กุยไห่เหรินหวางมาถึงทันได้ยินประโยคที่ลูกชายของตัวเอง กุยไห่หนานชานเอ่ยขึ้นพอดี
ถึงแม้ว่าในโลกเบื้องล่างมนุษย์จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่บนโลกเบื้องบนนั้นไม่ใช่
บนโลกเบื้องบนนั้นมีเผ่าพันธุ์อยู่มากมายที่มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับเผ่ามนุษย์ ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่มนุษย์แตกแยกและอ่อนแอลง เผ่าอื่น ๆ ก็พร้อมที่จะกลืนกินเผ่ามนุษย์ได้ทุกเมื่อ ดังนั้นกุยไห่เหรินหวางจึงถือว่าการกระทำของลูกชายของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้
เมื่อถูกตำหนิเช่นนี้ กุยไห่หนานชานรีบคุกเข่าลงพูดขอโทษพ่อของเขาทันที แต่ในใจของเขานั้นไม่ได้รู้สึกสำนึกอะไรเลย เขายังคงรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าด้วย!” กุยไห่หนานชานเอ่ยขึ้น
กุยไห่เหรินหวางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “หลังจากนี้จงกลับไปที่คฤหาสน์หลักของตระกูล และไปนั่งหน้ากำแพงสำนึกผิด 3,000 ปี!”
“ท่านพ่ออีก 2,000 ปี แม่น้ำมหาดาราจะสงบแล้ว ถ้าท่านลงโทษข้า 3,000 ปี ข้าก็พลาดโอกาสเข้าไปในแม่น้ำมหาดาราน่ะสิ!” กุยไห่หนานชานโอดครวญเสียงดัง
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าเขาไม่อยากจะยอมรับผิดอยู่แล้ว ในตอนนี้เขายิ่งไม่อยากยอมรับผิดมากไปกันใหญ่ ถึงแม้ว่าแม่น้ำมหาดาราจะอันตราย แต่มันก็เป็นความฝันของเขาที่อยากจะเข้าไปให้ได้
“ถ้างั้นก็จงคิดซะว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เข้าไปในแม่น้ำมหาดารา!” กุยไห่เหรินหวางตวาดกลับ “หลังจากเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ เจ้าต้องตามข้ากลับไปรับโทษทันที!”
เมื่อรู้ว่าตัวเองหมดโอกาสที่จะได้เข้าไปในแม่น้ำมหาดารา กุยไห่หนานชานหันไปจ้องเขม็งที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาอาฆาตทันที
หากไม่ใช่เพราะคนกลุ่มนี้ วันนี้เขาก็คงไม่ถูกลงโทษแบบนี้!
อย่างไรก็ตามพ่อของเขายังคงอยู่ตรงนี้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าที่จะทำอะไร
กุยไห่เหรินหวางไม่ใส่ใจกับสายตาของลูกชายตนเองที่มองไปยังกลุ่มของ ‘เหยื่อ’ อย่างอาฆาตสักเท่าไหร่ เขาหันไปถามลูกชายของเขาอีกคนกุยไห่ไป๋ฉวน “กลุ่มคนที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน พาข้าไปหาพวกเขาที”
กุยไห่ไป๋ฉวนผายมือไปที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า “ท่านพ่อ เป็นคนกลุ่มนี้แหละที่เป็นเจ้าของอักษรเต๋า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กุยไห่เหรินหวางมองไปที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงทันที
ในตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตกลุ่มของหลิงตู้ฉิงสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ในตอนนี้เมื่อเขาลองสังเกตดูดี ๆ ดวงตาของเขาก็ฉายแววตกตะลึงออกมาอย่างชัดเจน
ในฐานะที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชา มันจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สายตาของเขาจะดีกว่าลูกชายของเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
เมื่อจ้องดูดี ๆ เขาสังเกตเห็นได้ว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ข้างกายชายหนุ่มปริศนามีร่างกายอันแสนจะวิเศษทุกคน!
“พวกนางทุกคนเป็นภรรยาของเจ้างั้นเหรอ?” กุยไห่เหรินหวางเอ่ยถามขึ้นไปยังหลิงตู้ฉิง
กุยไห่เหรินหวางหวังว่าถ้าผู้หญิงเหล่านี้คนไหนไม่ใช่ภรรยาของชายหนุ่มปริศนา เขาจะโน้มน้าวให้นางมาแต่งงานกับอัจฉริยะในตระกูลของเขาทันที
หลิงตู้ฉิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าและพูดว่า “พวกนางเป็นภรรยาของข้าทั้งหมด!”
กุยไห่เหรินหวางส่ายหัวด้วยความเสียดาย จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและถามขึ้น “เจ้าได้รับอักษรเต๋าของข้ามาจากที่ไหน?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาวาดอักษรเต๋าของกุยไห่เหรินหวางขึ้นบนอากาศให้ทุกคนได้เห็นแทนคำตอบ
สีหน้าของกุยไห่เหรินหวางเปลี่ยนเป็นตกตะลึงปนสับสนทันที
หลังจากตกตะลึงอยู่สักพัก กุยไห่เหรินหวางพูดขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน “ข้ายอมรับว่าเจ้าเขียนอักษรเต๋าได้เก่งมาก เจ้าเขียนมันได้เหมือนกับที่ข้าเขียนได้ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สิ่งนี้กลับพิสูจน์ว่าอักษรเต๋าที่เจ้าเอาออกมาแสดงให้ลูกชายข้าดูมันไม่ใช่อันเดียวกับที่ข้ามอบให้ผู้อาวุโสผู้นั้น!”
การที่ชายหนุ่มผู้นี้สามารถเขียนอักษรเต๋าของเขาได้ มันหมายถึงชายหนุ่มผู้นี้เข้าใจในเต๋าของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ซึ่งนี่มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่เพิ่งสำเร็จเต๋าจะสามารถทำได้!
กุยไห่เหรินหวางรู้สึกสับสนและประหลาดใจเป็นอย่างมาก
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ถูกต้อง อักษรเต๋าที่เจ้าเคยมอบให้ข้าเอาไว้ตอนนั้นมันหายไป ข้าจึงจำเป็นต้องวาดมันขึ้นมาใหม่แบบนี้แหละ”
กุยไห่เหรินหวางอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที “ผู้อาวุโสที่แท้ก็เป็นท่านนี่เอง! ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะกลับมาหาข้าแบบนี้!”
ในตอนนี้กุยไห่เหรินหวางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และคำถามในใจทั้งหลายของเขาก็ได้คำตอบทั้งหมด
“ท่านพ่อ เขาเป็นใครกัน?” กุยไห่หนานชานถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
เมื่อได้ยินเสียงลูกชายของตัวเอง สีหน้าของกุยไห่เหรินหวางเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที เขารีบพูดขึ้น “เร็วเข้า เจ้ารีบเอ่ยขออภัยผู้อาวุโสเดี๋ยวนี้!”
ในตอนแรกเขารู้สึกเบิกบานที่เจอหลิงตู้ฉิง แต่ตอนนี้เมื่อเขานึกได้ถึงเรื่องที่ลูกชายของเขาเพิ่งทำลงไป เขาก็เริ่มรู้สึกตื่นตระหนก
ลูกชายของเขาบังอาจจัดฉากเพื่อชิงตัวภรรยาของคนที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาในชีวิตไปให้กับคนอื่น แค่เขาคิดแค่นี้มันก็ทำให้เหงื่อของเขาผุดขึ้นจนชุ่มเต็มหลังแล้ว!
กุยไห่หนานชานรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม เขาถามกลับทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมข้าต้องขอโทษไอ้พวกคนเหล่านี้ด้วย!”
กุยไห่หนานชานไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร เขาคิดแค่ว่าการให้เขาขอโทษผู้สำเร็จเต๋ามันเป็นเรื่องที่เสียเกียรติเป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโส…” กุยไห่เหรินหวางมองไปที่หลิงตู้ฉิงโดยที่ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไงต่อ
เขาควรจะเปิดเผยตัวตนให้ลูกชายของเขารู้ดีไหม?
ตอนนี้ทั้งโลกกำลังตามหาตัวหลิงตู้ฉิงกันอยู่ หากเขาบอกให้ลูกชายของเขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร แล้วลูกชายของเขาเผลอทำข้อมูลนี้หลุดออกไปมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล เจ้าบอกไปได้เลยว่าข้าเป็นใคร!”
“หนานชาน ผู้อาวุโสผู้นี้คือเจ้าตำหนักไร้หทัย เจ้ารีบคุกเข่าลงขออภัยผู้อาวุโสเขาเดี๋ยวนี้!” กุยไห่เหรินหวางรีบตะโกนใส่ลูกชายของเขาทันที
สีหน้าของกุยไห่หนานชานเปลี่ยนเป็นโง่งมทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาเยือนบ้านของเขาทำไม?
“ผู้อาวุโสโปรดอภัยให้กับข้าด้วยที่ล่วงเกินท่านไป ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นท่าน!” กุยไห่หนานชานคุกเข่าลงทันที
กุยไห่หนานชานตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาได้ยินเรื่องเล่าของหลิงตู้ฉิงมามากมายว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งระดับไหนในอดีต ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมคุกเข่าขอโทษ
แต่แล้วหลังจากที่อาการตกตะลึงจางหายไป ความคิดใหม่ ๆ มากมายก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
บนโลกเบื้องบนมีผู้คนมากมายที่กำลังตามหาหลิงตู้ฉิงอยู่ ถ้าเขาเอาข่าวนี้ไปบอกคนอื่น ๆ รางวัลที่เขาจะได้มันคง…
หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่กุยไห่หนานชานทันที จากนั้นเขาเอ่ยว่า “ธงของเจ้าดูไม่เลว! ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาวุธเต๋า แต่มันก็ใกล้จะพัฒนาไปเป็นอาวุธเต๋า”
กุยไห่หนานชานงุนงง ไม่เข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงเอ่ยชมธงของเขาทำไม
กุยไห่เหรินหวางตวาดใส่ลูกชายของเขาทันที “มอบธงของเจ้าให้กับผู้อาวุโสเดี๋ยวนี้!”
กุยไห่หนานชานรู้สึกเดือดดาลทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงเดินไปหาหลิงตู้ฉิงและมอบธงของเขาให้แต่โดยดี
“แหวนของเจ้าก็ดูไม่เลวเหมือนกัน” หลิงตู้ฉิงมองไปที่หน้าของกุยไห่หนานชาน และเอ่ยขึ้นต่อ
กุยไห่หนานชานถอดแหวนมอบให้ด้วยสีหน้าอดกลั้นสุดขีด
“เสื้อของเจ้าปักลายได้ถูกใจข้าจริง ๆ!”
กุยไห่หนานชานรู้สึกได้ว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังพยายามทำให้เขาอับอาย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอดเสื้อของตัวเองมอบให้กับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงถือสิ่งของทั้งหมดของกุยไห่หนานชานเอาไว้ในมือ จากนั้นเขาเอ่ยถามขึ้น “ตอนนี้เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องขโมยของของเจ้ารึเปล่า?”
กุยไห่หนานชานก้มหน้าไม่เอ่ยอะไร
ตอนนี้กุยไห่หนานชานเข้าใจแล้วว่าหลิงตู้ฉิงกำลังแสดงให้เห็นว่าถ้าเขาอยากได้อะไร สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เอ่ยปากเท่านั้นไม่จำเป็นต้องขโมยให้มันยุ่งยาก!
“ส่งเขาไปเกิดใหม่และปิดผนึกความทรงจำของเขา 50,000 ปี!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับโยนสิ่งของทั้งหมดของกุยไห่หนานชานไปยังกุยไห่เหรินหวาง
“ผู้อาวุโส!” กุยไห่เหรินหวางโอดครวญด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาไม่นึกว่าหลิงตู้ฉิงจะลงโทษลูกชายของเขาหนักขนาดนี้
กุยไห่ไป๋ฉวนรีบพูดขึ้นเช่นกัน “ผู้อาวุโส ได้โปรดให้โอกาสน้องชายข้าอีกสักครั้งเถอะ!”
เมื่อมาถึงจุดนี้กุยไห่หนานชานทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาตะโกนขึ้นเสียงดัง “ข้ายอมรับว่าข้าล่วงเกินเจ้า แต่เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าตายในบ้านของข้า เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าตอนนี้เจ้ากำลังอยู่ในบ้านของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาบงการอะไรทั้งนั้น!”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ? งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าให้โอกาสเจ้าสู้กับข้าดีไหม?”
“ได้เลยข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!” กุยไห่หนานชานลุกขึ้นทันที “ท่านพ่อคืนอาวุธมาให้ข้าด้วย! ข้าจะสู้กับมัน มันก็แค่อาศัยชื่อเสียงในอดีตข่มขู่คนอื่น คนแบบนี้ข้าไม่กลัวหรอก!”
“หุบปากแล้วคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” กุยไห่เหรินหวางตวาดขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวไปกดไหล่ลูกชายของตนเองบังคับให้คุกเข่าลง จากนั้นเขาพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่นว่า “ผู้อาวุโส โปรดอธิบายให้ข้าเข้าใจสักหน่อยจะได้ไหม หากท่านต้องฆ่าลูกชายของข้าจริง ๆ ท่านคงทำไปนานแล้วไม่รอให้ข้ามาถึงที่นี่ก่อนแน่นอน แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสกลับบอกให้ข้าลงมือฆ่าเขาด้วยตัวของข้าเอง ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสจะต้องมีเหตุผลบางอย่างจริงไหม?”
เขาคือคนที่เคยอยู่ในยุคเดียวกับตอนที่หลิงตู้ฉิงกำลังโด่งดังสุดขีด ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงน่ากลัวขนาดไหน
อันที่จริงต่อให้ไม่ใช่หลิงตู้ฉิงแต่เป็นผู้เป็นเชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพคนอื่น ๆ ที่เกิดใหม่มาอยู่ในระดับผู้สำเร็จเต๋า ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างลูกชายของเขาจะสามารถต่อกรได้
ดังนั้นเขาจึงไม่ข้องใจในความสามารถของหลิงตู้ฉิงแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คือเหตุผลว่าทำไมต้องให้เขาลงมือเอง?