูดไม่ออก จากนั้นก็ปล่อยตัวไก่น้อยและร่อนลงจากกลางอากาศมายืนตรงหน้าจางเซวียน

นกฟีนิกซ์สีดำก้มศีรษะขณะร่ำร้องออกมา “อสูรของคุณ, อมตะตัวน้อย ขอคารวะนายท่าน…”

“ฮะ?”

ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสามที่กำลังจะเล่นงานจางเซวียนต่างยืนตัวแข็ง

คราวนี้เกิดอะไรขึ้น? พวกเราควรไปต่อ, หรือพอแค่นี้?

เจตจำนงของจอมราชันย์อมตะสั่งให้เราฆ่าหมอนั่นไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมจู่ๆถึงร่อนลงมาและทำตัวนอบน้อมเสียขนาดนั้น แถมยังเรียกตัวเองว่าอมตะตัวน้อย…

ทุกอย่างดูประหลาดและผิดที่ผิดทางไปหมด

คุณคือจอมราชันย์ผู้สูงส่งและไร้ความปรานีของพวกเราจริงๆหรือเปล่า?

แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสามก็ตกตะลึงได้ไม่นาน พวกเขารู้สึกได้ว่านกฟีนิกซ์สีดำกำลังจับจ้องมาด้วยสายตาที่บ่งบอกความไม่พอใจ

“พวกคุณคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ กล้าใช้กำลังกับนายท่านของผมอย่างนั้นหรือ? อยากตายหรือไง? มีชีวิตอยู่มาก็หลายหมื่นปีแล้ว ทำไมในหัวสมองยังมีแค่การใช้ความรุนแรง? รู้จักวิธีแก้ปัญหาแบบสันติไหม? เพียงแค่คุณมีอำนาจ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะใช้มันได้นะ! รู้หรือเปล่าว่าแต่ละครั้งที่คุณทำลายอะไรสักอย่างน่ะ ต้องใช้ความพยายามแค่ไหนกว่าจะซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้?”

ฟึ่บ!

มิติสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนที่การโจมตีของสามราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะแหลกสลายไป ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ราชันย์เทพเจ้าทั้งสามแทบคลุ้มคลั่ง

ไก่น้อยคงไม่ได้เข้าครอบงำนกฟีนิกซ์สีดำแล้วหรอกนะ ใช่ไหม?

ไม่ใช่แค่พวกเขาที่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไก่น้อยกับจางเซวียนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

ก่อนหน้านี้ ตอนที่นกฟีนิกซ์สีดำได้ยินไก่น้อยเรียกจางเซวียนว่าเจ้านาย มันโมโหเดือดจนแทบจะ ทำลายล้างโลกใบนี้ได้ แต่ในชั่วพริบตา ก็กลายเป็นบริวารผู้ว่านอนสอนง่ายเกินกว่าใครจะนึกฝัน

จอมราชันย์อมตะเป็นนักแสดงตลกตั้งแต่เมื่อไหร่?

หรือนี่คือนิสัยที่แท้จริงของอีกฝ่าย? จางเซวียนนึกสงสัยขณะย้อนคิดถึงความไว้ใจไม่ได้ของไก่น้อยที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน

ในเมื่อไก่น้อยคือการฟื้นคืนชีพของจอมราชันย์อมตะ ทั้งคู่ก็น่าจะมีนิสัยเหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็พอเข้าใจได้ที่นกฟีนิกซ์สีดำจะทำตัวหน้าไม่อาย

แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาสงสัย

ทำไมจู่ๆนกฟีนิกซ์สีดำถึงยอมรับเขาเป็นเจ้านายของมัน?

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจี้สีแดงก่ำของหลัวลั่วชิงหรือเปล่า?

เมื่อลองคิดดู ก็พบว่าหลังจากจี้ร้อนผ่าวขึ้นมาได้เพียงครู่เดียว ทีท่าของจอมราชันย์อมตะก็เปลี่ยนไปทันที

หรือจอมราชันย์อมตะจะรู้จักจี้สีแดงก่ำอันนี้?

เมื่อจางเซวียนคิดได้ ก็รีบชูจี้สีแดงก่ำขึ้นตรงหน้านกฟีนิกซ์สีดำและถามอย่างร้อนใจ “หรือว่าคุณจำจี้อันนี้ได้? แล้วถ้าอย่างนั้น…รู้ไหมว่าลั่วชิงอยู่ที่ไหน?”

เขาดั้นด้นมาจนถึงน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด และฝ่าฟันการประลองเพื่อให้ได้รับสิทธิ์การเข้าสู่ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเพื่อตามหาลั่วชิง แต่แม้จะสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่แล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าลั่วชิงอยู่ที่ไหน ซึ่งนั่นหมายความได้เพียงอย่างเดียว…

คือเธอไม่ได้อยู่ที่นี่!

“ลั่วชิง?” นกฟีนิกซ์สีดำทวนคำอย่างเล

“ผมหมายถึงเจ้าของจี้อันนี้!” จางเซวียนสวนอย่างร้อนใจ

“นั่นคือหยดเลือดของ…” นกฟีนิกซ์สีดำพยักหน้า “ผมว่าผมรู้นะ ลั่วชิงที่คุณพูดถึงน่ะจะต้องเป็น จอมราชันย์หลินชี!”

“จอมราชันย์หลินชี?” จางเซวียนชะงัก

ชื่อนั้นดูคุ้นหูมาก ตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เมื่อเขาปลอมตัวเป็นหลัวเทียนหยา ชื่อที่หลัวลั่วชิงใช้ก็ดูเหมือนจะเป็นหลินชี!

ในครั้งนั้น เขายังปรบมือด้วยความดีอกดีใจและบอกหลัวลั่วชิงว่า ไม่ว่าต่อไปทั้งคู่จะต้องห่างไกลกันแค่ไหน หัวใจของพวกเขาก็จะยังคงผูกติดกัน

“ใช่ คนที่ผมตามหาคือจอมราชันย์หลินชี! แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเธออยู่ไหน?” จางเซวียนถามต่ออย่างกระวนกระวาย

เขาคิดอยู่แล้วว่าหลัวลั่วชิงจะต้องเป็นชื่อปลอม ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ…