ทุกคนที่อาศัยอยู่โลกเบื้องบนล้วนรู้จักชื่อตำหนักไร้หทัยกันเป็นอย่างดี แต่มีน้อยคนนักที่จะชอบกลุ่มคนของตำหนักไร้หทัย
อันที่จริงถ้าจะให้กล่าวตรง ๆ เลยก็คือแทบจะทั้งโลกเบื้องบนล้วนเกลียดตำหนักไร้หทัย
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกลียด พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกันเพราะถึงแม้ตำหนักไร้หทัยจะมีสมาชิกอยู่น้อยมาก แต่สมาชิกแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
นอกเหนือจากต้วนฉิงที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพ จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงต่างก็อยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดกันทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้นขนาดกิเลนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูยังอยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นต้นด้วยซ้ำ และนี่ยังไม่รวมพวกคนรับใช้ทั้งหลายที่อยู่แต่ในตำหนักซะส่วนใหญ่ ซึ่งไม่มีใครแน่ใจว่าคนเหล่านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ในฐานะที่เป็นคนของตำหนักไร้หทัยต่อให้จะเป็นคนรับใช้ก็ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อฉุกคิดได้ว่าตำหนักไร้หทัยมีศัตรูมากมายขนาดไหนและตอนนี้ในคฤหาสน์ของเขากลับมีคนของตำหนักไร้หทัยกลุ่มใหญ่อาศัยอยู่ กุยไห่ไป๋ฉวนก็เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
มันจะเป็นไปได้ไหมถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปตระกูลของเขาจะถูกบุกจากกองกำลังอื่น ๆ ที่เป็นศัตรูของตำหนักไร้หทัย?
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้!
เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกกังวล กุยไห่ไป๋ฉวนจึงทนไม่ไหวรีบกลับไปที่ห้องของเขาทันที จากนั้นเขาเดินไปหน้าคันฉ่องทองเหลืองที่ตั้งอยู่กลางห้องและส่งพลังของเขาเข้าไปในมัน
ไม่นานต่อมาที่บานคันฉ่องก็มีร่างของชายชราคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ชายชราถามกุยไห่ไป๋ฉวนทันที “เจ้ามีเรื่องอะไร?”
“ท่านพ่อ เมื่อครู่มีคนจากตำหนักไร้หทัยเดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลเราในเมืองมหาดาราพร้อมกับอักษรเต๋านั่น พวกเขาบอกว่าจะมาขอพักอยู่กับเราจนกว่าแม่น้ำมหาดาราจะสงบ แต่ข้ากังวลจริง ๆ ว่ามันอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นข้าจึงรีบติดต่อท่าน!”
“ไร้สาระ!” ชายชราแสดงสีหน้าโมโหทันที “เจ้าคิดว่าคนของตำหนักไร้หทัยจำเป็นต้องมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลเรางั้นเหรอ?”
ตำหนักไร้หทัยนับได้ว่าเป็นกองกำลังอันดับต้น ๆ ของโลกเบื้องบน ถึงแม้ว่าตระกูลกุยไห่ของพวกเขาจะไม่ธรรมดา แต่ถ้าเทียบตำหนักไร้หทัยพวกเขายังแข็งแกร่งได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ด้วยซ้ำ ดังนั้นกองกำลังที่อยู่อันดับต้น ๆ จะมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขาแบบนี้ได้ยังไง?
กุยไห่ไป๋ฉวนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ว่าท่านพ่อ พวกเขามีอักษรเต๋านั่นนี่นาแถมข้าตรวจสอบแล้วมันคือของจริงแน่นอน ดังนั้นข้าจะปฏิเสธพวกเขาได้ยังไง?”
“ไม่เป็นไร ถ้างั้นในระหว่างนี้เจ้าจงจับตาดูพวกเขาเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา ข้า กุยไห่เหรินหวาง จะขอไปดูสักหน่อยว่าใครกันที่กล้าอ้างตัวว่าเป็นคนของตำหนักไร้หทัยเพื่อมาสร้างปัญหาให้กับตระกูลของข้าแบบนี้!” ชายชราพูดขึ้น
แน่นอนว่าชายชราที่พูดผ่านคันฉ่องทองเหลืองคือผู้นำตระกูลกุยไห่ กุยไห่เหรินหวาง
อักษรเต๋าแต่ละตัวนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถลอกเลียนได้ หากผู้คิดค้นไม่เผยแก่นแท้ในตัวอักษรนั้นคนอื่นจะไม่มีวันเขียนมันได้เลย
แต่แล้วตอนนี้กลับมีใครไม่รู้อ้างตัวว่าเป็นคนของตำหนักไร้หทัย แถมยังมีอักษรเต๋าของเขามาแสดงเพื่อขออาศัยอยู่ในบ้านของเขาอีกต่างหาก
ตั้งแต่เกิดมายกเว้นลูกชายของเขา เขาเผยอักษรเต๋าของตัวเองให้กับคนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือเจ้าตำหนักไร้หทัย
อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นหายตัวไปนานแล้ว แถมคนผู้นั้นไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนผู้นั้นจะมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลเขา?
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้ยินข่าวลือมาเหมือนกันว่าคนผู้นั้นกลับไปเกิดใหม่ที่โลกเบื้องล่าง หรือว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่คนผู้นั้นลงไปเกิดใหม่จริง ๆ และตอนนี้เขาเพิ่งขึ้นมาโลกเบื้องบน?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กุยไห่เหรินหวางรีบสร้างร่างแยกของตนเองขึ้นมา 1 ร่างทันที จากนั้นเขาส่งร่างแยกของตัวเองมุ่งหน้าไปที่เมืองมหาดาราด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อตามหาความจริงว่าสรุปแล้วเรื่องนี้มันเป็นยังไงมายังไงกันแน่
ระดับการบ่มเพาะของเขาตอนนี้อยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นสูง ดังนั้นต่อให้เป็นร่างแยกเขาก็ยังสามารถสำแดงอำนาจในขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดได้อย่างสบาย ๆ
อีกด้านหนึ่งกลุ่มคนที่ตี๋ฮ่าวส่งออกไปสืบว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงอยู่ที่ไหนก็ได้กลับมาแล้ว พวกเขารีบรายงานต่อเจ้านายของพวกเขาทันที “องค์ชาย พวกเราได้ข่าวกลุ่มคนที่ท่านตามหาแล้วตอนนี้พวกเขาเพิ่งเข้าไปอาศัยอยู่ในตระกูลกุยไห่!”
“ตระกูลมนุษย์? กุยไห่?” ตี๋ฮ่าวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
หากตระกูลกุยไห่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์ มันจะเป็นเรื่องยากกว่าเดิมที่เขาจะได้ตัวนาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขารีบสั่งกับคนสนิทของตัวเองทันที “ตี๋หยุน เจ้าจงรีบไปที่ตระกูลกุยไห่ไปเชิญนายน้อยอันดับสอง กุยไห่หนานชาน มาพบกับข้าเดี๋ยวนี้!”
“ผู้น้อยรับทราบ!” ตี๋หยุนพยักหน้า
เมื่อตี๋หยุนไปถึงตระกูลกุยไห่ เขารีบส่งต่อข้อความของเจ้านายเขาไปให้กับกุยไห่หนานชานทันที
กุยไห่หนานชานรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ตี๋ฮ่าวก็เชิญให้เขาไปพบแบบนี้ แต่ถึงแม้จะประหลาดใจเขาก็ยังตกลงที่จะไปพบ เพราะต่อให้เขาจะไม่อยากไป แต่ตี๋ฮ่าวคือองค์ชายของเผ่าอีกาทองคำ เขาจำเป็นต้องให้เกียรติ
“องค์ชาย ท่านอยากพบข้าเพราะอะไรงั้นเหรอ?” กุยไห่หนานชานถามตี๋ฮ่าวทันทีเมื่อพบหน้า
ตี๋ฮ่าวหัวเราะ “พี่หนานชานนี่คือชาฟู่ซาง ซึ่งเป็นชาที่มีเฉพาะในเผ่าอีกาทองคำของข้าเท่านั้น และมีน้อยคนมากที่จะมีโอกาสได้จิบมันสักจิบ ท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่าชาฟู่ซางของเผ่าข้ามีประโยชน์ต่อผู้ที่บ่มเพาะเต๋าธาตุไฟอย่างมหาศาล ซึ่งท่านเองก็บ่มเพาะเต๋าธาตุไฟอยู่ ท่านอยากจะลองมันสักหน่อยไหม?”
กุยไห่หนานชานมองไปที่ถ้วยชาด้วยแววตาเปล่งประกายทันที อย่างไรก็ตามดวงตาของเขาเปล่งประกายอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะเขารู้ดีว่าบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาเปล่า ๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายราคา
“องค์ชายทำไมท่านถึงไม่บอกข้ามาตรง ๆ ไปเลยว่าท่านอยากพบข้าทำไมกันแน่?” กุยไห่หนานชานยิ้ม
ตี๋ฮ่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “ท่านคงรู้อยู่แล้วว่าข้านั้นบ่มเพาะร่างสุริยะเทพอยู่ และการทำให้ร่างสุริยะเทพทะลวงระดับได้เร็วที่สุดก็คือต้องมีคู่บำเพ็ญเพียรที่มีร่างกายจันทราศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้พบกับหญิงสาวนางหนึ่งที่มีร่างกายที่ข้าตามหามานาน แต่การที่จะได้นางมาครอบครองนั้นข้าจะเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากท่าน พี่หนานชานท่านบ่มเพาะเต๋าธาตุไฟ ท่านไม่ได้บ่มเพาะร่างสุริยะเทพ ดังนั้นร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มีความจำเป็นต่อท่าน สิ่งที่มีประโยชน์กับท่านก็คือชาฟู่ซางของข้า ดังนั้นพวกเราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ท่านยินดีที่จะร่วมมือกับข้าไหม?”
กุยไห่หนานชานยิ้มและตอบกลับ “ให้พูดตามตรงข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายจันทราศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นมันคืออะไร แต่ในเมื่อองค์ชายยืนยันว่าเราจะได้ประโยชน์กันทั้งคู่ ถ้างั้นข้าก็คงต้องขอร่วมมือด้วย ว่าแต่ท่านจะให้ข้าช่วยยังไง?”
“ตอนนี้หญิงสาวที่มีร่างกายจันทราศักดิ์สิทธิ์อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลท่าน” ตี๋ฮ่าวค่อย ๆ เอ่ยขึ้น
“ตระกูลของข้า?” กุยไห่หนานชานแสดงสีหน้างุนงง
ตระกูลของเขามีคนร่างกายประหลาดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย? ถ้าหากหญิงสาวนางนั้นเป็นคนของตระกูลเขา เรื่องนี้เขาคงต้องไตร่ตรองดูใหม่!
เมื่อเห็นว่ากุยไห่หนานชานแสดงท่าทีลังเล ตี๋ฮ่าวรีบพูดขึ้นทันที “พี่หนานชานท่านอย่าได้เข้าใจผิด หญิงสาวผู้นั้นไม่ใช่คนของตระกูลท่าน นางเป็นแขกของตระกูลท่านที่เพิ่งเข้าไปพักในตระกูลท่านได้ไม่นานกับกลุ่มคนของนาง”
“จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา กลุ่มของนางล้วนเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งสำเร็จเต๋าทั้งหมด อันที่จริงหากคนกลุ่มนี้ไปอาศัยในตระกูลอื่นข้าคงบุกเข้าไปชิงตัวมาแล้ว แต่บังเอิญว่าพวกเขาเข้าไปอาศัยในตระกูลของท่าน ดังนั้นข้าจึงทำได้แต่ขอร้องท่านให้ช่วยเหลือข้าสักครั้ง และเพื่อเป็นการไม่ให้พวกเราสองตระกูลเข้าใจผิดกัน ก่อนหน้าที่ท่านจะมา ข้าได้ติดต่อกับทางตระกูลของข้าไปแล้ว และอีกไม่นานผู้อาวุโสของตระกูลข้าจะมาที่นี่เพื่อทำความเข้าใจกับตระกูลของท่านอีกที”