บทที่ 1448 ข้อพิพาทที่เกิดจากสายเลือดอมตะ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ทวีปซันไห่

ที่นี่เป็นทวีปที่มีชื่อเสียงอย่างมากในมหาพันภพ แน่นอนว่าชื่อเสียงนั้นไม่ได้มาจากทวีป แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งที่อาศัยอยู่ที่นี่

เผ่าหงส์ฟ้า

ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวบรรดาเผ่าวิหคทั้งหมดในมหาพันภพและมีชื่อเสียงโด่งดัง ในเวลาเดียวกันพลังของพวกเขายังติดอันดับต้นของยุทธภพอีกด้วย

ตามชื่อแล้วทวีปแห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาจำนวนมากและมหาสมุทร เทือกเขาทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภูเขาแต่ละลูกมีขนาดเป็นแสนลี้ ราวกับยักษ์ปกคลุมผืนทวีปพร้อมกับความเวิ้งว้าง

ใจกลางทวีปมีหมอกมารวมตัวกัน สามารถมองเห็นวังหรูหราได้เลือนรางพร้อมกับเสียงนกร้องดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูราวกับแดนสวรรค์

วังขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศสูงศักดิ์ เก้าอี้หินเลื่อนลงมาซึ่งมีคนนั่งอยู่บนนั้น ทุกคนกำจายด้วยแสงหลิงที่ก่อตัวเป็นสัตว์อสูรบินฉวัดเฉวียนอยู่ที่เบื้องหลัง

หากมีใครอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องตกใจ เพราะทั้งหมดเป็นเทพอสูรประเภทกลางเวหาของมหาพันภพ

เผ่าเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขั้วอำนาจสุดยอดในมหาพันภพเลย นอกจากนี้เนื่องจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเทพอสูร ทำให้ขั้วอำนาจสุดยอดธรรมดายังไม่อาจเทียบได้

ดังนั้นเมื่อรวมตัวกันจึงถือว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของมหาพันภพเลยทีเดียว

มีร่างเงานั่งบนเก้าอี้หินอยู่ในวัยกลางคนกำจายความสูงศักดิ์รอบตัวทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

ในเผ่าหงส์ฟ้า ถูกปกครองร่วมกันระหว่างจักรพรรดิตระกูลเฟิ่งและจักรพรรดิตระกูลหวง พวกเขาจะแบ่งระยะเวลาในการปกครอง ซึ่งในปัจจุบันผู้ที่ถืออำนาจสูงสุดก็คือจักรพรรดิแห่งตระกูลหวง—หวงจิง

“ทุกคนสระยกเทพจะเปิดในหนึ่งเดือนข้างหน้า ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละเผ่าว่าจะสามารถหาสายเลือดได้มากเท่าไร” หวงจิงยิ้มด้วยใบหน้าทรงเกียรติ

เมื่อเขาพูดจบ ดวงตาของทุกคนก็เปล่งประกายเผยให้เห็นความตื่นเต้น

สระยกเทพมีสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เผ่าหงส์ฟ้าทำร่วมกับสัตว์อสูรเผ่ากลางเวหาอื่นๆ เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของแต่ละเผ่าจะละสังขาร พวกเขาจะเข้าสู่สระยกเทพเพื่อหลอมร่างกายและสายเลือดรวมไปกับสระน้ำ

ด้วยวิธีนี้ ลูกหลานของพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากสายเลือดที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เพื่อใช้ชำระสายเลือดและวิวัฒนาการ

นั่นหมายความว่าสระยกเทพเป็นของขวัญยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษของเทพอสูรกลางเวหาทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลัง

ไม่ต้องพูดถึงเผ่าเทพอสูรอื่นๆ แม้แต่เผ่าหงส์ฟ้าก็ถูกล่อลวงด้วยของขวัญชิ้นนี้เช่นกัน

แต่เนื่องจากสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของเผ่าต่างๆ จึงไม่มีใครผูกขาดได้ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเหล่าอัจฉริยชนจะได้รับไปมากแค่ไหน

ขณะที่หวงจิงมองไปที่ทุกคน เขาก็ยิ้มก่อนที่จะหันไปมองคนสองคนที่ขอบลาน

หนึ่งในนั้นสวมชุดดำ เขาก็คือประมุขเผ่าวิหคโลกันตร์—เทียนฮวง

ที่ด้านหลังมีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีดำ นางมีรูปร่างเพรียวบางและส่วนสัดน่าทึ่ง รูปลักษณ์สะคราญโฉมยิ่งนัก ริมฝีปากที่เม้มแน่นทำให้คนอื่นรู้สึกถึงเจ้าพยศในใจ

นางก็คือจิ่วโยว

“ท่านเทียนฮวง แม่นางจิ่วโยว ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคิดยังไงกับข้อเสนอก่อนหน้าขอข้า?” หวงจิงมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำพูดของหวงจิง ใบหน้าของเทียนฮวงก็สลับระหว่างเขียวกับขาว ขณะที่จิ่วโยวกัดริมฝีปาก

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเงียบไป หวงจิงก็ยิ้ม “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าบุตรชายของข้าฝึกฝนทักษะเก้าเทพหมุนวนในขั้นที่แปดแล้ว เหลือเพียงการนิพพานครั้งสุดท้ายก็สามารถบรรลุขั้นเซิ่ง ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นข้าหวังว่าเผ่าวิหคโลกันตร์จะเติมเต็มความปรารถนาของข้า”

ขณะที่พูดหวงจิงก็มองไปที่ชายที่นั่งเงียบอยู่ทางด้านหลัง เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น สวมชุดสีทองทำให้ดูสูงส่ง เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับโอรสสวรรค์ที่สูงศักดิ์

เขาก็คือบุตรชายของหวงจิงและยังเป็นประมุขน้อยตระกูลหวง—หวงเฉวียนจือ

ชายผู้นี้ได้รับการฝึกฝนทักษะเทพขั้นสูงสุดของเผ่าหงส์ฟ้าวิชาเก้าเทพหมุนวน ซึ่งการนิพพานทุกครั้งต้องใช้เวลาสิบปี เมื่อการนิพพานที่เก้าเสร็จสิ้น เขาก็จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

วิชาเก้าเทพหมุนวนนี้เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ามีความพิเศษเพียงใด

ทว่าทักษะเทพระดับนี้ก็ยากในการฝึกฝนมาก นอกจากพรสวรรค์ผู้ฝึกต้องสูง ทุกการนิพพานยังต้องกลืนกินสายเลือดเทพอสูร เมื่อนิพพานที่แปดเสร็จสมบูรณ์ หวงเฉวียนจือก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้ว

พร้อมกับการสำเร็จนิพพานที่แปด ความเข้มงวดของสายเลือดที่ต้องการก็มากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหมายตาสายเลือดวิหคอมตะที่อยู่ในร่างจิ่วโยว

วิหคอมตะเป็นหนึ่งในเผ่าหงส์ฟ้าหายากยิ่งกว่าหงส์ฟ้าแท้จริง ณ ปัจจุบันในโลกนี้อาจมีเพียงจิ่วโยวคนเดียวที่ครอบครองสายเลือดวิหคอมตะอยู่ก็ได้

เผ่าอื่นๆ ก็มองภาพนี้อย่างเย็นชา ในโลกสัตว์อสูร ผู้ที่แข็งแกร่งจะล่าผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ เผ่าวิหคโลกันตร์ถือได้ว่าเป็นเผ่าเทพอสูร แต่ยังไม่ใช่เผ่ามหาเทพอสูร ดังนั้นการครอบครองสายเลือดวิหคอมตะจึงดึงดูดความสนใจจากพวกเขา

สายตาของเทียนฮวงกะพริบด้วยแสงมืดมน จิ่วโยวเป็นจอมยุทธ์คนเดียวที่สามารถปลุกสายเลือดวิหคอมตะได้ในช่วงนับหมื่นปีที่ผ่านมา นางคือความหวังของทั้งเผ่า พวกเขาหวังว่านางจะสามารถวิวัฒนาการถึงขั้นสุดท้ายได้สำเร็จในวันหนึ่ง เพื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

เหตุผลที่พวกเขามายังเผ่าหงส์ฟ้าก็เพื่อสระยกเทพ ทว่าพวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าจะดึงดูดความสนใจของหวงจิง เนื่องจากสายเลือดวิหคอมตะ…

เทียนฮวงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถ้าหวงเฉวียนจือกลืนกินสายเลือดวิหคอมตะ การฝึกฝนของจิ่วโยวก็จะหยุดลงตลอดชีวิต…และนี่จะเป็นการระเบิดใหญ่สำหรับเผ่าวิหคโลกันตร์

ทว่าเผ่าหงส์ฟ้าทรงพลังและหวงจิงที่เป็นประมุขตระกูลหวง ซ้ำยังมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่เผ่าวิหคโลกันตร์ไม่สามารถต่อกรได้ ดังนั้นถ้าปฏิเสธ อีกฝ่ายขุ่นเคืองแน่

ยามนี้เทียนฮวงหวั่นใจนัก เขาทำได้เพียงตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า “โชคดีที่บุตรสาวของข้าเข้าตาท่านได้ แต่นางดื้อรั้นนักเมื่อตอนยังเด็ก นางได้สร้างพันธะโลหิตกับมนุษย์ไว้ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน…”

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนประหลาดใจไป แม้แต่หวงจิงยังขมวดคิ้ว เผ่าหงส์ฟ้ามีเกียรติและพวกเขาชอบความบริสุทธิ์ ในสายตาของพวกเขาแม้แต่มหาเทพอสูรเผ่าอื่นๆ ก็ยังหยาบคาย ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย

เมื่อเทียนฮวงเห็นภาพนี้ก็ถอนหายใจโล่งอกในใจ แม้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของจิ่วโยว แต่ก็ไม่มีอะไร ตราบเท่าที่เขาสามารถปกป้องบุตรสาวไว้ได้

ทว่าหวงเฉวียนจือกลับยิ้มออกมา “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา จับมนุษย์คนนั้นมา เรามีวิธีการมากมายในการละลายพันธะโลหิต โดยไม่ต้องทำร้ายแม่นางจิ่วโยว”

เมื่อจิ่วโยวได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็ดิ่งลงเนื่องจากการสลายพันธะโลหิตจะเป็นอันตรายต่อทั้งสอง ถ้านางไม่ได้รับอันตรายนั่นหมายความว่ามู่เฉินจะได้รับอันตราย

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเทียนฮวงก็หนังหัวชาหนึบตอบว่า “ข้ากลัวว่าจะไม่ง่ายที่จะจับนะสิ”

“ทำไม?” หวงจิงหรี่ตาลงขณะที่ยิ้มอย่างไม่แยแส “มีเพียงไม่กี่คนในมหาพันภพที่ยากสำหรับเผ่าหงส์ฟ้าของข้าที่จะจับกุม”

หลังจากลังเลชั่วครู่เทียนฮวงก็กัดฟันพูดต่อ “เพราะเขาคือประมุขตำหนักมู่ เจ้าทวีปเทียนหลัว…มู่เฉิน”

“มู่เฉิน?”

เมื่อทุกคนได้ยินชื่อนี้ ก็ไม่ได้แสดงท่าทางสงสัย บางคนถึงกับร้องอุทาน “หรือว่าจะเป็นมู่เฉินที่ไปป่วนเผ่าฝูถูรึ?”

เทียนฮวงพยักหน้า หากไม่ใช่เพราะความจริงที่เขารู้ว่ามู่เฉินมีสถานะที่แตกต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง เขาคงไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้อย่างแน่นอน

หวงจิงก็ประหลาดใจเช่นกัน เนื่องจากชื่อนี้ดังเป็นพลุแตกในมหาพันภพช่วงนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำหนักมู่ของมู่เฉิน แต่เขากังวลเกี่ยวกับมารดาของมู่เฉินซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่คนปัจจุบันของเผ่าฝูถู…

ภูมิหลังเช่นนี้ แม้แต่เผ่าหงส์ฟ้าก็ไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้

หวงจิงขมวดคิ้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ไม่สามารถจับมู่เฉินและสลายพันธะโลหิตได้ มิฉะนั้นชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่นอน

เมื่อเห็นหวงจิงตกอยู่ในความเงียบ เทียนฮวงก็ฉายความสุขบนใบหน้า

ทว่าก่อนที่เขาจะได้รับความสุขเต็มที่ เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาลึกซึ้งของหวงเฉวียนจือก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ยอมถอยสักก้าว ข้าไม่สนใจพันธะโลหิต เพราะมันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อข้าอยู่ดี…”

เผ่าหงส์ฟ้ารักความบริสุทธิ์ แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งสายเลือดวิหคอมตะ เขาก็ยอมอดทนสักหน่อย นอกจากนี้เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าเทียนฮวงพยายามปฏิเสธ…

พอได้ยินคำพูดเหล่านั้น หัวใจของเทียนฮวงก็จมลง

เมื่อกวาดสายตาไปหวงเฉวียนจือก็สามารถมองเห็นความคิดของเทียนฮวงได้ เขาจึงพูดต่อว่า “มู่เฉินเกาะใบบุญมารดาในการสนับสนุน เผ่าหงส์ฟ้าจึงไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ แต่ในทำนองเดียวกันอย่าคิดว่าเผ่าหงส์ฟ้าจะกลัวเขา ดังนั้นข้าขอบอกเลยว่ามู่เฉินไม่มีคุณสมบัติที่เราจะกลัวเขา”

“ถ้าเจ้ากำลังจะบอกว่ามู่เฉินจะมาแก้แค้นแทนแม่นางจิ่วโยว ข้าหวงเฉวียนจือก็อยากเห็นว่าเขามีความสามารถแค่ไหนที่สามารถพลิกเผ่าฝูถูได้”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ใบหน้าเขียวคล้ำของเทียนฮวงและท่าทางเย็นชาของจิ่วโยวก่อนที่จะพูดต่อ “นอกจากนี้ข้าก็ไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะกล้ามาที่เผ่าหงส์ฟ้า ถ้าเขามา ข้าจะจับเขาและบอกให้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าคิดว่าตัวเองจะเที่ยวเดินไปทั่วมหาพันภพได้อย่างไม่เกรงกลัว หลังจากก่อความวุ่นวายกับเผ่าฝูถู”

แม้ว่าน้ำเสียงของหวงเฉวียนจือจะสงบ แต่ก็มีความเย่อหยิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจของกษัตริย์ นี่เป็นสิ่งไม่ธรรมดาจริงๆ

หวงจิงยิ้มพลางพยักหน้า เขาพอใจในตัวบุตรชายนัก แม้ว่ามู่เฉินจะทรงพลัง แต่ก็ยังมีช่องว่างเมื่อเทียบกับบุตรชายเขา

นั่นเป็นเพราะบุตรชายเขาเป็นอัจฉริยะแท้จริง

ดังนั้นเขาจึงมองไปที่เทียนฮวงและจิ่วโยวด้วยสีหน้าทรงเกียรติ ก่อนที่เสียงไม่แยแสจะดังก้อง

“ข้าตัดสินใจแล้วหนึ่งเดือนนับจากนี้จะเปิดสระยกเทพขึ้นและบุตรชายข้าจะเข้านิพพานที่เก้า”

“ในเวลานั้นเมื่อเข้าไปในสระยกเทพถ้าเจ้ายังไม่เต็มใจ ลูกข้าก็คงต้องลงมือเองแล้ว”