ในการต่อสู้ระดับสูง มีโอกาสน้อยมากที่จะใช้ยันต์ให้สำเร็จ นั่นเพราะไม่มีใครคิดจะปล่อยให้คู่ต่อสู้ท่องคาถาจนจบ สาเหตุที่ทริสซี่สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะเธอทำการแผดเผาจากภายในออกสู่ภายนอก ต้องขอบคุณเปลวไฟสีดำที่ดูชั่วร้าย พวกมันคล้ายกับดูดซับความร้อนในบริเวณใกล้เคียงไว้ทั้งหมดจนทำให้เกิดผลึกน้ำแข็งหนา ด้านนอกผลึกน้ำแข็งยังมีใยแมงมุมล่องหนที่พันซ้อนทับกันหลายชั้นจนเกิดเป็นรังไหม
อาศัยการป้องกันสามชั้น ทริสซี่ถ่วงเวลาไว้ได้หนึ่งถึงสองวินาที จึงรีบหยิบยันต์เพชรรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาและเปล่งเสียง
วันวาน!
เปลวไฟสีใสลุกโชนท่ามกลางเพลิงสีดำที่ดูชั่วร้าย ยันต์เพชรสลายตัวไปอย่างเงียบงันและหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่า
ไคลน์มอบสิ่งนี้ให้กับแม่มด โดยหวังว่าการโจมตีจากทั้งสามทิศทางจะมีจุดใดจุดหนึ่งสร้างความเสียหายได้สำเร็จ
ทริสซี่มองเห็นสายหมอกสีเทา มองเห็นจุดแสงซึ่งเป็นฉากในอดีต เรียงรายหนาแน่นราวกับทะเลดวงดาว
ประกอบด้วยภาพสมัยเด็กของเธอที่เตร็ดเตร่ไปตามท้องถนน ตอนนั้นยังถูกแก๊งอันธพาลควบคุมตัว ถูกบังคับให้ฉ้อโกงและปล้นจี้ชาวบ้าน จนกระทั่งเข้าร่วมกับชุมนุมสัมผัสวิญญาณและกลายเป็นนักลอบสังหาร เขาเริ่มมีความสุขกับการปลิดชีวิตผู้อื่น สังหารหมู่ และคอยกระตุ้นให้ผู้คนเผยใบหน้าที่แท้จริงหลังหน้ากาก จนกระทั่งเขากลายเป็นเธอ กลายเป็นแม่มด เริ่มสร้างภัยพิบัตินานาชนิด แต่ในภายหลัง ภายใต้การจัดแจงของนิกายแม่มด ทริสซี่ถูกส่งตัวไปเป็นภรรยาลับของเจ้าชายเอ็ดซัค ยิ่งเวลาผ่านไป ความเป็นตัวเองก็ยิ่งลดลงเนื่องจากหลงมัวเมาไปกับความสุขสม แม้จะพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้น แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงถลำลึกเข้าไปในนรกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ขณะครุ่นคิด ภาพการมองเห็นของทริสซี่ขยายเข้าไป
ภายในจุดแสงดังกล่าว สนามหญ้าด้านนอกหน้าต่างมีสีเขียวขจี กลุ่มม้ากำลังเดินอ้อยอิ่ง มองเห็นหลุมกอล์ฟได้จากจุดห่างไกล และภายในบ้านมีตู้จัดแสดงที่บดบังทัศนียภาพบางส่วนจากประตู
ทริสซี่ในอดีตกำลังยืนริมขอบฉาก มองออกไปด้านนอก มือซ้ายสวมแหวนไพลิน
ในตอนนั้นเธอยังไม่ใช่ผู้วิเศษลำดับห้า และไม่มีพลังใดควรค่าแก่การให้ตัวตนในปัจจุบันหยิบยืม ทว่าเธอมีแหวนของนิกายแม่มดที่เกี่ยวพันกับแม่มดบรรพกาลอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่ทริสซี่ต้องการจะยืมคือแหวน!
เพียงพริบตา แหวนไพลินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปรากฏขึ้นบนนิ้วก้อยของทริสซี่ แตกต่างจากในอดีต ปัจจุบันเธอมีอักขระพิเศษที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนต่อแม่มดบรรพกาล และนั่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เธอกลายเป็นครึ่งเทพลำดับสี่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าร่างจริงจะยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเป็น ‘ภาชนะ’ ให้ทวยเทพสถิต แต่ตอนนี้มีเพียงพอแล้ว
แหวนไพลินช่วยให้ทริสซี่ได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง
เฝ้ามองฉากในอดีตเป็นครั้งสุดท้าย ทริสซี่ทำลายรังไหมใยแมงมุม ละลายผนึกน้ำแข็งหนาอย่างเงียบงัน จนกระทั่งเปลวไฟสีดำเริ่มสลายตัว หญิงสาวยกมือซ้ายขึ้น หลับลงตาพลางแสยะยิ้ม จากนั้นก็เลื่อนแหวนไพลินสัมผัสกับหว่างคิ้ว
แหวนหลอมละลายราวกับโลหะ ไหลซึมเข้าสู่ศีรษะของทริสซี่ในลักษณะกึ่งจริงกึ่งมายา
เมื่อเปลวไฟสีดำถูกเจ้าชายโกรฟละลายจนหมด หอกแสงเล่มยาวที่ลุกโชติช่วงได้ถูกยิงใส่หญิงสาว
ด้านหน้าคมหอก ปีกสีขาวทยอยกางออกทีละคู่ ห่อหุ้มปลายหอกประหนึ่งเทวทูตโอบกอด อำนาจของมันคือการผนึกพื้นที่โดยรอบทั้งหมด ส่งผลให้เป้าหมายมิอาจหลบหนี
ในเวลาเดียวกัน ทริสซี่ลืมตาขึ้น เป็นดวงตาสีดำสนิท
เส้นผมของเธอลอยขึ้นไปในอากาศ ทุกเส้นขยายขนาดจนเท่ากับอสรพิษตัวเล็ก พื้นผิวมันวาวและดูชั่วร้าย สุดปลายเป็นหัวงูฝังลูกตาสีดำขาว ปากอ้าออกเล็กน้อยพร้อมกับแลบลิ้นสองแฉก
หอกที่ควบแน่นจากแสงบริสุทธิ์หยุดลงตรงหน้าทริสซี่ประหนึ่งถูกยันไว้ด้วยมือล่องหน มิอาจเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้แม้แต่นิ้วเดียว
หอกแสงเปลี่ยนเป็นสีเทาอย่างรวดเร็ว จากมายากลายเป็นจริง ราวกับหอกที่แกะสลักจากหิน
หอกตกลงพื้นกระแทกขอบผาชัน กระจัดกระจายกลายเป็นเศษผง
รอบตัวทริสซี่ สีเทาอ่อนกระจายออกไปเป็นวงกว้างในทุกทิศทางประหนึ่งมีชีวิตชีวา ทุกจุดที่พวกมันผ่าน หินจะยิ่งทวีความแข็ง ส่วนวัตถุประเภทอื่นจะถูกทำให้กลายเป็นหิน
พิธีกรรมต่าง ๆ ภายในโบราณสถานหมายเลขหนึ่งถูกย้อมด้วยสีเทาทันที ส่งผลให้เทวทูตที่คอยปกป้องสุสานลับแห่งอื่นมิอาจค้นพบความผิดปรกติของที่นี่และรุดมาช่วยเหลือ
เพียงพริบตาเจ้าชายโกรฟถูกรายล้อมด้วยสีเทาที่แผ่ขยายเข้ามาในความว่างเปล่า และทำได้เพียงพึ่งพาแสงจากมงกุฎหนามเหนือศีรษะในการสร้างเขตปลอดภัยอันคับแคบรอบตัว หมดสิทธิ์ใช้งานพลัง ‘ห้าม’ โดยสิ้นเชิง
ทริสซี่ซึ่งดวงตาปราศจากสีขาว ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองคู่ต่อสู้ เพียงย่างกรายไปทางสุสานลับด้านล่างหุบเขาอันมืดมิดในสภาพเส้นผมอสรพิษชี้ขึ้นฟ้า
บึ้ม!
ผืนดินสั่นสะเทือนรุนแรง ส่วนลึกของหุบเหวส่งเสียงพังทลายแผ่วเบา ขณะเดียวกัน อุกกาบาตสีแดงหางเป็นเปลวเพลิง ผุดขึ้นจากความว่างเปล่าและพุ่งผ่านแม่มดทริสซี่ไปทางสุสานลับ
เพียงพริบตาโบราณสถานการณ์กำลังเผชิญหน้าหายนะ
จอร์จที่สามซึ่งกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการดื่มโอสถ สัมผัสถึงเหตุการณ์ดังกล่าวและผุดความโกรธเคืองเจือสับสน
มันแบ่งพลังออกมาบางส่วนอย่างยากลำบาก อาศัยการเตรียมการล่วงหน้า จอร์จที่สามส่งพลัง ‘บิดเบือน’ ไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อแยกสุสานลับออกจากโลกแห่งความจริง ป้องกันมิให้อุกกาบาตและแผ่นดินไหวสัมผัสกับสุสาน
บึ้ม! ครืน!
ท่ามกลางภัยพิบัติ หน้าผาชันทรุดตัวลงทีละนิด โบราณสถานเริ่มถูกทำลายไปทีละส่วน ทันใดนั้น น้ำเสียงเจือความโกรธของจอร์จที่สามดังมาจากภายในสุสานลับที่มีโลกเป็นของตัวเอง
“เธอเสียสติไปแล้วหรือ?”
สำหรับผู้วิเศษลำดับ 4 การฝืนเป็นภาชนะให้ทวยเทพ ชะตากรรมเดียวที่รออยู่คือความตาย!
ทริสซี่หัวเราะในลำคอ ผิวหน้าของเธอที่ดำเนินมาถึงขีดจำกัดเริ่มปริแตกทีละจุด เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่คล้ายกับกำลังยุบพองอย่างบ้าคลั่ง
แม่มดที่มีสภาพน่าสะพรึง พ่นลมหายใจเย้ยหยันและกล่าว
“ตอนจบของบทละครที่ดี ควรลงเอยด้วยความตายของพวกคนเลวไม่ใช่หรือ? ทั้งนาย…และฉัน…”
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง ทริสซี่แสยะยิ้มชั่วร้ายพร้อมกับเสกอุกกาบาตกระแทกใส่สุสานลับที่ถูกกีดกันด้วยห้วงมิติ หวังทำลายมันให้สิ้นซาก
…
ภายในสุสานแห่งอื่น ไคลน์มิได้เล่นใหญ่เกินตัว รีบตัดการเชื่อมต่อกับปราสาทต้นกำเนิด ทำให้ดูเหมือนตนขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ควรจะทำให้เทวทูตทุกตนหยุดนิ่งและแหงนหน้ามอง แต่น่าเสียดาย เทวทูตแห่งการปกปิดเป็นเพียงภาพฉายที่ไคลน์ดึงมาจากช่องว่างประวัติศาสตร์ เธอทำได้เพียงต่อสู้ตามสัญชาตญาณ ส่งผลให้สถานการณ์ทวีความโกลาหล
ทันใดนั้นภาพฉายของวิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่งชักดาบเรเพียร์สีเงินออกมาชี้ไปด้านหน้าแล้วก็ตวัดลง
โดยไม่ต้องเปล่งเสียง ความโกลาหลและพิสดารภายในโบราณสถานทั้งหมดหยุดลงทันที การต่อสู้ถูกแบ่งออกเป็นหลายสังเวียน
เฮอร์มิสดวลกับสตรีเลอโฉมใบหน้าเฉื่อยชา เทพหายนะเซียอาชิงความได้เปรียบเหนือไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ ภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของจักรพรรดิโรซายล์และเทวทูตแสงกำลังรายล้อมไคลน์ วิลเลียมออกัสตัสอยู่ในตำแหน่งอิสระที่คอยป้องกันมิให้เกิดความเสียหายกับสุสานด้านล่าง
สมแล้วที่เป็นหัตถ์ประกาศิต…รูม่านตาไคลน์พลันเบิกกว้าง และแทบไม่ต้องคิด มันสอดมือขวาเข้าไปในเสื้อ เหยียดมือซ้ายออกไปด้านหน้าเพื่อยืมพลังจากตัวเองในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นกงสุลมรณะ หัวหน้าสำนักชีรัตติกาล หรือเทวทูตแห่งการปกปิด ทั้งหมดล้วนเป็นภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนสูงเกิดกว่าระดับของไคลน์ ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมหาศาลเพื่อคงสภาพ ก่อนที่พลังวิญญาณจะเหือดแห้ง ไคลน์จำเป็นต้องยืมพลังจากตัวเองในอดีต
ผลลัพธ์ทำให้ร่างกายชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณปลอม และภายในห้านาทีถัดไป สิ่งนี้จะทำหน้าที่เหมือนพลังวิญญาณจริงทุกประการ
ทันใดนั้นไคลน์เห็นแสงสว่าง
เทวทูตซึ่งเกิดจากการควบแน่นแสงบริสุทธิ์ แผ่นหลังมีปีกมายา ทำการพรั่งพรูน้ำตกแสงใส่ชายหนุ่มอย่างท่วมท้น
ท่ามกลางทะเลแห่งแสงอันเจิดจ้า วัตถุบางชนิดร่วงหล่นอย่างรวดเร็วไปในทิศทางของสุสาน
หนังสือปกสีเข้มที่ทำจากกระดาษหนัง
การเดินทางของกรอซาย!
ไคลน์อาศัยแก่นสำคัญของพลังแบ่ง ‘หนอนวิญญาณ’ และพลังแปลงโฉม ทำการหดตัวกลายเป็น ‘ที่คั่นหนังสือเลือดเนื้อ’ และซ่อนตัวอยู่ในการเดินทางของกรอซาย ปกป้องตัวเองจากแสงสว่างอันท่วมท้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากแสงสว่างยังคงส่องโดนบางจุดของร่างกาย
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในตำแหน่งที่การเดินทางของกรอซายร่วงหล่น จักรพรรดิโรซายล์ในเครื่องแต่งกายสง่างามกำลังยืนรอในท่ายกมือ
“…” โดยไม่สนใจประเด็นอื่น ไคลน์คิดออกเพียงวิธีปกป้องตัวเองเบื้องต้น
ซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างประวัติศาสตร์!
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องจากด้านนอกโบราณสถาน
แรกเริ่มด้วยการดังจากจุดห่างไกล แต่ปิดท้ายด้วยเสียงที่ใกล้ราวกับดังขึ้นข้างหู
ไคลน์และภาพฉายทางประวัติศาสตร์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโบราณสถานพลันตกตะลึงและยืนแข็งทื่อ เช่นเดียวกันกับ ‘ทะเลแสง’ ที่ลดทอนความเจิดจ้าลง
ไม่สิ ยังเหลือหนึ่งบุคคลที่ไม่ได้รับผลกระทบ เทวทูตแห่งการปกปิดของโบสถ์รัตติกาล สตรีใบหน้างดงามและเฉื่อยชารายนี้ฉวยโอกาสทำให้ร่างกายจางลง กลายเป็นลวดลายจำนวนมากที่สื่อถึงการปกปิดและความสยดสยอง โลกที่แปลกประหลาดขยายปกคลุมเฮอร์มิส ไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ ท่อนแขนของเซียอา เทวทูตแสง และวิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่ง
แม้ว่าสิ่งที่ไคลน์อัญเชิญจะเป็นเพียงภาพฉายทางประวัติศาสตร์ซึ่งถูกลดทอนฝีมือลงมาก แต่แก่นแท้บางอย่างยังคงอยู่!
ในที่สุดความโกลาหลที่คาดหวังก็มาถึง!
สำหรับผู้ช่วยคนอื่นของจอร์จที่สาม เช่นราชาเทวทูตมันยังคงอยู่ในสุสานแห่งอื่น
ในวินาทีที่โลกประหลาดกึ่งโปร่งใสก่อตัวขึ้น เทวทูตทุกตนพยายามขัดขืน
ท่ามกลางความโกลาหล โลกประหลาดถูกฉีกทำลายอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การชักนำของหญิงสาว กลุ่มก้อนลำแสงผสานเข้ากับพลังของเทวทูตและพุ่งตรงไปยังสุสานลับด้านล่าง
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกระลอก จักรพรรดิโรซายล์ที่พยายามจะหยุด ผงะตกใจอีกครั้งจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด
เพียงพริบตา สุสานลับสีเข้มที่ดูสง่างามถูกโจมตีจนเกิดรอยแตกลึกบนพื้นผิว เผยให้เห็นสภาพด้านใน
ภายในช่องว่าง กระแสเลือดพวยพุ่งขึ้นมาด้านบน บ้างเป็นสีแดงสด บ้างหมองคล้ำ
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
คราวนี้เป็นปืนใหญ่อัดอากาศที่ยิงโดยไคลน์ผู้กลับคืนร่างมนุษย์ในท่าถือการเดินทางของกรอซาย
สุสานลับที่ใกล้พังทลายรอมร่อ ถึงคราวจบสิ้นโดยสมบูรณ์ เลือดด้านในพรั่งพรูออกมาเพิ่มขึ้น
…
เนื่องจากสุสานถูกทำลาย พิธีกรรมเลื่อนลำดับของจอร์จที่สามจึงขาดเสถียรภาพเพราะเสาหลักในการค้ำจุนหายไป
หากมีสุสานเพียงหลังเดียวที่ถูกโจมตี มันยังสามารถพึ่งพาการเชื่อมต่อระหว่างตนกับสุสานเหล่านั้นเพื่อสร้างแนวป้องกันบางอย่าง แต่ปัจจุบันมันเผชิญหน้ากับการโจมตีที่หนักหน่วงเกินไป
เมื่อร่างมายาของมันเริ่มเดือดปะทุ จอร์จที่สามมิอาจคงสภาพพลัง ‘บิดเบือน’ ที่ส่งไปยังโลกภายนอกได้อีก ในที่สุดสุสานซึ่งเคยถูกตัดขาดจากโลกความจริงก็กลับมาปรากฏต่อหน้าทริสซี่
ใบหน้าชุ่มเลือดของหญิงสาวซึ่งกำลังบิดเบี้ยว ยกโค้งมุมปากอย่างพึงพอใจ
…
กรุงเบ็คลันด์ จัตุรัสรำลึก
“เหล่าพสกนิกรที่รักทุกท่าน…” ขณะจอร์จที่สามเจ้าของหนวดทรงโบราณและใบหน้าเคร่งขรึม เตรียมกล่าวปิดสุนทรพจน์ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วจัตุรัส
เลือดเนื้อของมันกลายเป็นสะเก็ดดอกไม้ไฟที่กระจายเต็มอากาศ
…………………………