ในทวีปซันไห่
สถานที่มีเทือกเขาตัดกันมีทะเลสาบสีมรกตที่ดูราวกับกระจกไม่มีระลอกคลื่น สะท้อนให้เห็นฟ้าดิน แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ก็ให้ความรู้สึกกดดันโดยไม่ทราบสาเหตุ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังรู้สึกกดดัน
ทว่าความเงียบสงบของสถานที่แห่งนี้แตกสลายลงในวันนี้ เมื่อแสงอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังดินแดนแห่งนี้ ริ้วแสงนับไม่ถ้วนพุ่งข้ามขอบฟ้า ก่อนที่จะพลิ้วลงมายังภูเขารอบสระแห่งนี้
พร้อมกับภาพเงาเหล่านี้ เสียงร้องนับไม่ถ้วนก็สะท้อนไปทั่วชั้นฟ้าราวกับเสียงร้องของวิหคมากมายมารวมตัวกัน…
สระยกเทพมีตำแหน่งพิเศษท่ามกลางเทพอสูรกลางเวหา ดังนั้นแม้ว่าที่นั่งในการเข้าร่วมจะจำกัด แต่ก็ดึงดูดเทพอสูรมากมายมาชมงาน
เมื่อทุกเผ่ามารวมตัวกัน ความปั่นป่วนก็กังวานมาจากภูเขาโดยรอบ
กีด!
ทว่าพร้อมกับการมาถึงที่มากขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไพเราะดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก จากนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ทำให้ใบหน้าของเหล่าเทพอสูรมากมายเปลี่ยนไปด้วยความเคารพ
พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายรุ้งพาดผ่านภูมิภาคนี้ พร้อมกับเงาทอดลงไปยังภูเขาที่อยู่ใกล้สระมากที่สุด
เมื่อรุ้งจางก็ปรากฏเงาสองร่าง คนแรกก็คือจัประมุขตระกูลหวงของเผ่าหงส์ฟ้า-หวงจิง โดยมีหวงเฉวียนจือติดตามอยู่ข้างหลังกำจายความสูงศักดิ์ออกมา
“คารวะประมุขหวง!”
เมื่อหวงจิงปรากฏตัวจอมยุทธ์เทพอสูรที่นี่ทุกคนก็กล่าวคำทักทาย
หวงจิงมีท่วงท่าไม่ธรรมดา เขาพยักหน้าให้ทุกคนก่อนที่จะมองภาพเงาที่กำลังมาถึงและพลิ้วตัวลงบนภูเขาโดยรอบ
แรงกดดันทรงพลังแทรกซึมทั่วบริเวณ แสงหลิงรวมตัวกันเป็นร่างมหึมาอยู่เบื้องหลังพวกเขา
มีทั้งแร้งทองคำเก้าหัว สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมังกรผสมนกกระจอก และเหยี่ยวเทพที่มีสายตาคมกริบ…
เมื่อมองไปที่ฉากนี้ทุกคนต่างก็ฉายความเคร่งเครียดพร้อมกับความอิจฉาในสายตา เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นตัวแทนของมหาเทพอสูร
แม้ว่าความแตกต่างระหว่างเทพอสูรกับมหาเทพอสูรจะมีเพียงคำเดียว แต่ก็เป็นปากอ่าวกว้างใหญ่ระหว่างฟ้าดิน
“มีเผ่ามหาเทพอสูรสิบห้าเผ่าท่ามกลางเทพอสูรกลางเวหาและทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่…”
“ลือกันว่าเผ่ามหาเทพอสูรได้ส่งเหล่าอัจฉริยะมาเพื่อสระยกเทพเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามใช้โอกาสนี้เพื่อชำระสายเลือดและก้าวไปอีกขั้น…”
“แต่มีการจำกัดจำนวนแก่นโลหิตที่สร้างขึ้นในสระยกเทพ ท่าทางว่านี่จะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดแล้ว…”
“ฮ่าๆ หวงเฉวียนจือเผ่าหงส์ฟ้าใครจะกล้าต่อกรกับเขา? เขาคงจะได้รับประโยชน์สูงสุดในครั้งนี้”
“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป หวงเฉวียนจืออาจจะไม่ธรรมดา แต่หลินชางจากเผ่าแร้งทองคำเก้าหัวและข่งหลิงเอ๋อจากเผ่านกยูงเก้าสีก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา…”
“ถูกต้อง อัจฉริยะเหล่านี้ซ่อนตัวมานานเป็นร้อยปีเพื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งผ่านสระยกเทพนี้ การแข่งขันครั้งนี้คงรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
ขณะที่เสียงสนทนาดังขึ้น ผู้คนก็มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น
“หืม? เผ่าวิหคโลกันตร์ก็อยู่ที่นี่ด้วย? พวกเขามีที่เข้าสู่สระยกเทพด้วยเหรอ” มีคนสังเกตเห็นเงาบนภูเขาและจำได้ทันที
“เฮ้ มีบรรพบุรุษของเผ่าวิหคโลกันตร์ละสังขารที่สระยกเทพเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพื่อกันที่นั่งสำหรับสมาชิก ดูเหมือนพวกเขาจะใช้แล้ว” มีคนพูดอย่างอิจฉา ท้ายที่สุดแล้วที่นั่งในสระยกเทพยากเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากหมายถึงการเสียสละของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน
“หึ ดูท่าพวกเจ้ายังไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกน่ะ…” พวกรู้ลึกถึงกับเค้นเสียงขึ้นจมูก “เทียนจิ่วโยวแห่งเผ่าวิหคโลกันตร์มีข่าวลือว่านางวิวัฒนาการเข้าสู่สายเลือดวิหคอมตะได้ แต่ตอนนี้หวงเฉวียนจือหมายตานางในฐานะผู้เสียสละครั้งสุดท้ายเพื่อวิชาหมุนวนเก้าเทพของเขา…”
“ดังนั้นเมื่อไรที่เทียนจิ่วโยวเข้าสู่สระยกเทพหวงเฉวียนจือจะเคลื่อนไหวและกลืนกินสายเลือดนาง…”
โลกของสัตว์อสูรโหดร้ายกว่าโลกของมนุษย์ ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินถึงความตั้งใจของหวงเฉวียนจือก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นสิ่งผิด
ตามคำกล่าวที่ว่าคนที่มีสมบัติจะกลายเป็นก่ออาชญากรรม นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้สายเลือดที่หายากของเผ่าวิหคโลกันตร์ถูกเล็งเป็นเป้าหมาย ถ้าพวกเขาเก็บงำไว้กับตัวเองก็แล้วไป แต่พวกเขากลับเลือกที่จะเปิดเผย ตอนนี้หวงเฉวียนจือกำหนดเป้าแล้ว คงไม่สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย
เมื่อรู้สึกถึงสายตาเหล่านั้น ใบหน้าของเทียนฮวงก็ดูน่าเกลียดเช่นกัน
จิ่วโยวยืนอยู่ข้างหลังบิดาสวมเสื้อผ้าสีดำพอดีตัว ซึ่งเผยรูปร่างและส่วนโค้งนูนน่าทึ่งที่หน้าอก นางเม้มริมฝีปากเข้าหากันดูดื้อดึงมากกว่าปกติ
เมื่อเทียบกับเทียนหวง สีหน้านางดูสงบกว่ามาก แต่หมัดที่กำแน่นเผยให้เห็นความไม่สบายใจในหัวใจ
“ผู้อาวุโสลู่ ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว” เทียนฮวงถอนหายใจขณะหันไปหาผู้อาวุโสสวมชุดคลุมสีเทา นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าวิหคโลกันตร์ ซึ่งตอนแรกอยู่ในสมาธิ แต่เพื่อจิ่วโยว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกจนต้องเชิญเขาออกจากสมาธิ
ทว่าผู้อาวุโสคนนี้ก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายเท่านั้น
ผู้อาวุโสลู่มีสีหน้าขมขื่นแต่ก็ยังพยักหน้า “ท่านประมุขวางใจเถอะ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องจิ่วโยว แต่…ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงเฉวียนจือ”
เทียนฮวงตัวสั่นสะท้าน เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ตอนนี้หวงเฉวียนจือมีขุมพลังอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นแล้ว พลังในการต่อสู้เหนือล้ำแน่นอน ว่ากันว่ากระทั่งจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันยังตายในมือเขาได้ ความสำเร็จของเขาเกรียงไกรนัก
“ผู้อาวุโสลู่ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ แค่พาจิ่วโยวหนีให้ไกลจากเขาในสระยกเทพ พยายามแสวงหาโอกาสที่เหมาะสมก็พอ” เทียนฮวงปลอบโยน
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ผู้อาวุโสลู่ผงกศีรษะและหายใจเข้าลึกพร้อมกับการแสดงออกเด็ดขาดบนใบหน้า เขาเองก็โกรธแค้นกับการกลั่นแกล้งของเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นต่อให้ต้องสละชีวิต เขาก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของจิ่วโยวให้จงได้
ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาเหลือบมองไปที่จิ่วโยวเอ่ยด้วยความลังเล “ยังไม่มีข่าวจากผู้อาวุโสเทียนเช่อรึ? ข้าได้ยินมาว่ามู่เฉินน่าเกรงขามนัก ถ้าเขามาที่นี่อาจจะเผชิญหน้ากับหวงเฉวียนจือได้…”
เทียนฮวงขมวดคิ้วเบาๆ ตอบว่า “ยัง… เผ่าวิหคโลกันตร์ของเราไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือต่างสายพันธุ์ นอกจากนี้เขาอาจไปรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าหากมาที่นี่ ข้าคิดว่าเจ้าหนูนั่นคงต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อน”
น้ำเสียงของเขาไม่มีแววตำหนิใดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องธรรมชาติ ในมหาพันภพไม่มีใครกล้าที่จะรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าเพื่อเผ่าวิหคโลกันตร์ เห็นได้จากเผ่าเทพอสูรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าวิหคโลกันตร์มาตลอดก็ยังไม่กล้าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้
“ท่านพ่อ!”
ทว่าคำพูดของเขาดึงดูดสายตาเย็นชาจากจิ่วโยวทันที
เมื่อเทียนฮวงเห็นก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น “ก็ได้ๆ ข้าจะไม่พูดแง่ร้ายเกี่ยวกับเขา”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน จู่ๆ หวงจิงก็มองมาอย่างไม่แยแสและยิ้ม “พวกเจ้าพิจารณาเรื่องนี้หรือยัง?”
คำพูดของเขาดึงดูดความสนใจรอบข้างทันที เทียนฮวงทำได้เพียงเกร็งศีรษะขึ้นถามว่า “เผ่าหงส์ฟ้า ไม่สามารถปล่อยเผ่าวิหคโลกันตร์ไปได้จริงๆ เหรอ?”
น้ำเสียงของเขาเป็นการขอร้องแล้ว ไม่มีเหลือเกียรติคุณของประมุขไว้เลย
เมื่อหวงจิงได้ยินคำตอบนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ “ทำไม? ถ้าพวกเจ้าทำให้ลูกชายข้าพอใจ ข้าจะถือว่านี่เป็นบุญคุณจากเผ่าวิหคโลกันตร์และเราจะตอบแทนในอนาคตแน่ แต่เจ้ากลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง”
ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในสายตาเขาขณะที่พูดต่อ “ในเมื่อยืนกรานที่จะดื้อรั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว”
ใบหน้าของเทียนฮวงดิ่งลงทันที
หวงเฉวียนจือกวาดสายตามองไปที่ผู้อาวุโสลู่ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ “นั่นองครักษ์ของเจ้ารึ?”
“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย…”
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหวงเฉวียนจือก่อนที่จะส่ายหัวไปมา “ถ้ามีทั้งหมดแค่นี้ ข้าขอแนะนำให้ยอมแพ้ซะ”
เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวออกมา เสียงร้องของหงส์ฟ้าก็ดังก้องขึ้นพร้อมกับแรงกดดันรุนแรงทำให้ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนจากแรงกดดันของเขา
แรงกดดันนั้นพุ่งไปที่ผู้อาวุโสลู่ ทำให้ร่างเขาสั่นใบหน้าซีดเซียวลง เข่าของเขาค่อยๆ งอจากแรงกดและเกือบจะคุกเข่าลงไป
เห็นได้ชัดว่าหวงเฉวียนจือพยายามข่มขู่ผู้อาวุโสลู่ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่สระยกเทพ เมื่อถึงตอนนั้นผู้อาวุโสลู่ก็จะไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ผู้อาวุโสลู่รู้ถึงเจตนาของหวงเฉวียนจือดี ดังนั้นเขาจึงกัดฟันถึงขนาดเส้นเลือดดิ้นพล่านบนหน้าผากเลยทีเดียว ทว่าแรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนบวกกับแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงของหวงเฉวียนจือ ก็ทำเอาเข่าของผู้อาวุโสลู่งอลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเทียนฮวงและจิ่วโยวก็เขียวคล้ำ แต่พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูผู้อาวุโสลู่ทนทุกข์ทรมานจากแรงกดดัน
สายตาของเทียนฮวงมืดดำ มากจนจะกระอักเลือดออกมา นี่เป็นความอัปยศอดสูสำหรับเผ่าวิหคโลกันตร์แท้จริง
หมัดของจิ่วโยวกำแน่นโดยที่เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนเลือดหยดแหมะๆ ในตอนนี้แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างนางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
ความรู้สึกไร้พลังลอยอวลทำให้นางได้แต่โทษตัวเอง
“พอแล้ว ถ้าเจ้าต้องการสายเลือดขนาดนั้นก็รับ…” นางเบิกตากว้างขณะที่ตะโกนใส่หวงเฉวียนจือ
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ เสียงสายฟ้าก็ดังขึ้น ทุกคนเงยหน้ามองขอบฟ้าห่างไกล คลื่นหลิงขนาดใหญ่ถาโถมเข้ามา
ตู้ม ตู้ม
คลื่นกระแทกหลิงนี้บดขยี้แรงกดดันของหวงเฉวียนจือพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้อง
“แกไม่มีสิทธิ์จะได้รับสายเลือดของนาง!”
เสียงคำรามดังกล่าว ทำให้เสียงของจิ่วโยวถูกขัดจังหวะทันที นางเงยหน้าขึ้นทันควันก่อนที่จะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาดูเหมือนจะมีความโกรธซ่อนอยู่ภายใต้มหาสมุทรสายฟ้า ทำให้หัวใจของนางเต้นไม่เป็นส่ำ
นางมองร่างคุ้นเคยด้วยความอึ้งทึ่ง ก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงลงจากแก้ม