ตอนที่ 1059: ความวุ่นวายที่เมืองอัคนี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1059: ความวุ่นวายที่เมืองอัคนี

กลางดึกคืนนั้น ที่พักที่มีชีวิตชีวาของเจี้ยนเฉินก็เงียบลงในที่สุด เจ้าอ้วนน้อยและทุก ๆ คนก็ออกไปเพื่อกลับไปที่พักและพักผ่อน มีเพียงเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังอยู่ และมีสาวใช้สองสามคนที่คอยทำความสะอาดโต๊ะอยู่

เจี้ยนเฉินเดินออกมาข้างนอกก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปบนหลังคาอย่างนุ่มนวล เขาจ้องออกไปที่ท้องฟ้ามืดสนิท ตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุมิติได้ ในขณะที่เขามองไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินที่อยู่ไกลออกไปที่อวกาศด้านนอก

โหยวเยว่ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเจียงหยาง ทันทีหลังจากที่นางกลับมากับเขา นางก็เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนางก็ออกไปที่อวกาศด้านนอกเพื่อที่จะดูดซับแก่นแท้จากดวงจันทร์เพื่อฝึกฝน

หลังจากที่นางรับเอานางฟ้าเฮายู่เป็นอาจารย์แล้ว โหยวเยว่ก็กระตือรือร้นในการฝึกฝนมาก นางทำงานตัวเป็นเกลียว นางต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่นางจะได้ช่วยเจี้ยนเฉินและแบ่งเบาภาระของเขาได้

เจี้ยนเฉินนอนลงบนหลังคาใจลอย ในขณะที่เขาจ้องไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาสับสนเล็กน้อยในขณะที่เขาพึมพำ “ทำไมนางฟ้าเฮายู่ถึงได้รับโหยวเยว่เป็นศิษย์กันนะ ? ความสามารถของโหยวเยว่นั้นดี ถ้านับจากอาณาจักรเล็ก ๆ เหมือนเช่นอาณาจักรเกอซุน แต่ถ้านับทั้งทวีปล่ะก็ มันไม่ได้มีอะไรเลย มีหญิงที่เป็นอัจฉริยะนับไม่ถ้วนในทวีป และความสามารถของพวกนางนั้นก็เหนือกว่าโหยวเยว่มาก ถ้างั้น ทำไมนางฟ้าเฮายู่ถึงไม่รับเอาคนอื่นเป็นศิษย์ ? ในช่วงแห่งความสงบสุข เจี้ยนเฉินก็เริ่มคิดหลายสิ่ง เขารู้สึกสงสัยเป็นที่สุดที่นางฟ้าเฮายู่รับเอาโหยวเยว่เป็นศิษย์ของนาง”

“ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะง่ายเหมือนที่มันเป็น นางฟ้าเฮายู่อาจจะมีเจตนาอื่น” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่เขาครุ่นคิด

ทันใดนั้นเอง สายตาของเจี้ยนเฉินก็แข็งทื่อ เขาหยุดพูดกับตัวเองทันที ในขณะที่เขามองไปเห็นร่างสีดำที่กระโจนขึ้นมาบนหลังคา ร่างนั้นเดินอย่างเงียบเงียบไปบนหลังคากระเบื้อง และเข้าไปหาเจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ

เจี้ยนเฉินไม่ได้ลุกขึ้นและนอนอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ เขาอิงหัวกับแขน ในขณะที่เขาจ้องต่อไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ร่างสีดำมาถึงที่ข้างข้างเขา จากนั้น เขาก็นอนลงเหมือนเจี้ยนเฉิน การเคลื่อนไหวของเขาทำให้แผ่นกระเบื้องส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด เขาพูด “น้องชาย มันดึกแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปนอนอีก”

เจี้ยนเฉินหันไปและมองไปที่ร่างนั้น เขายิ้ม “ท่านพี่ นั่นไม่ได้หมายถึงท่านด้วยหรอกหรือ ? และสำหรับข้าการนอนหลับในทุกวันนี้นั้นมันเป็นการเสียเวลา”

“เฮ้อ เจ้าพูดถูก เจ้ากลายเป็นเซียนราชาแล้ว เข้าเป็นจอมยุทธที่อยู่ในระดับสูงสุดแม้จะนับรวมทั้งทวีป เจ้าไม่จำเป็นต้องนอนเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้า” เจียงหยางเค่อถอนหายใจเบาเบา ความเสียใจเล็กน้อยปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขา

“ท่านพี่ ท่านสบายดีหรือไม่ทุกวันนี้ ? ” เจี้ยนเฉินถาม แม้ว่าครั้งหนึ่งเจียงหยางเค่อจะเคยต่อต้านทุกอย่างที่เขาทำ แต่นั่นมันก็ตอนที่พวกเขายังเด็ก เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดเรื่องนั้นมานานแล้ว และคิดว่ามันเป็นเรื่องถกเถียงกันแบบเด็ก ๆ

“เฮ้อ พี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าทั้งหมดยิ่งใหญ่กันหมด เป็นคนที่มีชื่อเสียงและยังเป็นจอมยุทธที่สุดยอดหรืออัจฉริยะในระดับสูงที่ตระกูลรัก มีเพียงข้าที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไร้ตัวตน ข้ายังอยู่ในระดับเซียนจนกระทั่งถึงตอนนี้ และข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าจะได้เป็นเซียนปฐพีหรือเปล่า เจ้าคิดว่าข้าสบายดีหรือไม่หล่ะในหลายปีมานี้ ? ” เจียงหยางเค่อถอนหายใจ เขาหม่นหมอง

เจี้ยนเฉินยังคงเงียบ มันเป็นความจริงที่ความสามารถของเจียงหยางเค่อไม่ได้โด่ดเด่น แม้แต่มีการสนับสนุนของตระกูลใหญ่ เขาก็ยังเป็นแค่เซียนและพัฒนาไปได้ในอัตราที่ค่อนข้างช้า

เจียงหยางเค่อลุกขึ้นนั่งทันทีและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างภาวนา เขาพูด “น้องข้า เจ้าได้กลายเป็นคนที่สุดยอดในทวีปแล้วตอนนี้ ข้ารู้ว่าความสามารถของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้างั้นเจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่ ? ข้าไม่ต้องการที่เป็นคนไร้ค่าอีกต่อไป ข้าไม่ต้องการที่จะอับอายต่อหน้าพี่ใหญ่ พี่รอง และเจ้า” เจียงหยางเค่ออ้อนวอน มันเป็นเรื่องกล้าหาญมากที่เขาพูดอะไรแบบนี้ออกมา

เจี้ยนเฉินลุกขึ้นนั่งช้า ๆ “ท่านพี่ ข้ามีสมบัติสวรรค์ที่อยู่กับข้า เมื่อข้ากลับไปที่เมืองอัคนีพรุ่งนี้เช้า ข้าจะให้นักปรุงยาที่นั่นสกัดมันให้อยู่ในรูปเม็ด มันสามารถปรับปรุงร่างกายของท่านได้ อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนอย่างหนักก็เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของท่าน แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงร่างกายของท่านก็ตาม”

“น้องข้า ขอบคุณมาก ข้าจะฝึกอย่างหนักในอนาคต…”

เมืองอัคนียุ่งคึกคักมากกว่าเดิม ทหารรับจ้างเข้าออกทางประตูเมืองอย่างไม่หยุด พร้อมกับพ่อค้าหลายคนที่จ้างพวกเขา

กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีประสบกับปัญหามาก่อนและเกือบล่มสลาย แต่เจี้ยนเฉินนั้นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง รวมกับตำแหน่งของเขาที่เป็นหัวหน้า ทหารรับจ้างจึงกลับมารวมกลุ่มกันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะกลับมาสู่ความแข็งแกร่งสูงสุดได้ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน แต่พวกเขายังแข็งแกร่งมากกว่าเดิมเสียอีก ยังมีแม้แต่เซียนผู้คุมกฎหลายคนมาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย

กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้แข็งแกร่งเหนือกว่าตระกูลสันโดษแล้วในตอนนี้ พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลโบราณเลยในการพิจารณาของเจี้ยนเฉิน เพราะเขาได้ฆ่าเซียนราชาไปก่อนหน้านี้ พวกเขากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่กลุ่มทหารรับจ้างที่ยิ่งใหญ่ที่สั่นคลอนไปทั่วทั้งทวีป

ธงของทหารรับจ้างเหมือนเครื่องรางช่วยชีวิต เมื่อใดก็ตามที่มีธงผ่านไป ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำอันตรายอะไร นี่รวมถึงโจรและขนาดตระกูลใหญ่บางคนอีกด้วย พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจเพราะความเคารพ

ดังนั้น ภารกิจคุ้มครองทั้งหมดที่คนของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจัดการจึงลุล่วงไปอย่างราบรื่น จะมีเหตุการณ์นองเลือดเฉพาะเมื่อพวกเขาไปเจอสัตว์อสูรที่ไม่สนใจอะไร ดังนั้นพ่อค้าจึงปรารถนาที่จะจ้างกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

เจี้ยนเฉินลอยอยู่พันเมตรเหนืออากาศ ในขณะที่เขาจ้องลงไปที่เมืองที่พลุกพล่านด้วยรอยยิ้มยินดี อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาก็แข็งทื่อทันทีเมื่อเขามองไปที่กึ่งกลางของเมือง และท่าทีของเขาก็ค่อนข้างน่ากลัว

รูปปั้นหินสูงสามร้อยเมตรตั้งอยู่ที่นั่น สายตาของมันมองไปไกลเหมือนผู้คุมกฎที่ควบคุมทั้งโลกอย่างน่าประทับใจ

มันเป็นรูปปั้นของเจี้ยนเฉินที่ทำขึ้นมาเหมือนมีชีวิต มันดูเหมือนคนจริงจริง

ท่าทีของเจี้ยนเฉินมืดมน เขาบินผ่านอากาศไปและไปถึงเหนือรูปปั้นหินในพริบตา เขาโจมตีด้วยฝ่ามือออกไปและรูปปั้นทั้งหมดก็แตกกระจายพร้อมส่งเสียงระเบิดออกมา มันทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว

เขาทำลายรูปปั้นลงด้วยมือของตัวเอง

รูปปั้นนี้เป็นสิ่งที่ทดแทนไม่ได้ของเมือง นี่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงตำนานยิ่งใหญ่ของทวีป เวลาเดียวกัน มันก็แสดงให้เห็นถึงเซียนราชาที่สุดยอดที่เป็นผู้นำทางจิตใจของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี มันคือเจี้ยนเฉินนั้นเอง

การที่รูปปั้นถูกทำลายดึงดูดความสนใจของคนใกล้ใกล้เป็นจำนวนมาก ทั้งหมดเริ่มเดือดทันทีเมื่อเห็นรูปปั้นของหัวหน้าที่พวกเขาเคารพและบูชาที่สุดที่ทำลายไป จิตสังหารและโทสะในตัวของพวกเขาพุ่งพวย เหมือนเพลิงที่กำลังคำราม

“รูปปั้นของหัวหน้าถูกทำลายแล้ว บางคนทำลายรูปปั้นของหัวหน้า…”

“ไอ้บ้าที่ไหนทำแบบนี้? ข้าจะชำแหละคนที่ทำลายรูปปั้นของหัวหน้าของพวกเรา…”

“พวกมันกล้าดียังไงมาทำลายรูปปั้นของหัวหน้าของพวกเรา ? ข้าจะฟันคนที่ทำลายเป็นล้านล้านชิ้น…”

..

สายตาของทุกคนแดงก่ำ ในขณะที่พวกเขากัดฟัน ความโกรธจัดเผาไหม้อยู่ในดวงตาของพวกเขา

การทำลายรูปปั้นของเจี้ยนเฉินก็เหมือนการทำลายพ่อแม่ของพวกเขา มันเป็นหนี้ที่ต้องล้างด้วยเลือด และเป็นอาชญากรรมที่จะยกโทษให้ไม่ได้

“เจ้ากล้าดียังไง เจ้าคนบ้า ! เจ้าต้องไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่ที่ทำลายรูปปั้นของหัวหน้า ! ชดใช้มาด้วยชีวิตของเจ้าซะ ! ” เสียงคำรามดังขึ้นมาจากส่วนลึกในเมืองทันที คนหลายคนพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าในขณะที่เซียนผู้คุมกฎบางคนก็ร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างและพุ่งไปที่รูปปั้นด้วยความโกรธ