บทที่ 1452 เผชิญหน้า

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ครืน**!**

ความผันผวนดุดันของคลื่นหลิงระเบิดไปทั่วท้องฟ้า แรงกดดันอันทรงพลังทำให้ใบหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด เมื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่

นี่ก็คือมู่เฉินที่เพิ่งมาถึง เขาพลิ้วตัวลงบนภูเขา ความโกรธก็เกิดขึ้นในใจเมื่อเขาเห็นน้ำตาบนใบหน้าของจิ่วโยว

ตั้งแต่วันแรกที่เขารู้จักจิ่วโยวด้านที่ไม่ยอมใครของนางก็ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา แต่ตอนนี้หญิงสาวเข้มแข็งไม่ยอมใครง่ายๆ กำลังร้องไห้ เขานึกได้เลยว่านางต้องแบกความทุกข์ทรมานไว้แค่ไหน

“ประมุขเทียนฮวง พวกท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”

มู่เฉินมองไปที่เทียนฮวงช่วยพยุงผู้อาวุโสลู่ขึ้นก่อนจะประสานมือลุแก่โทษ “ขอโทษที่มาช้าขอรับ”

เทียนฮวงและผู้อาวุโสลู่อึ้งไปขณะมองมู่เฉิน พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะมาที่นี่จริงๆ

‘เจ้าหนูนี่กล้าที่จะรุกรานเผ่าหงส์ฟ้าเพื่อจิ่วโยวจริงหรือ?’

“ไม่สาย ไม่สายหรอก…” เทียนฮวงโบกมือไปมาพูดอย่างขมขื่น “เผ่าวิหคโลกันตร์ของข้าหมดหนทางกับสถานการณ์นี้แล้ว ดังนั้นจึงต้องให้ผู้อาวุโสเทียนเช่อแจ้งให้เจ้าทราบ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพูดอะไร จิ่วโยวช่วยเหลือข้ามากมายในอดีตและถ้าไม่ใช่นางตอนนี้ข้าอาจตายไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะเร่งรุดมาช่วยทันที ”

เทียนฮวงมีสีหน้าซับซ้อน คำพูดของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกผิดและพอใจผสมผเสกัน เขารู้สึกผิดที่พวกเขาสงสัยในตัวชายหนุ่ม ขณะเดียวกันก็รู้สึกยินดีที่จิ่วโยวเจอสหายร่วมเป็นร่วมตาย

หลังจากที่มู่เฉินและเทียนฮวงพูดคุยกันอารมณ์ของจิ่วโยวก็สงบลง เขาจึงพูดแหย่ว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะร้องไห้ด้วย”

จิ่วโยวรีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าพลางถลึงตาใส่มู่เฉิน ก่อนจะเตะใส่ “ยังกล้าแกล้งข้าอีกเหรอ?!”

แต่หลังจากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าไม่ควรมา”

แม้ว่าจะเอาอดีตมาเทียบเคียงกับมู่เฉินตอนนี้ไม่ได้อีกต่อไป แต่เผ่าหงส์ฟ้าก็ไม่สามารถมองข้ามไปได้

มู่เฉินส่ายหัวมองไปที่จิ่วโยวตอบว่า “ใครกันที่ปกป้องข้าตอนที่ออกจากมณฑลเป่ยหลิงแล้วพาข้าท่องยุทธภพ? เจ้าไม่เคยดูถูกว่าข้าอ่อนแอและช่วยเหลือกันมาตลอดแล้วจะให้ข้าทิ้งเจ้าได้อย่างไร?”

ตอนนั้นเขายังเด็กและอ่อนแอ สาเหตุที่เขาสามารถผ่านพ้นอันตรายมานักต่อนักก็มาจากความช่วยเหลือของจิ่วโยว ถ้าไม่ใช่นาง เขาคงก้าวไม่ถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน จิ่วโยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเปรี้ยวขึ้นจมูกขณะที่ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่นางจะกลั้นไว้

“แกเป็นใคร? ทำไมถึงเข้ามาแส่เรื่องระหว่างเผ่าเทพอสูรกลางเวหา?”

ขณะที่พวกเขาพูดคุย เสียงสูงส่งก็ดังก้อง หวงจิงจ้องมองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับจักรพรรดิหวง “ข้าชื่อมู่เฉิน ได้รับการเชิญจากเผ่าวิหคโลกันตร์ให้มาเป็นองครักษ์จิ่วโยว”

คำพูดของเขาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ทุกคนมองไปที่มู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคุ้นเคยกับชื่อดาวรุ่งของมหาพันภพในช่วงนี้

แม้ว่าจะคาดหวังคำตอบไว้แล้ว แต่หวงจิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หากเป็นมนุษย์คนอื่นพยายามจะเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ เขาคงจะไล่ตะเพิดไปแล้ว ทว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นกับมู่เฉินได้เนื่องจากมารดาอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าโบราณ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของชายหนุ่มกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม นอกจากนี้เขายังเป็นราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพอีกด้วย ด้วยรัศมีรายรอบมู่เฉิน ทำให้เขาถูกข่มขู่

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่ายากจะจัดการเนื่องจากมู่เฉินมีกองหนุนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งหลายคน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้สถานะของตนเองเพื่อปราบปรามมู่เฉินได้ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นออกโรงได้ ในเวลานั้นการเผชิญหน้าระหว่างยอดยุทธ์จะเป็นปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว…”

หวงเฉวียนจือยิ้มขณะที่หวงจิงกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับมู่เฉิน เขาจ้องไปอีกฝ่าย “ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับการกระทำอันยิ่งใหญ่ของประมุขมู่ในเผ่าฝูถู แต่นี่ไม่ใช่เผ่าฝูถู ไม่มีค่ายกลให้เจ้าได้ยืมใช้หรอกนะ”

แม้ว่าคำพูดจะราบเรียบ แต่ทุกคนก็เห็นด้วยเนื่องจากเหตุผลที่มู่เฉินสามารถปราบผู้อาวุโสในเผ่าฝูถูได้ ก็เพราะใช้ค่ายกลพิทักษ์เผ่า เพราะตัวเขามีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางเท่านั้น

เหล่าอัจฉริยะที่สามารถเข้าสู่สระยกเทพน่ากลัวทั้งนั้นและมู่เฉินคงไม่สามารถทำในแบบเดียวกันกับเผ่าฝูถูได้

หวงเฉวียนจือสมกับเป็นบุตรชายของหวงจิง คำพูดของเขาลบความสำเร็จรุ่งโรจน์ของมู่เฉินจนหมดสิ้น

มู่เฉินผงกศีรษะตอบว่า “ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูเป็นปัญหาเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงต้องใช้ค่ายกล แต่ทำไมข้าต้องใช้มันกับเรื่องเล็กน้อยวันนี้”

“ฮ่าๆ ประมุขมู่โอ้อวดแท้จริง”

หวงเฉวียนจือยิ้มขณะพูดต่อช้าๆ “ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังดูถูกเผ่ามหาเทพอสูรของเรานะ”

รอยยิ้มเยาะผุดที่มุมปาก คำพูดเลวร้ายของเขาวางมู่เฉินไว้ตรงข้ามกับเผ่ามหาเทพอสูรทั้งหมด

คำพูดนี่ดึงดูดความสนใจของเหล่าอัจฉริยะเผ่ามหาเทพอสูร ทั้งหมดต่างมองไปที่มู่เฉิน

มีความอยากรู้ ไม่แยแส แม้กระทั่งดูหมิ่นในสายตาเหล่านั้น…

“เฮอะ แค่มนุษย์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางกล้าโอ้อวดที่นี่ด้วยหรือ? ไม่กลัวกัดลิ้นตัวเองขาดรึไง?” เสียงหัวเราะน่าขนลุกดังสะท้อนด้วยความดูถูก

ทุกคนมองไปที่ต้นเสียงก็เห็นชายหน้าตาบึ้งตึงคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง รอยยิ้มที่แขวนบนริมฝีปากดูเหมือนคมมีดที่เย็นยะเยือก

รัศมีระเบิดออกจากทางด้านหลังเขากลายเป็นนกขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนหงส์ฟ้าผสมกับแร้งสีทอง

“นั่นอัจฉริยะแร้งหงส์ทองคำ—ฟังจิ้ง หงส์แร้งทองคำและหงส์ฟ้าแท้จริงมีสายเลือดที่สัมพันธ์กัน เรียกได้ว่าสนิทสนมกับเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงที่สุด ว่ากันว่าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงเลยทีเดียว” เทียนฮวงอธิบายด้วยสีหน้าไม่น่าดูข้างมู่เฉิน

“ก็แค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย ไม่มีอะไรคุกคามได้” มู่เฉินยิ้ม ไม่สนใจการยั่วยุของฟังจิ้ง เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองอีกฝ่าย

ในสายตาของเขา ฟังจิ้งเป็นเพียงตัวตลกก่อนเปิดโรงที่พยายามทำให้หวงเฉวียนจือดูดีขึ้นเท่านั้น

“ฮึ่ม หาเรื่องตาย!”

ฟังจิ้งยิ้มเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่ได้ขยับ เขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ

“ไม่ต้องมาทำยั่วยุไร้ประโยชน์ที่นี่ ไม่มีใครโง่ เจ้ามาทดสอบข้าได้เองหากต้องการทราบพลังที่ข้ามี” มู่เฉินมองไปที่หวงเฉวียนจือ เอ่ยด้วยเสียงนิ่งเฉย

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงเฉวียนจือหุบลงขณะที่จ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชา พูดย้ำชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้า-จะ-กิน-สายเลือด-วิหคอมตะให้ได้!”

สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หวงเฉวียนจือตอบว่า “อย่างที่ข้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้ ไม่มีวัน”

ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ทำเอาหลายคนถึงกับแอบเดาะลิ้น แต่ละคนช่างดุดันอย่างแท้จริง อัจฉริยะของเผ่าหงส์ฟ้าและดาวรุ่งดวงใหม่ของมหาพันภพ

แต่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะหัวเราะในตอนจบ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ขณะที่บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด สระมรกตก็กระเพื่อม แสงหลิงไม่มีที่สิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับน้ำพุร้อน

ครืน!

ทันใดนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ระเบิดออก ทำให้กระทั่งมู่เฉินยังหดตาลง เขามองเห็นภาพเงามากมายในแสงที่มีรูปแบบของเทพอสูร…

ชัดว่าร่างเหล่านั้นจะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่ละสังขารในสระ

“สระนี้…ไม่ธรรมดา”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าสระแห่งนี้ดูเหมือนจะลึกเพียงหนึ่งพันจั้ง แต่จากการรับรู้ของเขาบอกได้ว่าสระนี้ไร้ขอบเขตราวกับสร้างขึ้นในอีกโลกหนึ่ง

“สระยกเทพกำลังเปิด ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” เสียงของหวงจิงดังก้อง

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด ทุกคนจ้องมองไปด้วยดวงตาที่ลุกโชน

ฮึ่ม!

อึดใจต่อมาคลื่นก็ยกตัวขึ้นในทะเลสาบสีมรกตทำลายความเงียบ ให้ความรู้สึกราวกับว่าผนึกได้ถูกปลดลงพร้อมกับแสงหลิงเชี่ยวกรากสาดส่องทั่วทั้งบริเวณ

“เข้าไปได้!”

พร้อมกับเสียงของหวงจิง แสงนับไม่ถ้วนก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและดำดิ่งลงไปในทะเลสาบมรกต

เมื่อร่างแต่ละคนดำดิ่งลงไป พวกเขาก็หายตัวไปทันทีราวกับว่าก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง

อัจฉริยะเหล่านี้เข้าไปโดยลำพัง เพราะตามกฎมีเพียงจอมยุทธ์ภายใต้ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่สามารถนำองครักษ์มาช่วยต่อสู้ได้

จิ่วโยวหายใจเข้าลึกมองไปที่มู่เฉิน “เจ้าจะไม่เสียใจนะ? จะมีการต่อสู้รุนแรงรออยู่ข้างในแน่นอน”

มู่เฉินคลี่รอยยิ้มบนริมฝีปากแล้วยื่นมือออกมา

“เจ้าปกป้องข้ามานาน ตอนนี้ถึงตาข้าปกป้องเจ้าแล้ว”

รอยยิ้มทรงเสน่ห์กระจายออกมาบนริมฝีปากของจิ่วโยว ก่อนที่นางจะยื่นมือออกมาจับมือของมู่เฉินเบาๆ

อึดใจสองพี่น้องก็กลายเป็นลำแสงพุ่งลงไปในทะเลสาบมรกต…