กุยไห่หนานชานรู้สึกโล่งใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของตี๋ฮ่าว

หากเป็นคนในตระกูลของเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ตกลง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นแค่เพียงแขกที่เพิ่งมาพักที่บ้านของเขา และกลุ่มของนางยังเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งสำเร็จเต๋าทั้งกลุ่ม ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรกับกลุ่มคนที่อ่อนแอแบบนี้

เอาหญิงสาวที่ไหนไม่รู้มาแลกเปลี่ยนกับชาฟู่ซางที่จะทำให้เขาทะลวงระดับเร็วขึ้น ทำไมเขาถึงจะไม่รับข้อเสนอที่ดีงามเช่นนี้? และที่สำคัญมากไปกว่านั้น ตี๋ฮ่าวยังบอกอีกว่าเดี๋ยวจะมีผู้อาวุโสจากเผ่าอีกาทองคำเดินทางมาอีกต่างหาก

ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าอีกาทองคำ ผู้อาวุโสที่กำลังเดินทางมาอย่างน้อย ๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นกับตระกูลเขา เขาจำเป็นต้องตัดสินใจให้ถูกต้อง

หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่คนตระกูลของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาจะส่งตัวนางออกไปเพื่อแลกกับผลประโยชน์ และไม่ทำให้ตระกูลของเขาตกที่นั่งลำบากมันก็ถือว่าคุ้มค่าจริงไหม?

กุยไห่หนานชานพยักหน้า “องค์ชาย ถึงแม้ว่ากลุ่มคนพวกนั้นจะไม่ใช่คนของตระกูลข้า แต่การที่พวกเขาเข้ามาพักในตระกูลของข้าได้มันก็แสดงว่าพวกเขารู้จักกับตระกูลของข้าเหมือนกัน ดังนั้นข้าคงไม่อาจลงมือตรง ๆ ได้ ข้าคงต้องหาใครสักคนมาบีบให้พวกเขาออกไปจากตระกูลของข้า และเมื่อพวกเขาออกไปแล้ว ข้ามั่นใจว่าองค์ชายคงจะสามารถจัดการต่อได้จริงไหม?”

ตึ๋ฮ่าวหัวเราะ “เอาแบบนั้นก็ได้! เอาล่ะพี่หนานชาน หลังจากนี้ข้าจะส่งชาฟู่ซางให้ท่าน 10 กล่อง!”

กุยไห่หนานชานหัวเราะอย่างพึงพอใจ

ด้วยชาฟู่ซาง 10 กล่อง เขามั่นใจว่าตัวเองจะทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่แม่น้ำมหาดาราสงบ เขาจะสามารถเข้าไปด้านในได้ปลอดภัยมากขึ้น

เมื่อคุยกันเสร็จ กุยไห่หนานชานรีบกลับไปที่ตระกูลของเขาทันที

ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็กำลังพักผ่อนอยู่ในเรือนรับแขกขนาดใหญ่ของตระกูลกุยไห่

“สามี คฤหาสน์ของตระกูลกุยไห่ช่างใหญ่โตจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของพี่สามใหญ่มากแล้ว ข้าไม่นึกเลยว่าที่นี่จะใหญ่มากกว่าหลายเท่า!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากเจ้าคิดว่าที่นี่ใหญ่แล้ว เอาไว้เจ้าไปเห็นตำหนักของข้าก่อนเจ้าจะคิดว่าที่นี่มันเล็กไปเลย!”

“สามีตำหนักของท่านใหญ่กว่านี้อีกเหรอ? มันใหญ่แค่ไหนกัน?” จ้าวเหมิงลู่เอ่ยถามขึ้นแทรกทันที

มี่ไลเหล่มองไปที่หลิงตู้ฉิง จากนั้นนางตอบแทนว่า “ตำหนักของเขาใหญ่กว่าที่นี่เกินร้อยเท่า! แต่อันที่จริงคฤหาสน์นี้เป็นเพียงแค่สถานที่พักชั่วคราวของตระกูลกุยไห่เพื่อเอาไว้รอเข้าแม่น้ำมหาดาราเท่านั้น คฤหาสน์หลักจริง ๆ ของพวกเขาก็ใหญ่กว่านี้เหมือนกันและมันไม่ได้อยู่ที่นี่ ส่วนตำหนักไร้หทัยนั้นนับได้ว่าเป็นตำหนักที่ติด 1 ใน 3 อันดับที่ใหญ่ที่สุดของโลก”

“น่าเสียดายที่ในอดีตข้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาบนโลกเบื้องบน ไม่งั้นข้าคงมีตำหนักสวย ๆ เป็นของตัวเองสักหลัง…” หวงซีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่

เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของหวงซี หลิงตู้ฉิงรีบพูดขึ้นทันที “ไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะสร้างตำหนักให้พวกเจ้าทุกคนในแบบที่พวกเจ้าต้องการ ข้ารับรองว่าตำหนักของพวกเจ้าจะไม่น้อยหน้าใครแน่นอน”

ในระหว่างที่พวกเขาทุกคนกำลังคุยกัน จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็เหลือบไปมองด้านนอกเรือนด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

เขาเหลือบไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อ

ไม่นานต่อมากลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาด้านในเรือน พร้อมกับหนึ่งในกลุ่มคนตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล “พวกเจ้าบังอาจมากเกินไปแล้ว! นายของข้าอุตส่าห์อนุญาตให้พวกเจ้าเข้ามาอยู่อาศัยได้อย่างสบาย แต่พวกเจ้ากลับไม่สำนึกบุญคุณทำตัวเป็นหัวขโมย! พวกเจ้ารีบคืนสมบัติของคุณชายรองมาเดี๋ยวนี้!”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญที่จู่ ๆ ก็เข้ามากล่าวหาเขาแบบลอย ๆ ด้วยสายตาขบขัน จากนั้นเขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของกำแพงเรือน ซึ่งอยู่ในมุมอับและพูดว่า “ใช้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นรึเปล่าที่พวกเจ้ากำลังตามหา?”

เมื่อพูดจบหลิงตู้ฉิงส่งพลังไปปลดผนึกที่ปกปิดอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้คลายออกทันที ส่งผลให้ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่มุมกำแพงเรือนมีธงเล็ก ๆ ธงหนึ่งซ่อนอยู่

เมื่อเห็นธงปรากฏขึ้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญตะโกนลั่นทันที “นั่นไง! นั่นมันธงของคุณชายรอง ธงเพลิงเก้าสุริยะ! พวกเจ้านี่มันสารเลวจริง ๆ ที่บังอาจขโมยสมบัติของพวกเราไปแบบนี้!”

“ไอ้พวกหัวขโมยพวกเจ้ารีบไสหัวออกไปจากตระกูลของพวกเราเดี๋ยวนี้! ตระกูลของเราไม่ต้อนรับหัวขโมยอย่างพวกเจ้า รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญต่างตะโกนด่าอย่างรุนแรง ในระหว่างที่จ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าไม่ยินยอม

พวกนางทั้งหมดต่างมีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์กันอยู่แล้ว พวกนางจะไปเอาของคนอื่นอีกทำไม? และที่สำคัญตั้งแต่มาถึงพวกนางยังไม่เคยออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ!

มี่ไลมองไปที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ จากนั้นนางมองไปที่หลิงตู้ฉิง นางอยากจะรู้ว่าสามีของนางจะเล่นอะไรต่อ

แน่นอนว่านางมั่นใจว่าหลิงตู้ฉิงสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างสบาย ๆ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้พวกนางกำลังถูกจัดฉากอยู่

หลิงตู้ฉิงยิ้มและส่ายหัว “พวกข้าคงไม่ออกไปแน่นอน ส่วนไอ้ธงนั่นไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มันเพิ่งมีคนเอามาซ่อนไว้ไม่ใช่เหรอไง แถมตอนนี้จิตสำนึกของคนวางมันเอาไว้ก็กำลังดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไม่ใช่งั้นเหรอ? ข้าพูดถูกไหม?”

หลิงตู้ฉิงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าเหนือสวนหย่อมหน้าเรือน

ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ เศษเสี้ยวจิตสำนึกของกุยไห่หนานชานหายไปทันที แต่จากนั้นมันเป็นร่างจริงของเขาที่ปรากฏกายขึ้นแทนพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เขาไม่เข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งสำเร็จเต๋าเห็นจิตสำนึกของเขาได้ยังไง?

หรือว่าคนผู้นี้จะฝึกฝนวิชาดวงตาเทวะ?

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ถามพี่ของเจ้าเอาสิว่าข้าเป็นใคร”

กุยไห่หนานชานจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “เจ้ามันก็เป็นแค่แขกคนหนึ่งที่พี่ข้าอุตส่าห์อนุญาตให้เจ้าเข้ามาอยู่อาศัยเท่านั้น! พี่ของข้าอุตส่าห์ใจดีแต่เจ้ากลับทำตัวเป็นหัวขโมยลักสมบัติของข้าไป เจ้าไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไรอีก จงออกไปจากตระกูลของข้าซะ ไม่งั้นข้าจะโยนเจ้าออกไปด้วยตัวเอง!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเจ้าเองหรือว่ามีคนอื่นบอกให้เจ้าทำ?”

“อย่าพูดจาไร้สาระกับข้า จงเก็บข้าวของแล้วออกไปจากตระกูลของข้าซะ ไม่งั้นเจ้าได้เจอดีแน่!” กุยไห่หนานชานตวาดขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “น่าสนใจจริง ๆ นี่มันน่าสนใจจริง ๆ! ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ากุยไห่เหรินหวางเป็นคนที่น่าสนใจอยู่พอสมควร แต่ไม่นึกเลยว่าลูกชายทั้งสองคนของเขาจะน่าสนใจกว่าซะอีก คนหนึ่งจัดฉากหาว่าข้าขโมยของ ส่วนอีกคนหนึ่งที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กลับทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แอบดูเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ ตระกูลกุยไห่เดี๋ยวนี้น่าสนใจขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ?”

“นี่เจ้ากล้าเอ่ยชื่อพ่อของข้าตรง ๆ แบบนี้ได้ยังไง?” กุยไห่หนานชานตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลทันที “ในเมื่อเจ้าหยาบคายแบบนี้ งั้นข้าคงต้องสั่งสอนให้เจ้ารู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะบ้าง!”

เมื่อพูดจบ กุยไห่หนานชานพุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงทันที หวังว่าจะอัดให้น่วมและค่อยจับโยนออกไปจากคฤหาสน์

แต่แล้วก่อนที่กุยไห่หนานชานจะทันได้พุ่งไปถึงตัวของหลิงตู้ฉิง กุยไห่ไป๋ฉวนdhปรากฏกายขวางน้องชายของเขาเอาไว้ภายในพริบตา

“หยุดเดี๋ยวนี้!” กุยไห่ไป๋ฉวนตวาดขึ้น

ในตอนนี้บนหน้าผากของกุยไห่ไป๋ฉวนนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต