ที่ราบสูงค่อยๆ เงียบลง ทุกคนหันไปทางเปี๋ยยั่งหง สงสัยว่าเขาจะรับข้อเสนอของเฉินฉางเซิงหรือไม่
ว่าตามเหตุผล ไม่มีเหตุผลที่เปี๋ยยั่งหงจะไม่ยอมรับ เพราะเขาไม่ได้เสียเปรียบอันใด
เปี๋ยยั่งหงถามเฉินฉางเซิงอย่างสุขุม “ท่านแน่ใจว่าข้าจะไม่ฆ่าท่านทันทีนะ”
เฉินฉางเซิงตอบอย่างสุขุม “หากผู้อาวุโสไม่ต้องการให้คนร้ายตัวจริงหนีรอดไปได้ ผู้อาวุโสย่อมไม่ฆ่าข้า”
อู๋ฉยงปี้กล่าวอย่างรุนแรง “หยุดสร้างความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น! ข้าไม่เชื่อใจคนชั่วแบบเจ้า! หากเจ้ากล้าออกมาจากค่ายกลกระบี่ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
เฉินฉางเซิงไม่สนใจนาง เขามองไปที่เปี๋ยยั่งหงอย่างใจเย็น รอฟังคำตอบจากเขา
เปี๋ยยั่งหงนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ดูเหมือนยินดียอมรับอยู่บ้าง
ที่ราบสูงเงียบมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินฉางเซิงจะใช้วิธีนี้ทำลายกับดักที่ดูเหมือนจะไร้ตำหนินี้
นี่ดูเหมือนวิธีที่เรียบง่าย แต่มันต้องใช้ความสัตย์ซื่อความกล้าหาญที่มากมายเหนือนจินตนาการ มันเป็นวิธีที่ไม่อาจใช้ออกโดยคนที่ไม่มีทั้งปัญญาและความกล้า
แต่บางคนไม่ยินดีที่จะให้มันดำเนินต่อไป
อย่างเช่นตัวการเบื้องหลังแผนนี้ อย่างผู้ที่เข้าร่วมกับแผนนี้
เซียงอ๋องยืนอยู่ไกลออกไปตรงริมที่ราบสูง มือไพล่หลังมองดูการเคลื่อนไหวบนแท่นยก ความกังวลฉายขึ้นบนดวงตา เขาก้าวออกมาเล็กน้อย
สำหรับคนมากมายนี่เป็นก้าวเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาอันใด บางทีอาจเป็นเพียงสัญญาณว่าท่านอ๋องอยากฟังคำตอบของเปี๋ยยั่งหง
สำหรับบางคน ก้าวเล็กๆ นี้เป็นสัญญาณอันชัดเจนว่าสถานการณ์ในตอนนี้ต้องก้าวต่อไปอีกก้าวใหญ่
เสียงลมโหยหวนดังขึ้นด้านล่างหน้าผา พัดผ่านค่ายกลและทำให้ต้นไม่สั่นไหว ฝุ่นลอยฟุ้ง
ขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวยกเท้าขวาและก้าวไปข้างหน้า ตอนที่พื้นรองเท้าสัมผัสพื้น หินสีเทาก็แตกร้าวเป็นรอยเหมือนใยแมงมุม
เขาทะลวงผ่านฝุ่นควันและลงสู่พื้นห่างไปหลายร้อยจั้ง
ก้าวนี้นับว่าใหญ่มากจริงๆ
นัยน์ตาเขาดำราวกับเหวลึกในขณะที่ปราณเย็นแข็งกร้าวปกคลุมทั่วร่าง เขายกทวนเล็กขึ้นและแทงไปที่ค่ายกลกระบี่สถานศึกษาหนานซี
ในฐานะขุนพลเทพอันดับสอง แม้ว่าเขาไม่อยู่ในระดับเดียวกับเซวียสิ่งชวน เขาก็น่าหวาดกลัวทีเดียว
ทวนในมือแหวกฝ่าอากาศเป็นทางตรง ทิ้งวังวนสีขาวมากมายในอากาศตอนที่มันพุ่งเข้าหาศิษย์สถานศึกษาหนานซี
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว เมื่อเผชิญหน้ากับเจตจำนงทวนที่รุนแรง ศิษย์สถานศึกษาหนานซีก็วุ่นวายอยู่บ้างตอนที่ปรับตำแหน่ง
ไม่ใช่เพราะขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวนั้นแข็งแกร่งว่าอู๋ฉยงปี้ ทว่าเป็นเพราะเขาโจมตีอย่างกะทันหันเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนรู้ว่าการโจมตีนี้เป็นตัวแทนของเจตนาของราชสำนัก ทวนนี้แทงเข้าใส่ค่ายกลกระบี่ แต่เป้าหมายเป็นหัวใจของศิษย์สถานศึกษาหนานซีไม่ใช่หรือ
เปี๋ยยั่งหงยังคงไม่ว่อกแว่ก เขาจ้องมองไปที่ดวงตาของเฉินฉางเซิงราวกับว่าต้องการจะมองเข้าไปในห้วงแห่งจิต
เซียงอ๋องพยุงพุงพลุ้ยตอนที่ประกายความโหดเหี้ยมฉายขึ้นในดวงตา เขาตะโกนอย่างดุดัน “ท่านโปรดคิดอีกครั้ง!”
ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการให้เปี๋ยยั่งหงคิดอะไรอีกครั้ง เป็นไม่ฆ่าเฉินฉางเซิง หรือไม่ยอมรับข้อเสนอของเฉินฉางเซิงกันแน่
ทว่าทุกคนบนที่ราบสูงได้ยินเสียงของเขา เพราะเป็นเสียงที่ดังมาก ดุจเสียงระฆังเลยทีเดียว
ผู้คนใกล้แท่นยกย่อมได้รับผลกระทบ ศิษย์สำนักกระบี่หลีซานกับสำนักต้นไหวบางคนที่มีการบำเพ็ญเพียรซีดขาวลงในทันทีและรู้สึกอยากอ้วก ศิษย์สถานศึกษาหนานซีในค่ายกลกระบี่รู้สึกรับกับมีสายฟ้าฟาดลงข้างหู เส้นทางแห่งจิตของพวกนางสั่นไหวเล็กน้อย มือสั่นเทา
วิชาสุริยันแผดเผา! เสียงกัมปนาท!
ทวนแข็งแกร่งของขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวใกล้เข้ามาและเซียงอ๋องใช้วิชาลับของราชสกุลเพื่อสะกดพวกนางไว้ ค่ายกลกระบี่สถานศึกษาหนานซีอยู่ใต้แรงกดดันอันน่ากลัว
หากมีแค่นี้ ศิษย์สถานศึกษาหนานซีย่อมสามารถทนทานได้ ยังปกป้องความปลอดภัยของเฉินฉางเซิงที่อยู่ด้านหลังได้ ขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวกับเซียงอ๋องไม่ได้ลงมือจริงๆ และพลังของทวนนี้กับการโจมตีระยะไกลของวิชาสุริยันแผดเผาก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายค่ายกลกระบี่ที่มีชื่อเสียงได้
แต่ศิษย์สถานศึกษาหนานซีต้องประหลาดใจ เฉินฉางเซิงก็ประหลาดใจเช่นกัน ตอนที่ค่ายกลกระบี่กลับมามั่นคงอีกครั้งก็มีสองสิ่งเกิดขึ้น
เสียงกัมปนาทของเซียงอ๋องหายไปอย่างฉับพลัน ไม่เหลือแม้แต่เสียงสะท้อน เขายิ้มเล็กน้อยราวกับว่าไม่เคยพูดอะไร
พลังทวนของขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวก็หายไปอย่างฉับพลัน ทวนตั้งอยู่บนพื้นราวกับว่าขุนพลไม่เคยโจมตีออกมา
ค่ายกลกระบี่ได้เคลื่อนพลังไปทางตำแหน่งดาวเจิ่น เจตจำนงกระบี่น่าเกรงขามพุ่งขึ้น เมื่อเตรียมจะโจมตี มันก็ตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามกลับหายไปอย่างฉับพลัน ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงค่ายกลเกิดการติดขัดเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังค่ายกลกระบี่!
เงานั้นคือไหวปี้!
เมืองที่แข็งแกร่งคงทนที่สุดในโลกมักถูกทำลายจากภายใน
ไม่มีใครคาดคิดว่าอาจารย์ย่าที่มีอาวุโสสูงสุดจะพลันร่วมมือกับคนนอกทำลายค่ายกลกระบี่ของสำนักตัวเอง
แม้แต่ไหวเหรินกับไหวซู่ก็ดูเหมือนตกตะลึงไม่น้อย ศิษย์น้องทำไปเพราะนางไม่ต้องการเห็นศิษย์ของตนต่อสู้ฆ่าฟันเพื่อพระราชวังหลีอย่างนั้นหรือ
หากศัตรูสามารถทำลายค่ายกลกระบี่เข้ามาได้ เช่นนั้นค่ายกลกระบี่สถานศึกษาหนานซีก็คงไม่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเช่นนี้
หากมีคนพยายามทำลายค่ายกลจากภายใน พวกเขาก็ต้องพบกับวิชาสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายกลกระบี่ ยกตัวอย่างเช่นไหวปี้ยืมการโจมตีของเซียงอ๋องกับขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวเพื่อแทรกซึมค่ายกลแต่ตราบใดที่ค่ายกลกระบี่ยังตั้งอยู่ ปราณกระบี่น่าหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วที่ราบสูงนั้นจำเป็นต้องใช้แค่การโจมตีไม่กี่ครั้งก็ฆ่านางได้แล้ว
แต่ศิษย์บางคนในค่ายกลกระบี่มีไหวปี้เป็นอาจารย์อา บางคนก็เป็นศิษย์โดยตรงของนาง และจำนวนมากเป็นศิษย์หลานของนาง พวกนางจะลงมือฆ่านางได้อย่างไรกัน ศิษย์จำนวนมากทำได้แค่มองอย่างตกใจ ไม่รู้จะทำอะไร หากพวกนางโจมตีเต็มกำลัง พวกนางไม่เท่ากับฆ่าอาจารย์อาหรืออาจารย์ย่าของตนเองหรอกหรือ
ศิษย์สถานศึกษาหนานซีไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แต่ไหวปี้ไม่ลังเล นางโจมตีปานสายฟ้าฟาด นิ้วนางพุ่งลงมาราวกับภูเขาถล่ม ในเวลาไม่กี่ลมหายใจนางก็ทำร้ายศิษย์หลายคนบาดเจ็บและชิงกระบี่จากศิษย์อีกสิบกว่าคน กระบี่พวกนี้ถูกโยนออกจากภูเขา วาดเป็นลำแสงกลางอากาศตอนที่พวกมันถูกโยนไป
ไม่มีกระบี่ในมือแล้วจะสร้างค่ายกลกระบี่ได้อย่างไร
ค่ายกลกระบี่สถานศึกษาหนานซีมีชื่อเสียงไปทั่วโลกตกอยู่ในความโกลาหลทันที ช่องว่างมหึมาเกิดขึ้นในค่ายกล
อู๋ฉยงปี้ที่ยืนอยู่กลางที่ราบสูงมองไปทางเฉินฉางเซิงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่มีค่ายกลกระบี่และความแค้นที่ผุดขึ้นมา ความโกรธลุกเป็นไฟ นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสดีแบบนี้หลุดลอยไป นางย่อมไม่สนเรื่องข้อเสนอของเฉินฉางเซิง นางบินผ่านอากาศ แส้หางม้าสร้างคลื่นแห่งความดับสูญที่เย็นเยียบน่ากลัวตอนที่ฟาดใส่เฉินฉางเซิง
“โจรสุนัข ชดใช้ชีวิตมา!”
……
……
คนผู้หนึ่งจะรับการโจมตีเต็มกำลังของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร
ไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้
ไม่ว่าจะเป็นหวังผ้อในเมืองสวินหยางหรือเฉินฉางเซิงบนเทือกเขาในวันนั้น ก็ดูเหมือนจะต้านทานการโจมตีจากยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยร่างกายมนุษย์ของพวกเขาได้หนึ่งหรือสองครั้ง แต่นั่นเป็นเหตุผลที่เฉพาะเจาะจง จูลั่วไม่ได้โจมตีใส่หวังผ้อเต็มกำลังในขณะที่ราชามารยังบาดเจ็บสาหัสและมีกำลังไม่ถึงหนึ่งในสิบของจุดสูงสุด
วันนี้ต่างไป อู๋ฉยงปี้ไม่ได้บาดเจ็บและเพื่อการล้างแค้น พลังที่นางใช้นั้นเต็มกำลัง การโจมตีนี้เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของนาง
เฉินฉางเซิงซ่อนลูกไม้ไว้นับไม่ถ้วน มีของวิเศษนับไม่ถ้วน มีผู้ช่วยนับไม่ถ้วน
แต่ในตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์