ราชันเร้นลับ 1141 : ฤดูหนาว

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ทะเลโซเนีย เกาะปาซู มหาวิหารห้วงลึกแห่งพายุ

ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของโบสถ์วายุสลาตัน มหาวิหารในหมู่วิหาร ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทวยเทพอวยพร

ภาพจิตรกรรมฝาผนังของที่นี่วาดด้วยสีฟ้า สีเงิน สีคราม และสีทองเป็นหลัก อาจดูหยาบ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกและบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ เมื่อผนวกกับหลังคาโดมที่สูงจากพื้นกว่าหนึ่งร้อยเมตร เพียงเข้ามาด้านใน ผู้คนต่างสัมผัสได้ถึงความต่ำต้อยในตัวเอง เกิดความรู้สึกอยากก้มศีรษะที่ยากจะหักห้าม

อัลเจอร์·วิลสันผ่านพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นผู้ขับขานสมุทร ‘อย่างเป็นทางการ’ แล้ว มันและสมาชิกในกลุ่มเดียวกันถูกพาตัวมาที่นี่เพื่อรอฟังคำสอนจากมหาสังฆราช คาร์ดที่สอง

อย่างที่คิด การดื่มโอสถเกินขนาดนั้นง่ายต่อการทำให้เกิดภาวะคลุ้มคลั่ง แม้เราจะย่อยของเก่าสมบูรณ์แล้ว แต่ของใหม่ก็แทบจะทำให้จิตใจกลายเป็นบ้า…ไว้ออกจากเกาะปาซูเมื่อไร เราจะยืมไม้กางเขนเจิดจรัสจากเดอะซันน้อย…ไม่เพียงจะแลกเปลี่ยนเป็นเงิน แต่ยังสามารถเก็บไว้ใช้สำหรับแอบปลุกปั้นผู้วิเศษที่ภักดีต่อเรา…บนผิวสะท้อนของกระเบื้องสีฟ้าบนพื้น อัลเจอร์พบว่าผมของตนมีสีเข้มขึ้น และหนาขึ้นเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีที่ฟังดูคล้ายฟ้าร้องดังกึกก้อง ท่วมท้นอยู่ในหัวใจของผู้วิเศษทุกคน สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

มหาสังฆราชคาร์ดที่สอง ปรากฏกายพร้อมกับคทา เดินขึ้นเวทีพื้นยกสูงต่อหน้าฝูงชน กล่าวด้วยเสียงแผ่ว

“ขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน พวกคุณเข้าใกล้พระองค์ไปอีกขั้นแล้ว”

มันแต่งกายด้วยมงกุฎประดับไพลิน มรกต และอัญมณีชนิดอื่น เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ปักลวดลายสายฟ้า พายุ และมหาสมุทรด้วยด้ายสีทองสลับเงิน บรรยากาศรอบตัวลุ่มลึกและยิ่งใหญ่ ราวกับมหาพายุกำลังก่อตัว มอบความรู้สึกสะกดข่ม

เทวทูตเดินดินตนนี้คือผู้เป็นปากเสียงแทนองค์วายุสลาตัน รูปลักษณ์คล้ายชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบ แต่ทุกคนทราบดี พระเจ้าคาร์ดที่สองปกครองสภาคาร์ดินัลมานานกว่าร้อยปีแล้ว

ในฐานะข้ารับใช้แห่งทวยเทพ การมีอายุยืนยาวเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในสายตาสาวก ไม่มีสิ่งใดต้องแตกตื่น ถือเป็นเหตุการณ์ปรกติอย่างมาก

ได้ยินถ้อยแถลงของมหาสังฆราช อัลเจอร์ไม่มัวคิดมาก รีบทำตามผู้ขับขานสมุทรคนอื่น นำกำปั้นขวากระแทกอกซ้าย จากนั้นก็ตะโกน

“พายุจงสถิตกับเบื้องบน!”

สิบห้านาทีถัดมา พวกมันฟังคำเทศนาจากมหาสังฆราชคาร์ดที่สองด้วยความสำรวม

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด อัลเจอร์ได้รับภารกิจจากอาวุโสใหญ่ สั่งให้ไปซุ่มอยู่ในน่านน้ำนอกเกาะโซเนีย มองหาโอกาสลอบโจมตีท่าเรือ กองเรือเสบียง และเรือสินค้าของฟุซัค

กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี ภายในคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลฮอลล์

หลังจากเสื้อคลุมสีน้ำเงินเสร็จ ขณะออเดรย์เตรียมพาโกลเดนรีทรีเวอร์ ซูซี่ สาวใช้แอนนี่ และคนที่เหลือ เดินทางไปยัง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น’ บนถนนเฟลป์ เธอเห็นบิดาของตน เอิร์ลฮอลล์ เดินเข้ามาจากประตูหลัก

“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพ่อ เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านหรือ” ออเดรย์สำรวจหัวจรดเท้าด้วยความสงสัย

“รู้ได้เลยหรือ?” เอิร์ลฮอลล์สัมผัสหนวดงามและถามกลับด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นว่าบิดากำลังอารมณ์ดี ออเดรย์กะพริบตาสีเขียวและกล่าว

“เสื้อนอกของพ่อมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ แปลว่าไม่ได้ถอนมานาน และเสื้อผ้าชุดนี้คือชุดสำหรับออกไปข้างนอก”

นอกจากสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเหล่านี้ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ช่วยให้สรุปไปในทิศทางเดียวกัน แต่ออเดรย์เลือกจะไม่พูดออกไป

เอิร์ลฮอลล์ถอดเสื้อนอกส่งให้บุรุษรับใช้ ตามด้วยหัวเราะ

“ถูกต้อง…ช่างสังเกตมาก ดูเหมือนว่างานที่กองทุนจะช่วยพัฒนาลูกไม่น้อย…เมื่อคืนพ่ออยู่ที่บ้านพักของเทศมนตรีทั้งคืนเพื่อรอข่าว”

กล่าวจบ เอิร์ลฮอลล์ถอนหายใจ

“กองกำลังแนวหน้าที่แนวรบแคว้นเหมันต์และแคว้นเลียบทะเล ประสบความสำเร็จในการขับไล่กองทัพฟุซัคที่น่ารังเกียจกลับไปอีกครั้ง เมื่อฤดูหนาวที่รุนแรงย่างกราย ในที่สุดพวกเราก็มีเวลาได้พักหายใจ”

ออเดรย์กะพริบตา ตอบสนองด้วยความประหลาดใจอย่างเหมาะสม

เอิร์ลฮอลล์ยิ้ม

“พ่อเข้าใจความฉงนของเจ้า…สิ่งที่หนังสือพิมพ์บอก เป็นเพียงข้อมูลที่เราต้องการให้ประชาชนทราบ…สถานการณ์ของแนวรบบริเวณเทือกเขาอมานด้าและตามหัวเมืองใหญ่ชายฝั่งทะเลไม่ได้สวยหรูอย่างที่เข้าใจ ในการโจมตีระลอกแรก กองเรือและทหารประสบความสูญเสียใหญ่หลวง แต่เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก พวกเราต้องประกาศชัยชนะและกระตุ้นให้อู่ต่อเรือกับคลังแสงทำงานอย่างแข็งขัน…ในช่วงเวลาดังกล่าว แนวป้องกันทั้งสองแห่งเกือบแตกพ่ายหลายครั้ง จุดยุทธศาสตร์สำคัญถูกยึดครองสลับกับยึดคืนกลับมาสำเร็จ เหมือนเลื่อยที่ขยับเข้าออก แต่สิ่งที่ถูกหั่นกลับเป็นชีวิตมนุษย์ในสงคราม…โชคดีที่พวกเรายันไว้ได้สำเร็จ ฤดูหนาวจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสงคราม”

อันที่จริง หนูทราบอยู่แล้ว…จำนวนผู้เสียชีวิตสูญหายและบาดเจ็บอาจถูกปกปิดได้ แต่ปัญหาที่รั่วไหลออกมาย่อมมิอาจปิดบังได้มิดชิด…นอกจากนั้นฤดูหนาวอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป จอมอาคมฟ้าดินของฟุซัคเก่งกาจในการใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศ…ออเดรย์ที่เกิดความเศร้า ข่มอารมณ์พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ดีจังเลย…หวังว่าความสงบสุขจะกลับมาเยือนอีกครั้งโดยเร็ว”

เอิร์ลฮอลล์ชะงักเล็กน้อย

“ฝ่าบาทเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศในวันเสาร์นี้ พระองค์จะประกาศความได้เปรียบ…เมื่อเวลานั้นมาถึง ประชาชนะจะถูกเกณฑ์มารวมตัวกันตามจัตุรัสของเมืองใหญ่และหมู่บ้าน เพื่อให้ทุกคนได้ยินเสียงของพระองค์อย่างทั่วถึงด้วยเทคโนโลยีล่าสุด”

เทคโนโลยีล่าสุด…เกณฑ์คนมารวมตัวกันตามจัตุรัสเพื่อฟังสุนทรพจน์ของกษัตริย์…ออเดรย์นึกถึงคำเตือนของเดอะเวิร์ล ตัดสินใจแจ้งข่าวนี้ให้อีกฝ่ายทราบ

เกณฑ์คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่จัตุรัสเพื่อฟังสุนทรพจน์…นี่คือการสังเวยในพิธีกรรม? จอร์จที่สามกำลังจะประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด? ไคลน์ที่ทราบข่าวจากมิสจัสติส กลับมายังโลกความจริงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

มันเดินวนเวียนในห้องเช่า รีบหยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียน

“ผมรวบรวมเลือดของผู้วิเศษได้ทั้งสิ้นยี่สิบสองเส้นทาง ยังขาดนักลอบสังหารกับอาชญากร…จอร์จที่สามเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าประชาชนจำนวนมากในวันเสาร์นี้ คุณคงเข้าใจว่าผมหมายถึงสิ่งใด…นอกจากนั้น ผมอยากทราบพิธีกรรมติดต่อกับมิสเตอร์ประตู”

หลังจากพับกระดาษจดหมายและเรียกไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไปส่ง ไคลน์หายใจเข้าออกเชื่องช้า เค้นสมองคิดอย่างเป็นระเบียบ

เลือดของแม่มดไม่น่าจะมีปัญหา ทริสซี่ดูเหมือนจะต้องการยับยั้งแผนการของจอร์จที่สาม…

สำหรับราชินีเงื่อนงำ เราสามารถเปิดเผยเรื่องที่เรามีวิธีลอบเข้าไปในสุสานลับ…แม้เป้าหมายของเธอจะเป็นการคืนชีพให้บิดา และไม่เต็มใจจะเป็นศัตรูกับจอร์จที่สามโดยตรง แต่หากจอร์จที่สามเถลิงบัลลังก์เทพสำรวจ มีโอกาสสูงที่จักรพรรดิจะคืนชีพกลับมาไม่ได้…

สำหรับเลือดปิศาจ คงต้องรองให้เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์กลับมาก่อน…ทีมล่าที่เขานำด้วยตัวเองออกเดินทางไปตั้งแต่สิบวันก่อน อีกไม่นานก็คงกลับถึงเมือง…ในทางทฤษฎี ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร ไม่น่าจะมีปัญหา…แต่ถ้าไม่ทันการ เราจะลองใช้วิธีสำรองที่คิดเผื่อไว้สองทาง วิธีแรกคือการแทนที่เลือดด้วยออร่าของผู้ละเมอ หรือไม่ก็อัญเชิญปีศาจที่เราเคยเผชิญหน้าออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์และเจาะเลือดพวกมัน…

ย่านสะพานเบ็คลันด์ ภายในห้องที่ดูธรรมดา

ทริสซี่เจ้าของผมสีดำขลับมันวาว เอื้อมมือไปหยิบจดหมายจากกระจกเงา

เมื่อเปิดอ่าน คิ้วของเธอค่อย ๆ ถูกขมวดชนกัน สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยน

ในที่สุด โอกาสนั้นกำลังจะมาถึง…สีหน้าทริสซี่แปรเปลี่ยนอีกหลายหน ทั้งลังเล สับสน หวาดกลัว และไตร่ตรอง

ในที่สุด เธอยิ้มและพึมพำด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“เราเคยฆ่าคนไปมากมาย ก่อโศกนาฏกรรมก็ไม่น้อย…ถึงเราจะตายในศึกนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้ชดเชยอดีต…”

หลังจากเงียบไปหลายวินาที ทริสซี่ดึงหลอดแก้วออกจากกระเป๋าของเดรสสีดำ

นี่ไม่ใช่เลือดของเธอ แต่เป็นของแม่มดอีกคนหนึ่ง ชื่อเก่าคือเชอร์แมน ในภายหลังเปลี่ยนเป็นเชอร์มาเน่

ในฐานะแม่มดมากประสบการณ์ ระหว่างที่กำลังถ่ายทอดวิชา ทริสซี่หาโอกาสเจาะเลือดของเชอร์มาเน่มาเก็บไว้ เลือดคือพื้นฐานของคำสาป อาจไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์ในยามปรกติ แต่ก็ช่วยป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ดี

หลังจากเชอร์แมนเสียชีวิต ทริสซี่ยังไม่ทิ้งเลือดไป เพราะแม่มดมักต้องการวัตถุดิบประเภทนี้ในหลายโอกาส เช่นตอนนี้

เมืองเงินพิสุทธิ์ ภายในบ้านหลังหนึ่ง

ทันทีที่ความถี่สายฟ้าเพิ่มขึ้น เดอร์ริคพยุงตัวลุกจากเตียง จุดไฟและปิ้งขนมปังเห็ด

ขนมปังชนิดนี้มีเนื้อละเอียดและหอมอร่อยกว่าหญ้าผิวดำมาก เดอร์ริคชอบมันเป็นพิเศษ และรอคอยที่จะกินวันละสามมื้อ

ปัญหาเดียวก็คือ ปริมาณการเพาะเห็ดในปัจจุบัน ยังนำมาผลิตเป็นขนมปังได้ไม่มากพอ

เนื่องด้วยจำนวนซากสัตว์ประหลาดที่มีจำกัด ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์จึงเบิกขนมปังเห็ดได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง ต่อครั้งจะกินได้สี่ถึงห้ามื้อ

หลังจากความพยายามอย่างหนักตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา พื้นที่รอบเมืองเงินพิสุทธิ์กลายเป็นเขตปลอดภัยและมีสัตว์ประหลาดน้อยลงมาก

เดอร์ริคได้ยินมาว่า ในระยะหลังมีใครบางคนจงใจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความมืด เพื่อหวังล่าสัตว์ประหลาดและนำศพไปเพาะเห็ด

จากนั้น บุคคลดังกล่าวก็ถูกกิน

เห็ดเหล่านั้นทำให้ชาวเมืองมองโลกในแง่ดีเกินไป…ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก…เดอร์ริคยังคงจำจดความกังวลที่เจ้าเมืองเคยเปรยไว้ก่อนออกเดินทาง เด็กหนุ่มส่ายหน้าแผ่วเบา เดินไปหยิบขวดโหลที่เก็บมาจากซากปรักหักพังของเมืองอื่น จากนั้นก็เทเห็ดนมสีขาวลงไป

ว่ากันตามตรง มันไม่ชอบนมสักเท่าไร แต่มิสจัสติสเคยบรรยายไว้ว่า นมมีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและตัวสูง มันจึงยอมกัดฟันดื่ม

ในฐานะชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ เดอร์ริคทราบดี การไม่ได้เลือกเส้นทางคนยักษ์เหมือนคนอื่น จะส่งผลให้ร่างกายไม่พัฒนาไปมากนักในอนาคต แต่มันก็แอบหวังว่าจะไม่ถูกเพื่อนทิ้งห่าง การมีอยู่ของนมคือแสงสว่างที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนานั้น

อึก อึก อึก เดอร์ริคดื่มนมประจำวันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ขณะเตรียมไปรับขนมปัง มันสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ จึงมองออกไปนอกหน้าต่าง

คนผู้หนึ่งงอกออกมาจากเงาหน้าประตูและกล่าว

“เดอร์ริค ท่านเจ้าเมืองบอกให้ผมนำเลือดขวดนี้มาส่ง”

เจ้าเมืองกลับมาแล้ว? เดอร์ริคลุกขึ้นยืนและรีบพูด

“ขอบคุณครับ”

ทันทีที่สิ้นเสียง เด็กหนุ่มพบว่าเงาดำกำลังงอกออกจากช่องวางตรงกรอบประตู ภายในนั้นมีขวดโลหะยื่นออกมา

เดอร์ริคทราบได้ทันที เลือดขวดนี้เป็นของปีศาจที่มิสเตอร์เวิร์ลต้องการ

…………………………