เทพปีศาจสยบนภาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ต่อให้จะค้นหาไม่พบสมบัติชิ้นนั้นของเทพสงครามเอกภพ แต่หากเผ่าปีศาจสามารถมีอัจฉริยะเช่นนี้สักคน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับประโยชน์มากขึ้นสักครั้ง

เพียงแต่มันค่อนข้างน่าเสียดาย เพราะเขาพบว่า ช่าจื่อเยียนก็ให้ความสำคัญกับหลัวซิวผู้นี้เป็นอย่างมาก หากเขาจะถูกดึงตัว ก็ต้องถูกดึงตัวไปยังโลกเสวียนเทียนอย่างแน่นอน

“สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อข้า ก็ทำได้แค่ทำลายทิ้งเสีย……” วินาทีที่สายตาเป็นประกาย ถึงแม้ว่าเทพปีศาจสยบนภาจะชื่นชมหลัวซิวอย่างมาก แต่กลับมีสายตาแห่งการสังหารออกมา

“หากอดทนไว้ไม่ไหวแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือ ถึงเวลาข้าจะพาเจ้าออกไปเอง” ช่าจื่อเยียนถามหลัวซิวจากที่ไกล ๆ

นางเองก็รู้สึกว่าตนคาดหวังต่อหลัวซิวไว้สูงเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกตนมาเพียงแค่สามสิบปี

แต่ว่าช่าจื่อเยียนก็สามารถมองออก หลัวซิวกำลังอาศัยพลังกดขี่หาที่เปรียบไม่ได้ของเทพสงครามเอกภพเพื่อทดสอบตนเอง หากสามารถฟื้นทนต่อไปได้ มันต้องเป็นโอกาสที่ดีอีกหนึ่งครั้งสำหรับการเปลี่ยนแปลง จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน

“ยอดเขาไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะขึ้นไปได้ พวกเจ้าทั้งหลายระวังเอาไว้ด้วย อย่าให้พวกเผ่าพันธุ์มารกับเผ่าปีศาจทำร้ายหลัวซิวได้” ช่าจื่อเยียนส่งเสียงไปทางเหล่าเทพมารหลิวหงเทียน

“เทวทูตโปรดวางใจ ข้าจะจับตาดูเอง” หลิวหงเทียนตกปากรับคำในทันที เขารู้ดีว่าช่าจื่อเยียนให้ความสำคัญกับหลัวซิวมากเพียงใด

ช่าจื่อเยียนพยักหน้า จากนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้น ไม่นานก็หายตัวไปตรงสุดเส้นทางด้านหน้า

เป็นดั่งที่นางได้พูดไว้ นี่เพิ่งจะถึงแค่ครึ่งเขา พลังกดขี่หาที่เปรียบไม่ได้ของเทพสงครามเอกภพก็ทำให้เทพมารจำนวนมากก้าวฝีเท้าได้อย่างอยากลำบาก หากไปถึงยอดเขา พลังกดขี่ของเทพสงครามก็จะยิ่งทวีคูณความน่าหวาดกลัว แม้แต่ผลการฝึกตนเทพมารช่วงปลายก็ยังไม่สามารถขึ้นไปได้

มีแค่เพียงนางเท่านั้นที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูงจึงจะสามารถทำได้ เพราะว่าแดนที่บรรลุถึงระดับนี้อย่างพวกเขา มีระยะห่างกับแดนเทพฟ้าแค่เพียงหนึ่งก้าวเท้านั้น

เทพปีศาจสยบนภาและเทวมังกรเขาทองต่างก็เตรียมการไว้ด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นก็เพิ่มความเร็ว และหายไปจากตรงหน้า

ทันใดนั้น เทพมารทุกท่านต่างได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น พากันเงยหน้าขึ้นไปมอง

เห็นเพียงหลัวซิวที่เมื่อครู่ต้องหยุดเดินเพราะกระดูกแตกร้าว ในเวลานี้กลับเข้าใกล้ขึ้นมาอย่างมาก ราว ๆ สิบกว่าก้าวจากที่เดิม

หลังจากนั้นถึงแม้ว่าเขาจะก้าวเดินต่อได้สิบกว่าก้าว แต่พลังกดขี่หาที่เปรียบไม่ได้ของเทพสงครามเอกภพก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ได้หักกระดูกขาของเขาอีกครั้ง

เทพมารสิบหว่าคนจากเผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจมีแววตาอาฆาตขึ้นมา ก่อนที่เทพปีศาจสยบนภาและเทวมังกรเขาทองจะแยกออกไป ได้ทิ้งคำสั่งไว้ว่าให้พวกเขาฆ่าชายผู้นี้ทิ้งเสีย

เห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจสยบนภาและเทวมังกรเขาทองต่างก็พบแล้วว่าศักยภาพในการเติบโตของหลัวซิวนั้นมีมากเพียงใด อัจฉริยะเช่นนี้ ในเมื่อไม่สามารถเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ก็จำเป็นต้องหาโอกาสกำจัดทิ้งเสีย

ในเวลานี้ช่าจื่อเยียนไม่อยู่ ถึงแม้จะมีเทพมารเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่นี่ถึงแปดคน แต่เทพมารเผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว กลับมีถึง 11 คนพอดี!

ไม่เพียงเท่านั้น เผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจยังมีหนึ่งคนที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นเจ็ดช่วงปลาย!

“พลังกดขี่หาที่เปรียบไม่ได้ของเทพสงครามเอกภพยิ่งแข็งแกร่งมากเพียงใด การทดสอบของข้าก็จะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นเท่านั้น!”

หลัวซิวกลั่นแปรกฎชีวิตเพื่อฟื้นฟูกระดูกขาที่หัก พื้นฐานยังไม่ทันได้ฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ แต่กระดูกกลับหักไปอีกครั้ง

เป็นไปเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เขาหยุดอยู่ตรงที่เดิม ไม่สามารถก้าวเท้าขึ้นไปได้อีกแม้เพียงเล็กน้อย

แต่ท่าทางของเขาไม่ได้มีความหดหู่แม้แต่น้อย กลับกันแววตาคู่นั้นกลับเปล่งประกาย เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง

ดังคำกล่าวที่ว่า ยิ่งกดดันมากเท่าไหร่ แรงผลักดันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขาแบกรับพลังกดขี่อันน่าหวาดเกรงด้วยจุดวิกฤตของตน เช่นนั้นในเวลานี้แรงพลักดันที่เกิดขึ้นของเขาก็ถึงขีดจำกัดของตนด้วยเช่นกัน

กระดูกของเขาถูกบดขยี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ่อมแซม แล้วก็ถูกบดขยี้อีกครั้ง ในกระบวนการนี้ กระดูกจะยิ่งแข็งแรงขึ้น มั่นคงขึ้น จนกระทั่งสามารถแบกรับพลังกดขี่ทั้งหมดเอาไว้ได้