บทที่ 1449 ปัญหาของจิ่วโยว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ภูเขาด้านหลังคฤหาสน์มู่

มู่เฉินนั่งเงียบๆ บนภูเขาพร้อมแสงหลิงไร้ขอบเขตหมุนวนรอบตัว ร่างยักษ์สีม่วงทองขนาดใหญ่ยืนอยู่ข้างหลังดูดซับคลื่นหลิงในฟ้าดินเข้าไปในรูจมูก ส่งเสียงคำรามคลุมเครือดังก้อง

การฝึกฝนของเขาดำเนินไปหนึ่งวันเต็มก่อนจะหยุดลง เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้น เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสองสายพุ่งออกมาจากดวงตาฉีกฟ้าดินออกจากกัน

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ สลายไปหลังจากทิ้งความผันผวนไว้ชั่วครู่

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่สลายไป ดวงตาก็เป็นประกาย เขารู้สึกได้เลือนรางว่าการฝึกฝนในวิชานี้ประสบความสำเร็จส่วนมากแล้ว พลังอำนาจที่มีก็เริ่มจะถึงจุดสูงสุด

ซึ่งหมายความว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขาเริ่มมาถึงขีดจำกัดแล้ว หากเขาต้องการเพิ่มพลังของมันก็ขึ้นอยู่กับขุมพลังของตัวเขา

“ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเจ้าสมบูรณ์แบบแล้ว”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง มู่เฉินหันกลับไปก็เห็นชิงเหยี่ยนจิ้งกำลังมองมาด้วยความสนใจ ขณะที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์สลายไป

มู่เฉินพยักหน้า เพียงร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างเดียว เขาก็เข้าใกล้จักรพรรดิฟ้าแล้ว

“ด้วยร่างเทพสุริยะนิรันดร์นี้ ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติที่จะต่อสู้เพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว…” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม

เมื่อได้ยินคำว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ ริ้วแสงก็วูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน นี่เป็นความฝันสูงสุดของเขานับตั้งแต่เริ่มฝึกฝนร่างเทพสุริยะ เขาก็เฝ้ารอร่างเทห์สวรรค์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดทุกเมื่อเชื่อวัน—ร่างมหาเทพนิรันดร์

“แต่ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่ภายใต้ดูแลของเผ่าหมัวเฮอ ข้าว่าการได้มาจะไม่ใช่เรื่องง่าย” มู่เฉินถอนหายใจ

“เทพจักรพรรดินิรันดร์มอบร่างมหาเทพนิรันดร์ให้เผ่าหมัวเฮอดูแลรักษาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ ตามกฎที่เทพจักรพรรดิทิ้งไว้ เผ่าหมัวเฮอจะต้องเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมนิรันดร์ ทุกคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเพื่อให้ร่างมหาเทพนิรันดร์เลือกเจ้านายเอง”

“แต่เป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้เผ่าหมัวเฮอก็แสดงท่าทีเป็นเจ้าของเอง พยายามขัดขวางผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ เพื่อให้สมาชิกในเผ่าได้รับการยอมรับ แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เคยประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากร่างมหาเทพนิรันดร์เลย” ชิงเหยี่ยนจิ้งเย้ยหยัน

“พวกเขาปกป้องมานับหมื่นปี จะมอบให้คนอื่นง่ายๆ ได้ยังไง” มู่เฉินยิ้ม ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ เขาแจ่มแจ้งในใจเกี่ยวกับการล่อลวงโดยร่างมหาเทพนิรันดร์นี้ นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เผ่าโบราณก็ไม่สามารถต้านทานได้

เพราะนี่คือหนึ่งในห้าของร่างมหาเทพปฐมกาลของมหาพันภพ ในเวลาเดียวกันก็ช่วยสร้างเทพจักรพรรดินิรันดร์ซึ่งเป็นเทพจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสมัยโบราณ

“แต่ไม่ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจแค่ไหน ข้าก็จะไปยังเผ่าหมัวเฮอแน่นอนเมื่องานชุมนุมนิรันดร์เริ่มขึ้น ในเมื่อเทพจักรพรรดินิรันดร์ต้องการหาเจ้าของที่ดีที่สุดให้ร่างมหาเทพนิรันดร์ ข้าก็ต้องลงชิงชัย” มู่เฉินประกาศด้วยสายตาวูบไหว

เขาเริ่มต้นฝึกจากร่างเทพสุริยะจนตอนนี้พัฒนาเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ตลอดทางผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดก็เพื่อให้ได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นไม่ว่าเผ่าหมัวเฮอจะไม่เต็มใจเท่าไร เขาก็ต้องไปลองชิงดู

ย้อนกลับไปตอนนั้นจักรพรรดิฟ้าเคยบอกว่าเขายังไม่ควรมุ่งหน้าไปยังเผ่าหมัวเฮอก่อนที่ความแข็งแกร่งของเขาจะถึงระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาไปไกลเกินกว่าอดีตแล้ว…

“ในเมื่อลูกรักของแม่มุ่งมั่นขนาดนี้ ในฐานะมารดา ข้าจะสนับสนุนเต็มที่ หากเจ้าสามารถได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ ข้าจะไม่ปล่อยเผ่าหมัวเฮอแน่ หากพวกมันคิดกล้ารังแกเจ้า” ชิงเหยี่ยนจิ้งลูบหัวของมู่เฉินพลางพูดด้วยความเผด็จการ

เมื่อมู่เฉินได้ยินก็ยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณท่านแม่”

ทันใดนั้นมือของเขาก็เคลื่อนไหว ป้ายหยกปรากฏขึ้นก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ และก่อตัวเป็นแถวคำ

มู่เฉินขมวดคิ้วขณะมองไป จากนั้นสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไปรุนแรง

“จิ่วโยวมีอันตราย รีบกลับเทียนหลัว!”

มู่เฉินหดดวงตากระเด้งตัวขึ้นด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ ป้ายนี้เป็นของที่เขาให้มั่นถัวหลัวไว้เพื่อแจ้งให้ทราบหากมีเรื่องด่วนเกิดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าจิ่วโยวต้องเจอเรื่องยุ่งยาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่มั่นถัวหลัวส่งข้อความมา

“เกิดอะไรขึ้นกับจิ่วโยว?” ดวงตาของมู่เฉินกะพริบด้วยความดุร้าย เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับจิ่วโยว แม้จะไม่ใช่เรื่องความรัก แต่คล้ายกับสมาชิกครอบครัว

ย้อนกลับไปตอนนั้นมู่เฉินพบจิ่วโยวที่มณฑลเป่ยหลิง พวกเขาได้สร้างพันธะโลหิตต่อกัน กล่าวได้ว่าจิ่วโยวเป็นผู้นำทางในการฝึกยุทธ์ของเขา

ก่อนที่เขาจะเผชิญหน้ากับโลกภายนอกด้วยตัวเองได้ นางก็คอยปกป้องเขามาตลอด ดังนั้นมู่เฉินจึงรู้สึกขอบคุณและเคารพนางในฐานะพี่สาวเสมอ

นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมู่เฉินอารมณ์ขึ้นเมื่อได้รับข้อความนี้

“เกิดอะไรขึ้น?” ชิงเหยี่ยนจิ้งถามเมื่อเห็นความวิตกกังวลของบุตรชาย ในสายตาของนางมู่เฉินเป็นคนที่รักษาอารมณ์ได้เรียบนิ่ง ดังนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา

“ท่านแม่สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังทวีปเทียนหลัวเสร็จหรือยัง?” มู่เฉินยื่นมือออกมาลบคำพูดก่อนที่จะมองไปชิงเหยี่ยนจิ้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ตอบว่า “ที่จริงยังต้องใช้เวลาอีกห้าวัน แต่ดูเจ้ารีบขนาดนี้ ข้าจะทำให้เสร็จภายในสองวัน”

พูดโดยทั่วไปแม้จะเป็นสุดยอดขั้วอำนาจก็ไม่สามารถเร่งชิ้งเยี่ยนจิ้งได้ หากให้นางช่วยสร้างค่ายกล แต่เนื่องจากนี่เป็นบุตรชายสุดที่รัก นางจึงตัดสินใจทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีกหน่อย

“งั้นข้าต้องรบกวนท่านแม่แล้ว” มู่เฉินกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มอ่อนโยน “ไม่ต้องเกรงใจแบบนี้กับแม่หรอก…”

จากนั้นนางก็หยุดชั่วครู่มองไปที่มู่เฉินถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือลูก? ต้องการให้แม่ช่วยไหม?”

“เพื่อนคนสำคัญกำลังมีปัญหา แต่ข้าก็ไม่แน่ใจรายละเอียด ดังนั้นข้าต้องกลับไปที่ทวีปเทียนหลัวก่อน แต่ข้าจัดการได้ ไม่รบกวนท่านแม่กับท่านพ่อดีกว่า” มู่เฉินยิ้ม

“แหม เพราะเจ้าทำให้เขากลายเป็นเจ้าทวีปไป่หลิง ทุกวันนี้ก็งานล้นมือไปหมด…”

ชิงเหยี่ยนจิ้งแซวเล่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก นางยิ้มให้มู่เฉิน “แต่เมื่อเจ้ามั่นใจ ข้าก็จะไม่พูดอะไร ข่าวที่เจ้าเป็นบุตรชายของข้ากระจายไปทั่วมหาพันภพ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าทำเกินไปหรอก อย่างน้อยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่ออกโรงแน่นอน”

มู่เฉินพยักหน้า แม้ว่าตัวเขาจะไม่อยากโอ้อวดเกี่ยวกับมารดา แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกได้ ดังนั้นจึงถือเป็นการสนับสนุนเขาที่สามารถใช้เพื่อข่มขู่คู่ต่อสู้ได้

แม้ว่ามู่เฉินจะชอบพึ่งพาตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้โง่

 

สองวันต่อมาหลังคฤหาสน์มู่

ค่ายกลขนาดหนึ่งพันจั้งถูกสร้างขึ้น ทำให้เกิดความผันผวนของมิติที่น่ากลัว พื้นที่โดยรอบถึงกับบิดเบี้ยว

สามารถมองเห็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับล้านๆ ได้เลือนราง โครงสร้างซับซ้อนนี้แม้แต่มู่เฉินก็ไม่สามารถสร้างได้สำเร็จ

“สมกับเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งแท้จริง…”

มู่เฉินมองไปที่ขนาดของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็อดถอนหายใจไม่ได้

ชิงเหยี่ยนจิ้ง หลิงซีและหลงเซี่ยงก็มารมตัวกันอยู่ที่นี่ แม้แต่มู่เฟิงก็มาด้วย สำหรับถังเชียนเอ๋อ นางกลับไปที่สำหนักศึกษาวั่นหวงเมื่อไม่กี่วันก่อน

“ไอ้หนูระวังตัวด้วย…”

มู่เฟิงรู้ว่ามู่เฉินมีเรื่องเร่งด่วนเข้ามา เขาจึงกังวลไม่น้อย มหาพันภพเต็มไปด้วยจอมยุทธ์มากมายซึ่งแตกต่างจากทวีปไป่หลิงมาก

“พ่อ ลูกชายคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเดิมที่กำลังจะเดินทางออกจากมณฑลเป่ยหลิงอีกแล้วนะ” มู่เฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนั้นที่ออกจาเกมณฑลเป่ยหลิงมู่เฟิงก็พูดด้วยความเป็นห่วงเช่นนี้

“เมื่องานในทวีปไป่หลิงเข้าที่เข้าทาง ข้าจะพาพ่อเจ้าไปเยี่ยมเจ้าที่ตำหนักมู่ในทวีปเทียนหลัว” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม

“งั้นลูกจะรอต้อนรับนะ”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะหายใจเข้าลึกๆ พลางพยักหน้าให้ครอบครัว จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในค่ายกล

เขาโบกมือคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็เทลงในค่ายกลเคลื่อนย้าย ทันใดนั้นความผันผวนของมิติก็ทวีความรุนแรงขึ้น ฟ้าดินบิดเบี้ยวก่อนที่จะถักทอสร้างอุโมงค์มิติขึ้นที่ด้านหลังมู่เฉิน

“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าไปก่อนนะ”

มู่เฉินโบกมือก่อนที่หันกลับด้วยดวงตาคมกล้า เมื่อมองไปที่อุโมงค์มิติเขาก็ก้าวเข้าไป

ขณะเดียวกันมือของเขาก็กำแน่น

“จิ่วโยวอย่าเป็นอะไรนะ…”

“ในอดีตเจ้าปกป้องน้องชายคนนี้เสมอ ดังนั้นวันนี้ถึงคราวที่ข้าจะปกป้องเจ้ามั่ง…”

ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ระเบิดออกมาพร้อมกับรัศมีนับไม่ถ้วน ก่อนที่ภาพเงาของมู่เฉินจะหายไป