ตอนที่ 1014 ฉินอวี้โม่ร่วมประมูล

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

โป๋หย่าเปิดกล่องใบเล็กในมือและกลิ่นอายของพลังฟ้าดินที่หนาแน่นก็แผ่ไปทั่วโรงประมูล ส่งผลให้จอมยุทธ์ทั้งหมดรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวในทันที แม้แต่ผู้ที่ติดอยู่ในสภาวะคอขวดและไม่สามารถพัฒนามานานหลายปีก็ยังรับรู้ได้ถึงพลังมายาที่ผันผวนในร่างกาย ราวกับเป็นสัญญาณที่บ่งบอกโอกาสในการทะลวงพลังอย่างเลือนราง

“วารีรวมจิตถือว่าเป็นสมบัติที่ดีจริง ๆ”

ฉินอวี้โม่เองก็นึกสนใจในวารีรวมจิตดังกล่าวเช่นกันและความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุด แม้จะสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ที่ชำนาญเพื่อรับมือกับฮวาฟางเฟยได้ในระดับหนึ่ง นางก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายได้เปรียบ และหากต้องประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น เกรงว่านางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปโดยปริยาย หากมีวารีรวมจิตอยู่กับตัว มันก็ถือว่านางมีไพ่ตายสำหรับการเอาตัวรอดที่สำคัญเพิ่มอีกหนึ่งอย่างซึ่งจะให้ผลลัพธ์อย่างที่คาดไม่ถึง

คนจากสามสำนักและเก้านิกาย รวมถึงตัวแทนจากจอมยุทธ์ปีศาจก็ล้วนสนใจในวารีรวมจิตนี้เช่นกันและเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมสงครามการประมูล

“ราคาประมูลเริ่มต้นสำหรับวารีรวมจิตอยู่ที่หนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณ”

โป๋หย่าประกาศเปิดราคาที่หนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากขาดคุณสมบัติในการประมูลไปทันที

ทุกคนในห้องโถงชั้นล่างไม่ขานราคาประมูลขึ้นมา พวกเขาทราบดีว่าวารีรวมจิตนี้จะเป็นการแย่งชิงระหว่างคนของสามสำนักและเก้านิกาย รวมถึงตระกูลใหญ่ ๆ ของเมืองราชวงศ์ซึ่งพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมได้

“สองล้าน !”

หลังจากความเงียบครอบงำครู่หนึ่ง ใครคนหนึ่งก็ขานราคาออกไปโดยเร็ว เขาคือตัวแทนจากสำนักเมฆาครามซึ่งเป็นหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายนั่นเอง

ในท่ามกลางสามสำนักและเก้านิกาย มีคนเพียงไม่มากที่บรรลุขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดและยังคงติดอยู่ในสภาวะติดขัดไร้การพัฒนามานานหลายร้อยปี วารีรวมจิตดังกล่าวจะช่วยให้คนเหล่านั้นมีโอกาสทะลวงพลังได้สำเร็จ มันจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการครอบครองมา

“สองล้านห้าแสน !”

อีกคนหนึ่งขานราคาสู้และเขาคือสมาชิกของนิกายเต่าดำซึ่งเป็นอีกขุมกำลังหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายนั่นเอง

เวลานี้นิกายเต่าดำได้ประกาศตัวเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้วและตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในห้องพิเศษของนิกายหมื่นบุปผาเช่นกัน ไม่อาจทราบได้เลยว่าพวกเขากำลังหารือสิ่งใดกันอยู่

“สามล้าน !”

ตัวแทนจากนิกายมังกรฟ้าขานราคาสู้ด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม

ราวกับว่าทุกคนมีความเข้าใจตรงกันโดยที่ไม่ต้องใช้วาจา ขุมกำลังอื่น ๆ ไม่เข้าไปขัดจังหวะโดยปล่อยให้นิกายมังกรฟ้าและนิกายเต่าดำขานราคาสู้กันเป็นพักใหญ่

ราคาของวารีรวมจิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นราคาเกือบสิบล้านแก่นหินวิญญาณภายในเวลาเพียงไม่นาน

“สิบล้าน!”

คนของนิกายเต่าดำขานราคาอีกครั้ง ราคาประมูลของวารีรวมจิตในตอนนี้เหนือความคาดหมายของทุกคนไปมากแล้วทว่ายังไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะยุติการเสนอราคา วารีรวมจิตเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อพวกเขามากและการประมูลราคาในวลานี้ก็ถือเป็นการแข่งขันระหว่างทั้งสองฝ่ายเช่นกันซึ่งจะไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้ง่ายๆ

“ท่านจอมยุทธ์จากนิกายมังกรฟ้า ดูเหมือนว่านิกายเต่าดำจะมั่งคั่งร่ำรวยจริง ๆ ปล่อยให้พวกเขาได้วารีรวมจิตไปครอบครองเถอะ”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากห้องหนึ่ง และนั่นก็คือนายน้อยของสำนักเมฆาคราม—ฟู่อวิ๋นซิวนั่นเอง

เขาเพิ่งออกจากการเก็บตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนและทันเวลาเข้าร่วมสนุกในงานประมูลครานี้พอดิบพอดี

เขาไม่สนใจเรื่องการที่ถูกจอมยุทธ์ปีศาจเอาชนะการประมูลด้วยซ้ำ สำหรับงานประมูลในครานี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการคำนึงถึงราคาที่เหมาะสม ตอนนี้ราคาประมูลของวารีรวมจิตมากเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันไปมากแล้วและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประมูลอีกต่อไป

“ข้าจะยอมแพ้ก็แล้วกัน”

เมื่อตัวแทนจากนิกายมังกรฟ้าได้ยินวาจาของฟู่อวิ๋นซิว เขาก็ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนประกาศถอนตัวโดยตรง

“เหอะ คิดจะแข่งขันกับพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจงั้นรึ? ช่างไม่รู้จักประมาณตนจริง ๆ !”

คนของนิกายเต่าดำแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ทว่าแท้จริงแล้วหัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย การประมูลวารีรวมจิตในราคาสิบล้านแก่นหินวิญญาณเป็นราคาที่สูงจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาชนะการประมูลของสิ่งนี้หมายความว่าเขาจะไม่มีแก่นหินวิญญาณมากพอในการประมูลของชิ้นต่อ ๆ ไปและนั่นทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

“มีผู้ใดที่ต้องการเสนอราคาอีกหรือไม่ ?”

โป๋หย่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มและรู้สึกพึงพอใจในราคาประมูลล่าสุดของวารีรวมจิต นางกล่าวเพื่อยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้ง ทว่านางก็ทราบดีว่าคงจะไม่มีผู้ใดขานราคาอีกต่อไป

เดิมทีฉินอวี้โม่ก็ต้องการประมูลของชิ้นนี้มา ทว่าหลังจากลังเลครู่หนึ่ง นางก็ไม่ได้เสนอราคาออกไป

สิบล้านแก่นหินวิญญาณเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของวารีรวมจิตมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอีกหลายวิธีในการได้วารีรวมจิตมาครอง คนของนิกายเต่าดำเพิ่งประมูลมันไปและจะไม่ใช้มันในทันที เพราะเหตุนั้นนางจึงยังมีโอกาสหลังจากนี้

ถึงอย่างไรการหาทางแย่งชิงมันมาจากพวกเขาหลังจากนี้ก็มิใช่สิ่งที่น่ากดดันสำหรับฉินอวี้โม่

หลังจากรอเวลาครู่หนึ่งก็ยังไม่มีปฏิกิริยาจากผู้ใด

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมยุทธ์จากนิกายเต่าดำเจ้าค่ะ วารีรวมจิตเป็นของท่านแล้ว”

โป๋หย่าประกาศผลการประมูลทันทีและสั่งให้คนนำกล่องบรรจุวารีรวมจิตไปให้กับสมาชิกของนิกายเต่าดำ

จากนั้นการประมูลก็ดำเนินต่อไป

ของประมูลรายการที่สิบเอ็ดถึงสิบเก้าล้วนเป็นสิ่งของที่มีระดับสูงทว่าไม่ล้ำค่าหรือพิเศษจนเกินไป ฉินอวี้โม่จึงไม่สนใจพวกมันมากนัก

ของประมูลเหล่านั้นส่วนใหญ่ถูกประมูลไปโดยผู้ที่อยู่ในห้องโถงและเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดพอสมควร

คนของสามสำนักและเก้านิกายไม่มีท่าทีว่าจะสนใจสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน สำหรับพวกเขา มีเพียงสิ่งที่ล้ำค่าและหายากในระดับของวารีรวมจิตเท่านั้นที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้

ไม่นานนัก การประมูลก็ดำเนินมาถึงรายการที่ยี่สิบ

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ของประมูลรายการที่ยี่สิบคือ ‘หุ่นเชิดตัวตายแทน’ หลายท่านน่าจะเคยได้ยินมาบ้างและคงจะทราบถึงคุณสมบัติวิเศษของมันเป็นอย่างดี หากมีหุ่นเชิดตัวตายแทนนี้ในการครอบครอง มันก็เทียบเท่าได้กับการมีชีวิตที่สอง หากเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ตราบใดที่มีหุ่นเชิดตัวตายแทนนี้ ท่านก็สามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นและมันคู่ควรกับการที่ทุกท่านจะพิจารณาประมูลมันไปครอง ราคาประมูลของหุ่นเชิดตัวตายแทนจะเริ่มต้นที่หนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณเช่นกัน”

หุ่นกระบอกที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่นปรากฏในมือของโป๋หย่าและแสดงให้ทุกคนได้เห็นพร้อมกัน

“อะไรนะ ? หุ่นเชิดตัวตายแทนงั้นรึ ?!”

ใครคนหนึ่งในห้องโถงอดยืนขึ้นและกล่าวด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่ได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับหุ่นเชิดตัวตายแทนมาก่อน

กล่าวกันว่าหุ่นเชิดตัวตายแทนเป็นสิ่งประดิษฐ์มายาที่มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งหลอมขึ้นมาโดยนักประดิษฐ์ที่ทรงพลังในยุคโบราณ ตราบใดที่ประทับตราวิญญาณลงไป มันก็สามารถช่วยชีวิตเจ้าของในนาทีวิกฤตได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนักประดิษฐ์ผู้ทรงพลังสาบสูญไปในสงครามครั้งใหญ่เมื่อนับพันปีก่อน หุ่นเชิดตัวตายแทนก็หายสาบสูญไปและไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลย

ไม่คิดเลยว่าศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจะมีมันในการครอบครองและนำมาแสดงในงานประมูลครานี้

“ฮ่า ๆ ๆ เราต้องการหุ่นเชิดตัวตายแทนนั่น !”

หนึ่งในสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เผด็จการและมั่นใจว่าตนจะชนะการประมูลอย่างแน่นอน

“พวกเราก็สนใจหุ่นเชิดตัวตายแทนเช่นกัน !”

หนึ่งในตัวแทนจากสำนักเบิกภูผากล่าวเสียงดังและแสดงให้เห็นว่าต้องการหุ่นเชิดตัวตายแทนอย่างมากเช่นกัน ไพ่ตายที่สามารถใช้สำหรับเอาตัวรอดในช่วงเวลาวิกฤตและเทียบเท่าได้กับการมีชีวิตที่สองเช่นนี้ แม้แต่คนของสามสำนักและเก้านิกายก็ต้องการมันมาครอบครองเช่นกัน

“อวี้โม่ ข้าอยากได้หุ่นเชิดตัวตายแทนนั่น !”

ภายในห้องแยกที่ใหญ่ที่สุด อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นผิดปกติ

ในฐานะนักประดิษฐ์ระดับสูง อวิ๋นซื่อเทียนย่อมสนใจในสิ่งประดิษฐ์เช่นนี้เป็นธรรมดา หากได้หุ่นเชิดตัวตายแทนนี้มาครอง นางก็จะได้ศึกษามันอย่างจริงจังและหาทางหลอมสิ่งที่คล้ายคลึงกันขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็สนใจในผลงานการหลอมของนักประดิษฐ์ในยุคโบราณผู้นั้นเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

“ตกลง ถ้าเช่นนั้นข้าจะประมูลมัน !”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและคาดเดาความคิดของอวิ๋นซื่อเทียนได้ทันที จากนั้นนางก็ไม่ลังเลและขานราคาออกไป

“สิบล้านแก่นหินวิญญาณ !”

นางไม่รอช้าและเสนอราคาที่สูงถึงสิบล้านแก่นหินวิญญาณออกไปในคราวเดียว

ในเมื่อจอมยุทธ์ปีศาจอยากได้มันนัก ถ้าเช่นนั้นก็วัดกันไปเลยว่าใครจะร่ำรวยมากกว่ากัน !