อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1186 จากผมดำจนผมขาว

“หัวหน้าเผ่า เหล้านี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ขณะที่เข้าปากรู้สึกเผ็ดร้อน แสบคอ เมื่อชิมแล้วรสชาติหอมกลมกล่อมแต่…ขมเล็กน้อย”

“ตอนนี้ล่ะ?”

“เหมือนจะไม่ขมขนาดนั้นแล้ว ทั้งยังคงมีความหวานฝืดเล็กน้อยอบอวลอยู่ในคอ”

รองหัวหน้าเผ่าจิบเบาๆอึกหนึ่ง แสดงท่าทางเคลิบเคลิ้มออกมา ยิ้มแล้วกล่าว

“เหล้านี้น่ะก็เหมือนชีวิตคนที่มีขึ้นๆลงๆเช่นนั้น เพิ่งจะได้พบกับความพ่ายแพ้ล้มเหลว ถูกกระตุ้นให้โกรธ แผดเผาจิตใจ ไม่เต็มใจ แทบอยากจะปิดกั้นทุกอย่าง แล้วเริ่มใหม่ เมื่อผ่านไประยะหนึ่งสิ่งที่นึกถึงล้วนเป็นความขมขื่นและความแค้นทั้งหมด แต่หลายปีผ่านไปเมื่อท่านลิ้มลองอีกครั้ง ความจริงได้กลายหมอกควันที่ลอยผ่านดวงตาแล้วหายวับไปนานแล้ว นึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด ความหอมหวานก็อยู่เหนือความระทมทุกข์นานแล้ว”

เวินเส้าหยีหมุนแก้วเหล้า นึกย้อนถึงความหมายในคำพูดของรองหัวหน้าเผ่า คาดเดาความหมายของเขา

“มา ดื่มอีกสักหน่อย”

เวินเส้าหยียกแก้วชนกับเขา และคิดอยากจะดื่มให้หมด แต่กลับถูกรองหัวหน้าเผ่าห้ามไว้อีกครั้ง

“เหล้าชั้นดีจะสิ้นเปลืองไม่ได้ พวกเราหนึ่งคนหนึ่งอึกก็พอ”

เวินเส้าหยียิ้มแล้วกล่าว “ไม่ใช่ว่าในไหยังมีอีกมากหรือ”

“วันนี้ชิมเล็กน้อย พรุ่งนี้ก็สามารถชิมได้อีกเล็กน้อย หลังจากนี้ในทุกๆวันคืนก็สามารถชิมได้อีก หลังจากชิมแล้ว ในจิตใจก็ไม่ขื่นขมแล้ว”

“รองหัวหน้าเผ่า ความหมายของท่าน เส้าหยีเข้าใจแล้ว เส้าหยี…”

“เข้าใจก็ดี หลังจากนี้หัวหน้าเผ่ามีเหล้าชั้นดีอะไร ก็จะต้องนึกถึงข้า”

รองหัวหน้าเผ่าเป็นคนไม่ได้สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ ตรงไปตรงมามีความสามารถ ไม่รอให้เวินเส้าหยีพูดจบ ก็ตัดบทพูดของเขาแล้ว

เวินเส้าหยีก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก

เขารู้ รองหัวหน้าเผ่าอยากจะปลอบใจเขา ปลอบใจเขาว่าเผ่าเทียนเฟิ่นได้ถูกทำลายไปแล้ว จะเคียดแค้นจะความเกลียดชังเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ ประสบปัญหาแล้ว จะคิดถึงเพียงแต่ความแค้นไม่ได้ ควรที่จะคิดถึงเรื่องวันวานที่หวานชื่นให้มากหน่อย

และเตือนเขาว่า แม้ว่าการแต่งงานกับราชินีโหดจะเป็นเรื่องขมขื่น แม้ว่าจะขมก็มีความหวาน เวลาผ่านไปก็จะหอมหวานแล้ว

แต่ความแค้นไม่ชำระ จะหวานได้หรือ?

แต่งงานกับคนผู้หนึ่งที่ไม่ได้รัก กระทั่งยังเป็นคนที่รังเกียจเป็นที่สุดอีก จะหอมหวานได้หรือ?

นึกถึงเรื่องการแต่งงาน เวินเส้าหยียกแก้วขึ้นแล้วคิดจะดื่มให้หมดแก้วในอึกเดียว

รองหัวหน้าเผ่าคว้าเหล้าของเขามา “ดื่มเร็วเกินไปจะลิ้มรสชาติได้อย่างไร แบ่งเป็นห้าครั้งเถอะ”

“ห้าครั้ง….”

แค่แก้วเล็กๆแค่นี้ ยังต้องแบ่งห้าครั้งอีก

“เหล้านี้ ข้าลิ้มรสไม่ได้ รองหัวหน้าเผ่าลิ้มรสไปช้าๆเถอะ”

“เหล้ามากมาย ลิ้มรสไม่ได้ก็ค่อยๆลิ้ม นี่เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญในชีวิตที่ต้องเติบโต ยังไงหัวหน้าเผ่าก็ค่อยๆลิ้มรสเถอะ”

“….”

เวินเส้าหยีไม่อยากรับมือ จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ผู้ที่ข้าอยากแต่งงานเกี่ยวดองด้วยคือราชินีเผ่าน้ำแข็ง หรือว่าจำเป็นต้องเป็นนาง?”

“ราชินีเผ่าน้ำแข็ง แต่ไม่ว่าราชินีเผ่าน้ำแข็งจะเป็นผู้ใด ขอเพียงแค่นางเป็นราชินีก็พอ แต่…เผ่าเทียนเฟิ่นไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้ว่าผู้ใดจะเป็นราชินี ไม่เช่นนั้น…คนที่ท่านจะต้องแต่งงานเกี่ยวดองด้วยก็ยังคงเป็นนาง”

รองหัวหน้าเผ่าจิบเบาๆอึกหนึ่ง มองดูแสงจันทร์อันสว่างไสว มุมปากยกขึ้น กล่าวเตือน “การแต่งงานเกี่ยวดองคือคำสัญญาของท่าน”

“ข้าไม่เคยลืมคำสัญญา ข้าไม่ปฏิเสธว่า ข้าไม่อยากแต่งงาน โดยเฉพาะไม่อยากแต่งงานกับนาง เพียงแต่ข้าคิดไม่ตกมาตลอด ทำไมข้าถึงจะต้องแต่งงานกับราชินีเผ่าน้ำแข็งให้ได้ ราชินีเป็นสิ่งของอะไรกันแน่ ที่คู่ควรให้เผ่าเทียนเฟิ่นแลกทุกอย่างก็ต้องการจะแต่งงานปรองดองด้วยให้ได้”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากรู้มาตลอดเช่นกัน”

หากสามารถยกเลิกได้ เขาก็ไม่อยากเห็นหัวหน้าเผ่าต้องทนทุกข์ทรมานจากการแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก

“ฟ้ามืดแล้ว ข้าขอกลับห้องก่อน”

“หัวหน้าเผ่า นอกจากเรื่องการแต่งงาน ต่อจากนี้ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ทุกคนในเผ่าเทียนเฟิ่น จะฟังคำสั่งทุกประการ”

“การตักเตือนของรองหัวหน้าเผ่า เส้าหยีจดจำไว้แล้ว”

“เหล้าของท่านยังดื่มไม่หมด”

“รสชาติความเปรี้ยวหวานเผ็ดขมในเหล้าข้าก็จำไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้…..ก็ทิ้งไปเถอะ”

“ทิ้งไปน่าเสียดายเพียงใดกัน ข้าเก็บไว้ รอครั้งหน้าที่ท่านอยากดื่มค่อยให้ท่าน”

เวินเส้าหยีจากไปทีละก้าวๆ หลังจากที่เดินไปไกลมากแล้วก็ย้อนกลับมา ถามขึ้นประโยคหนึ่งที่ทำให้รองหัวหน้าเผ่านิ่งเงียบไป

“ได้ยินมาว่ารองหัวหน้าเผ่าและไฉ่เหนียงเป็นคู่รักกันตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งคู่มีความรักต่อกัน ไฉ่เหนียงรอท่านสี่สิบกว่าปี ตั้งแต่ผมดำจนผมขาว ทำไมรองหัวหน้าเผ่าถึงไม่แต่งงานกับนาง?”