ตอนที่ 2318

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,318 : เบญจรงค์ ส่องสาด

 

ปงงงงง!!

 

ไม่ทันที่ประมุขเผ่าปีศาจจะทันได้ตอบคำถามอะไรฉีหนานฟง เหนือฟ้าพลันอุบัติเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง!

 

เสียงที่อยู่ดีๆก็อุบัติขึ้นท่ามกลางฟ้าดินนี้ ประหนึ่งจะสั่นสะท้านโลกได้ทั้งใบ!

 

และทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดสะท้านสะเทือนปฐพี ก็บังเกิดเสียงคำรามอันน่าพรั่นพรึงราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก้องกังวานออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!!

 

“นี่มัน…เสียงของมังกรรึ?!”

 

“เป็นเสียงมังกรคำรามจริงๆ!!”

 

……

 

ทันใดนั้นระดับสูงของ 3 วัง 6 ตำหนักก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย เพราะพวกมันจดจำเสียงดังกล่าวได้ เป็นเสียงมังกรคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มังกร!!

 

ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไม่ได้สนใจจะตอบคำของฉีหนานฟงแม้แต่น้อย

 

สองตามันมองจ้องไปยังต้นกำเนิดเสียงทันที และครู่ต่อมาลูกตาของมันก็หดเล็กลง ราวกับได้แลเห็นเรื่องราวอันน่าตกใจเหลือเชื่อ!

 

ฉีหนานฟงเองก็ละสายตาออกจากประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์และหันมองไปตามสายตาของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

 

“นั่นมัน … ”

 

และแทบจะทันทีที่ฉีหนานฟงหันไปมอง ลูกตาของมันก็หดหยีลงโดยพลัน สีหน้ายังฉายความตกตะลึงออกมาไม่น้อย

 

ตอนนี้เว้นแต่จ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่กำลังรับมือกับอัสนีทัณฑ์สุดท้ายอย่างใจจดจ่อ จนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น ทุกสายตาล้วนหันขวับไปจับจ้องแหล่งกำเนิดเสียง!

 

จุดนั้นเป็นจุดที่ต้วนหลิงเทียนถูกอัสนีทัณฑ์สุดท้ายกลืนหายไปเมื่อครู่!

 

ทันใดนั้น ทุกผู้คนล้วนรู้สึกเสมือนห้วงเวลาหยุดเดิน พากันตะลึงตาค้าง!

 

กระทั่งเค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง และก่านหรูเยี่ยนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

ห่างออกไปบนฟ้า อัสนีทัณฑ์สุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ ที่ฟาดผ่ากลืนร่างต้วนหลิงเทียนไปนั้น คล้ายมันถูกพลังอำนาจร้ายกาจเหนือชั้นบางประการ ซัดทำลายจนกระจัดกระจายเป็นอัสนียิบย่อยท่ามกลางสวรรค์และโลก!!

 

ขณะเดียวกัน ในสายตาของทุกคน ก็อุบัติร่างมังกรเทพยดาตัวเขื่องยาวหลายร้อยหมี่ที่ราวกับจะควบสร้างขึ้นมาจากเปลวไฟสีทอง ขนดเวียนวนกลางหาวด้วยท่าทางทรงพลังน่าเกรงขาม!!

 

ขณะที่มังกรเทพยดาตัวนี้ปรากฏกาย ทุกคนก็รู้สึกสะท้านสั่นไหวในใจ ราวกับทั่วร่างมังกรเทพยดาตัวเขื่องนี้ ได้เปล่งพลังกดดันไร้สภาพเหนือชั้นประการหนึ่ง! ยังเป็นแรงกดดันอันสูงส่งที่ราวกับสะกดขุ่มได้ทุกสรรพชีวิตทั่วหล้า!!

 

อีกทั้งดวงตาซ้ายของมังกรเทพยดาตัวนี้กลับลี้ลับพิสดารนัก ราวกับมีบางสิ่งหมุนวนเปล่งกลิ่นอายเวทย์พลังยากหยั่งถึง ยังเป็นกลิ่นอายเวทย์พลังลึกล้ำที่พวกมันไม่เคยพบเคยเจอมาตลอดชั่วชีวิต!

 

ยามทุกผู้คนสบกับดวงเนตรมังกรนั่น ทำให้รู้สึกเสมือนสติสำนึกได้จมดิ่งลงสู่ห้วงมืดไร้ก้นบึ้ง!!

 

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! ปงง! ปงงง!!

 

……

 

ดวงเนตรลี้ลับของมังกรจับจ้องไปยังอัสนีทัณฑ์ยิบย่อยที่กระจัดกระจายเมื่อครู่ ก่อนที่จะพุ่งทะยานม้วนวนไปมากลางหาวปะทุพลังอันน่าพรั่นพรึงทำลายเส้นสายอัสนียิบย่อยจนแหลกสลายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก!!

 

หากมังกรเทพยดาไม่ได้พุ่งไประเบิดพลังทำลายอัสนีทัณฑ์สุดท้ายที่กระจัดกระจายเป็นอัสนียิบย่อยเหล่านี้ต่อหน้าต่อตาทุกคน เกรงว่าทุกผู้คนคงไม่อาจแน่ใจว่ามังกรเทพยดาตัวเขื่องนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ!

 

“นั่นมัน…มังกรเทพยดางั้นหรือ?”

 

“ที่สำคัญ…กรงเล็บแต่ละข้างของมัน…มะ มี 9 กรงเล็บ!!”

 

“สวรรค์! มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บกลับปรากกฏตัวขึ้นมาจริงๆ…อีกทั้งอัสนีทัณฑ์สุดท้ายของต้วนหลิงเทียนก็สลายหายไปแล้ว! นี่มันปรากฏตัวออกมาช่วยต้วนหลิงเทียนข้ามหายนะทัณฑ์สวรรค์หรือไร!?”

 

“ยังเห็นกันไม่ชัดรึไง!?”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ซุกซ่อนพลังไว้แยบคายยิ่งนัก…มันไม่เคยใช้วิธีเช่นนี้มาก่อนเลย! มิคาดห้วงเวลาสุดท้าย มันกลับเผยพลังอำนาจน่าพรั่นพรึงระดับนี้ออกมา จนทำให้พวกเราตกใจแทบตาย!!”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้มันมีไม้ตายก้นหีบกี่มากน้อยกันแน่ ไฉนถึงได้ใช้ออกมาไม่หมดไม่สิ้น…ข้าไม่รู้จริงๆว่าที่แท้มันยังหลงเหลือไม้ตายก้นหีบอีกเท่าไหร่นอกจากเวทย์พลังสร้างมังกรเทพยดา 9กรงเล็บนี่?”

 

……

 

ฉากเงียบงันไปพักหนึ่ง ก่อนที่เสียงแตกตื่นจะระเบิดขึ้นมาดังระงม

 

เห็นได้ชัดว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนตื่นตระหนกแล้วจริงๆ!

 

นอกจากนี้พวกมันทั้งหมดยังสงสัยอีกด้วยว่า…

 

ต้วนหลิงเทียนนั้น นอกจากวิธีที่เผยออกมาแล้ว น่ากลัวยังจะมีทีเด็ดอะไรซุกซ่อนอยู่อีกแน่!

 

และสาเหตุที่ไฉนพวกมันถึงได้สงสัยกันไปแบบนี้ เพราะต้วนหลิงเทียนมักเผยวิธีการอันน่าเหลือเชื่อออกมาทุกครั้งเมื่อตกอยู่ในห้วงเวลาคับขัน!

 

ไม่ทราบกี่ครั้งแล้วที่พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่นอน…

 

อย่างไรก็ตาม ‘ความเป็นจริง’ เสมือนมือที่มองไม่เห็นหนึ่ง ตบหน้าพวกมันดังฉาดจนแสบร้อน! ทำให้พวกมันหน้าม้านกันไปเป็นแถบๆ!!

 

ภายใต้สายตาทั้งหมด ด้านล่างมังกรเทพยดาที่คล้ายจะควบสร้างขึ้นมาจากเปลวไฟสีทองนั้น…

 

มีร่างสีม่วงที่คุ้นตาหนึ่งเหินลอยอยู่…

 

เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง!

 

กล่าวให้ชัด คือต้วนหลิงเทียนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สววรรค์ได้สำเร็จ!!

 

“พี่เทียน!”

 

เมื่อเห็นว่าบุรุษของนางสามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ และยังอยู่รอดปลอดภัยดี สองตาเค่อเอ๋อพลันแดงรื้นขึ้นมาด้วยความปิติยินดีถึงขีดสุด ขณะเดียวกันนางยังรู้สึกโชคดีไม่น้อย ที่ยังไม่ทันได้ฆ่าตัวตาย

 

“ท่านพ่อ!”

 

ต้วนซือหลิงเองก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ หยาดน้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นออกมาบนแก้มจิ้มลิ้มไม่ประสาที่ฉายชัดถึงความตื่นเต้น

 

ใบหน้างดงามหมดจดแฝงเย็นชาของก่านหรูเยี่ยนเอง ก็คลี่ยิ้มหายากออกมา

 

“นายท่าน!!”

 

สองตาเผิงไหลทอประกายจ้าปานจะยิงลำแสงออกมาได้

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่าในเวลาแบบนี้ นายท่านของมันยังคงสร้างปาฏิหาริย์ได้อีก!

 

‘มันมิเป็นไร…มันมิได้เป็นอะไร…’

 

เมื่อเห็นบุรุษที่มักมาก่อกวนในความฝันยังอยู่ดีมีสุขบนฟ้า หวงเหวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้าเยียบเย็นปานน้ำค้างแข็ง พลันปรากฏรอยยิ้มสดใสอันหาได้ยากถึงขีดสุดคลี่กาง

 

โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจนาง

 

ไม่งั้นรอยยิ้มที่สดใสประหนึ่งจะละลายได้ทั้งหุบน้ำแข็งของนาง คงทำให้ทุกคนที่ได้แลเห็นต้องประหลาดใจแน่นอน!

 

“ฮ่าๆๆ!! ยอดไปเลยน้องหลิงเทียน! ยอดเยี่ยมนัก!!”

 

ตอนที่เห็นต้วนหลิงเทียนถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายสุดท้ายกลืนหายไป หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง แต่พอมันลืมตาขึ้นมา และได้แลเห็นฉากที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บทำลายเส้นสายอัสนีจนสิ้นซาก…

 

มันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุดที่พบว่าน้องหลิงเทียนของมันข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!!

 

“มันยังมีวิธีการเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอ!?”

 

ขณะเดียวกันสีหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็มืดมนลงถนัดตา ใบหน้ายังรู้สึกร้อนผ่าวนัก!

 

เพราะสุดท้ายมันก็เป็นคนกล่าวยัดเยียด ‘ความตาย’ ให้ต้วนหลิงเทียนไปแล้วต่อหน้าทุกผู้ชมในที่นี้ ว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีวันรอดชีวิตจากอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายมาได้อย่างแน่นอน!

 

อย่างไรก็ตาม ‘ความจริง’ กลับตบหน้ามันดังฉาด!

 

ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงต้านทานอัสนีทัณฑ์สุดท้ายได้สำเร็จ กระทั่งยังไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ!!

 

“นี่มัน…ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้…เรื่องพรรค์นี้จักเป็นไปได้อย่างไร…มันยังมีวิธีเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

หลังดึงสติกลับคืนได้สำเร็จจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงก็ตกใจนัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ยังมีไม้ตายก้นหีบน่ากลัวแบบนี้อยู่อีก!

 

ด้านอาวุโสระดับสูงของ 3 วัง 6 ตำหนักที่ชมดูเรื่องราวอยู่โดยรอบ ก็มีความคิดทำนองเดียวกันกับฉีหนานฟง

 

“สำเร็จแล้ว!!”

 

และตอนนี้เองจ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่เผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สุดท้ายอีกด้าน ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เช่นกัน หลังข้ามผ่านได้แล้วแน่นอนว่ามันย่อมบังเกิดความตื่นเต้นยินดีเป็นธรรมดา!

 

แต่พอมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้วแน่ๆนั้น มันก็หันไปเห็นต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างกลางหาวครบ 32 ไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย

 

กระทั่งอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายของต้วนหลิงเทียน ก็ดูเหมือนจะสลายหายไปนานแล้ว!

 

ทั้งหมดได้บ่งบอกความจริงอันยากจะเชื่อให้แก่มัน…

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็ประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้เสร็จสิ้นก่อนมันเสียอีก!!

 

“นิ…นี่มันอะไรกัน…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?! มันจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไร…ก่อนหน้ากระทั่งประมุขเผ่ายังตัดสินไปแล้วว่ามันต้องตาย!”

 

อวี่เหวินฮ่าวเฉินตกตะลึงอึ้งค้างไปแล้วจริงๆ

 

วิ๊งงง!!

 

ในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังงุนงงด้วยไม่เข้าใจ สูงขึ้นไปบนฟ้า…แพเมฆหายนะสู่สวรรค์ก็เริ่มกระจัดกกระจายหายไป ก่อนที่จะปรากฏแสงสีอันสดใสตระการตาสาดลงมาจากฟากฟ้า ขับไล่ความมืดมิดให้สลายหายไปหมดสิ้น!

 

แสงสีสดใสดังกล่าวไม่นานก็เริ่มควบรวมเป็นลำแสงเส้นเขื่อง สาดส่องมาที่ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินกับต้วนหลิงเทียน!

 

ทันใดนั้นร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินกับต้วนหลิงเทียน ก็ถูกลำแสงที่สาดส่องลงมาจากฟ้าเบื้องบน กลืนหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน!

 

“เบญจรงค์สาดส่อง…การถือกำเนิดของครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!”

 

“มันกำลังจักบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!”

 

จังหวะนี้ทุกคนพลันตระหนักได้ชัดเจน

 

ว่า…ไม่ว่าจะเป็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินหรือต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่กำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!

 

และลำแสงหลากสีสันที่กำลังสาดส่องลงมาหลังข้ามผ่านหายยนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จนี้ ก็คือ เบญจรงค์สาดส่องในตำนาน ที่จะช่วยให้ทั้งคู่ได้เพาะสร้างพลังที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดอยู่ในระนาบโลกียะ…

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิด!

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ที่ว่าแตกต่างจาก ‘พลังสุริยัน’ ที่ต้วนหลิงเทียนเคยมี นั่นเพราะพลังสุริยันเป็นพลังที่ต้วนหลิงเทียนได้รับถ่ายทอดมาจากผู้เฒ่าหั่ว ไม่ได้เกิดจากที่ต้วนหลิงเทียนเพาะสร้างมันขึ้นมาเอง จึงใช้แล้วหมดไป!

 

ทว่าตอนนี้ลำแสงหลากสีที่สาดส่องลงมาจากฟากฟ้า ไม่ได้ถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้แก่ต้วนหลิงเทียน! แต่ช่วยทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถเพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดด้วยตัวเอง!!

 

ในระหว่างกกระบวนการดังกล่าวต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดสำนึกรู้ของพลัง จนสามารถเพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้ด้วยตัวเอง!

 

ยังทำให้เขารู้สึกง่ายดายเสมือนเพาะสร้างพลังเซียนต้นกำเนิดตามปกติ!

 

“ท่านประมุข! ท่านมิอาจปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้สำเร็จ! ท่านต้องรีบฆ่ามันก่อนที่มันจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกำลังถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงหลากสีสันที่สาดส่องลงมาจากฟ้า และกำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะในอีกไม่นาน ฉีหนานฟงก็เร่งหันไปมองประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์รีบกล่าวยุยงให้อีกฝ่ายลงมือ!

 

ตอนนี้คล้ายมันจะลืมเลือนไปแล้ว…

 

ต่อหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ มันไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมากล่าวตะโกนอะไรแบบนี้!

 

“เหอะ!”

 

เมื่อเจอการปฏิบัติด้วยทีท่าหยาบคายไม่เห็นหัวของจ้าววังวิญญาณอสุรา ประมุขเผ่าปีศาจแค่นสบถเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกปัดเบาๆ ทันใดนั้นอุบัติพลังไร้สภาพมหาศาลขุมหนึ่งหอบหิ้วร่างฉีหนานฟงเอาไว้!

 

ยังหอบหิ้วฉีหนานฟงไปทางต้วนหลิงเทียนที่กำลังถูกลำแสงหลากสีสันสาดส่องอยู่!!

 

แต่ต้นจนจบจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงเป็นดั่งลูกเจี๊ยบตัวน้อย ไม่อาจต่อต้านพลังไร้สภาพที่กำลังหอบหิ้วมันอยู่ได้เลย!

 

“อย่าาาา!!”

 

และพอมันพบว่ายิ่งเข้าใกล้ลำแสงหลากสีสันที่สาดส่องลงมาจากฟ้ามากเท่าไหร่ มันก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจมหาประลัยที่พร้อมจะทำลายล้างมันจนสิ้นซากจากลำแสงหลากสีสันนั่นได้ชัด พาลให้ลูกตาของมันหดหยีเผยความหวาดกลัวเสียขวัญ ร่ำร้องออกมาเสียงหลงด้วยความแตกตื่น!!

 

“ขอท่านประมุขโปรดเมตตาด้วย!!”

 

ชิงหยวนป้า รองจ้าววังวิญญาณอสุราเร่งนำกลุ่มผู้อาวุโสระดับสูงไปคุกเข่าลงกลางอากาศเบื้องหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ และร่ำร้องขอให้ละเว้นชีวิตฉีหนานฟงทันที

 

และในที่สุดประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็หยุดลง

 

หากแต่มันยังใช้พลังไร้สภาพยกแขนข้างหนึ่งของฉีหนานฟงให้สัมผัสถูกลำแสงหลากสีสันที่ฉาบคลุมร่างต้วนหลิงเทียน!

 

ทันใดนั้นเอง

 

“อ๊าคคคค!!!”

 

ฉีหนานฟงร่ำร้องออกมาปานหมูถูกน้ำร้อนลวก แขนขวาทั้งข้างของมันถูกแสงเบญจรงค์แผดเผาจนสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย!