เทียบกับวิกฤติอันใหญ่หลวง ตั้งแต่เข้ามาห้วงกาลแดน นอกจากจะพบเจอผู้แข็งแกร่งเทพมารสามคน หลัวซิวไม่พบอันตรายอื่นใดที่นี่อีก

สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยอย่างมาก ว่ากันตามหลักด้วยวิธีการต่าง ๆ ของเทพสงครามเอกภพ เหตุใดจึงจะไม่มีการสร้างสิ่งอื่น ๆ ไว้ที่นี่?

หลัวซิวค้นหาสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลและเงียบสงบ จากนั้นก็ได้สร้างค่ายกลมากมายเอาไว้ในบริเวณรอบ ๆ ที่แห่งนี้ปิดซ่อนสถานที่แห่งนี้ และเก็บซ่อนออร่า

นอกจากช่องจิตสองลูกและแก้วเทวหลายชิ้นแล้ว หลัวซิวยังได้รับแหวนเก็บของติดตัวของเทพปีศาจนู่เจียงและเทพมารอสูรวานรฟ้าอีกด้วย สมบัติมากมายด้านในนั้นมันช่างละลานตาไปหมด

ผู้แข็งแกร่งเทพมารแต่ละคนอย่างน้อยก็ต้องมีชีวิตมามากกว่าหมื่นปี การสะสมและทับถมกันเป็นเวลานับหมื่นปี ทำให้การสะสมและความมั่งคั่งของผู้แข็งแกร่งเทพมารเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์

แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าอัศจรรย์นี้ เป็นเพียงแค่คำพูดของจอมยุทธ์ระดับต่ำกว่าเทพมารลงไปเท่านั้น หากเทียบกันภายในบรรดาผู้แข็งแกร่งเทพมาร สมบัติของเทพปีศาจนู่เจียงและเทพมารอสูรวานรฟ้ามันช่างดูไม่สมเกียรติเอาเสียเลย

ในอดีตที่ผ่านมา ตัวของเขาแยกออกกลายเป็นสองร่าง ทุกร่างต่างก็มีผลการฝึกตนเป็นแดนเจ้ายุทธจักรขั้นหนึ่ง

แต่เมื่อสองร่างรวมเป็นหนึ่ง ร่างแยกทั้งสองผสานเข้ากันกลายเป็นร่างหลัก ก็ทำให้ผลการฝึกตนของร่างหลักยกระดับขึ้นไปถึงเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าในทันที

ดูเหมือนว่าจะได้ประโยชน์มากมาย แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับทำให้หลัวซิวไม่มีประสบการณ์ของเจ้ายุทธจักรขั้นสองถึงขั้นแปด ขาดการสัมผัสรู้ของแดนเล็กเหล่านั้น

ในระยะสั้นอาจไม่มีอะไรให้ดูมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลการฝึกตนยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้น จะปรากฎปรากฎการณ์ฐานรากไม่มั่นคง กระทบต่อการเข้าแดนในอนาคต

ดังคำกล่าวที่ว่า เขื่อนยาวสามารถถูกทำลายได้ด้วยรูมดขนาดเล็ก ที่โลกยุทธ์บนเส้นทางการฝึกตนแห่งนี้ รากฐานนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด

ในการปิดขังครั้งนี้ หลัวซิวไม่ได้วางแผนว่าจะยกระดับผลการฝึกตน แต่เป็นการเติมเต็มการสัมผัสรู้ของแดนที่ขาดหายไป หากได้เติมเต็มการสัมผัสรู้ของแดนเหล่านี้ พลังของเขาก็จะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ตามการแบ่งลำดับแดนโลกยุทธ์ที่สืบทอดกันมา แดนเจ้ายุทธจักรนี้จะเริ่มตระหนักรู้กฎ สัมผัสถึงความลึกลับและความแข็งแกร่งของพลังแห่งกฎ

ผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรส่วนใหญ่ต่างก็ตระหนักรู้ระดับของกฎ เจ้ายุทธจักรกลุ่มน้อยที่มีพลังแข็งแกร่งมากสามารถบรรลุถึงระดับของกฎครอบครองช่วงต้น สำหรับเหล่าบรรดาผู้ที่สามารถยกระดับกฎสัมผัสรู้ให้ถึงแดนสำเร็จน้อยในขณะที่อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักรได้นั้น ก็คือเหล่าอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ล้ำค่าและหายาก

หลัวซิวก็ถือว่าเป็นอย่างหลัง ที่โลกแสงดาวเรียกได้ว่าเป็นมีเอกลักษณ์ที่หนึ่ง แต่หากอยู่ที่โลกพิภพที่สูงกว่านี้ ก็ไม่ได้ดูโดดเด่นมากถึงเพียงนั้นแล้ว

เหตุที่พลังต่อสู้ของเขาเทียบเท่าเทพมาร ได้อาศัยการผสานรวมของสองระดับความเป็นตายเกิดเป็นพลังเทพดั้งเดิม สมมุติว่าไม่พูดถึงเรื่องนี้ พลังของเขาอย่างมากที่สุดก็สามารถเทียบได้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงต้นเท่านั้น

“อาศัยเพียงสมบัติทรัพยากร หมายจะเพิ่มระดับผลการฝึกตนของข้านั้นยากมาก”

ทุกวันนี้ ในมือของหลัวซิวมีทรัพยากรมากมายที่สามารถยกระดับผลการฝึกตนได้ ด้วยระดับปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ของเขาในตอนนี้ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากในการกลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 จำนวนมหาศาล

แต่ยาเพิ่มระดับผลการฝึกตน เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งยาชนิดเดียวกัน เมื่อปริมาณถึงระดับหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็จะลดลง

สำหรับจอมยุทธ์แล้วนั้น บางทียังไม่ถึงจุดหนึ่ง กินยาเข้าไปจำนวนมหาศาลก็ยังไม่สามารถยกระดับผลการฝึกตนได้ แต่หลัวซิวนั้นกลับไม่ใช่

เขาต้องการบรรลุจากเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ไม่แตกต่างกับระดับความยากของการที่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์บรรลุถึงแดนเทพมาร

เพียงพริบตาเดียว เวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป ในช่วงเวลานี้ การเพิ่มพลังของหลัวซิวมีขีดจำกีด แดนสัมผัสรู้ก็เติมเต็มถึงเพียงเจ้ายุทธจักรขั้นสามเท่านั้น