ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 841 ตีศีรษะจับคนหรือไม่?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อครั้งยังอยู่ในโลกแปดพิภพ เยี่ยนจ้าวเกอเคยเจอสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน

นั่นเป็นบุรุษที่ชื่อโอวหยางฉี คนผู้นั้นมองดูเหมือนกับซือคงจิงที่แต่งชุดบุรุษ แต่นั่นกลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งจริงๆ

เมื่อมีเขาเป็นตัวอย่าง เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าคนที่ดูเหมือนกับซือคงจิงเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดแค่สตรีเพศเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะได้เจอบุรุษเพศด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอมองอีกฝ่าย พิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

คนผู้นี้อายุสมควรใกล้เคียงกับเย่เป่าฉีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือ บนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์

แต่เขามีพลังฝึกปรือสูงกว่าขั้นหนึ่ง เป็นอย่างไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะเป็นเพราะอยู่กันคนละสำนัก

เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจอาภรณ์บนร่างของคนผู้นี้

เป็นอาภรณ์สีเขียว ตรงแขนเสื้อปักลวดลายรูปต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง บนต้นไม้มีกิ่งอยู่เก้ากิ่ง

ชายหนุ่มไม่มองก็แล้วไป แต่เมื่อมองดูลวดลายนี้แล้ว ต้นไม้โบราณเก้ากิ่งก็พลันเปลี่ยนกลายเป็นความจริง ใบไม้สีเขียวขจีวูบไหวต้านลมอยู่กลางอากาศ

คนผู้นั้นกลับไม่สนใจ เพราะคนที่มองดูลวดลายนั้นไม่ได้มีแค่เยี่ยนจ้าวเกอคนเดียว

คนที่อยู่รอบๆ จะมากจะน้อยในยามที่กวาดมองผ่านลวดลายนี้โดยที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ต่างก็ยากจะไม่หยุดมอง

เพราะว่าในเขตสุราลัยบูรพา สัญลักษณ์นี้บ่งบอกถึงสถานะหนึ่ง นั่นก็คือลูกศิษย์สายตรงแห่งอารามสูงส่งบนเขาเมฆเลือน ที่อยู่ของประมุขบูรพา

ในสถานที่เล็กๆ อย่างเขตสุราลัยบูรพา ส่วนใหญ่แล้วคนที่สวมชุดนี้สามารถไปที่ใดก็ได้

ความพิเศษในลวดลายตรงแขนเสื้อก็คือ มันได้ผสมลมปราณของลูกศิษย์อารามสูงส่ง รวมถึงจิตวรยุทธ์ที่ประมุขบูรพาได้ถ่ายทอดให้ไว้ คนภายนอกยากจะเลียบแบบ ต่อให้ชิงไปได้ก็ไม่อาจสวมใส่

ไม่เพียงแต่จะเป็นสัญลักษณ์สถานะของลูกศิษย์จากอารามสูงส่งเท่านั้น อาภรณ์ของแต่ละคนยังมีการแบ่งแยก บ่งบอกถึงตำแหน่งด้วย

อาภรณ์ของบุรุษผู้นี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีความสามารถในการป้องกันแข็งแกร่งเท่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์และอาวุธวิญญาณ แต่ก็เป็นของหายาก

นี่คือวิชาลับของอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือน ทุกคนที่อยู่ในเขตสุราลัยบูรพาล้วนรู้จัก

ลูกศิษย์ของประมุขบูรพามาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างฉับพลัน ทุกคนที่อยู่รอบๆ จึงมองอย่างพร้อมเพรียง

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยมาเขตสุราลัยบูรพา แต่ว่าตอนคุยกับพวกมู่จวินและเฉินจื้อเหลียงที่เขาโถงทองในเขตตะวันอาคเนย์ก่อนหน้านี้ เขาได้ศึกษาวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของโลกซ้อนโลกไว้ไม่น้อย

แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้เข้าใจถึงระบบสืบทอดแบบพิเศษของอารามสูงส่งในเขตสุราลัยบูรพาที่อยู่ติดกับเขตตะวันอาคเนย์อย่างละเอียด แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง

ในตอนนี้พอเห็นอาภรณ์ของบุรุษผู้นั้น เขาก็ค่อยๆ มั่นใจ ‘ลูกศิษย์สายตรงของประมุขบูรพาหรือ’

ประมุขบูรพา ผู้ปกครองแห่งเขตสุราลัยบูรพา เป็นคนที่เหมือนกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี่ย และประมุขทักษิณจวงเซิน

เมื่อคิดถึงคนผู้นี้ ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอก็อดปรากฏภาพหนึ่งขึ้นมาไม่ได้

เสาปราณสีเขียวหลายสายปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็รวมกันกลายเป็นต้นไม้เทพทะลุฟ้าขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง

ต้นไม้เทพต้นนี้เหมือนกับข้ามผ่านจักรวาล กลิ่นอายของพลังที่เผยออกมายิ่งใหญ่กว่ายอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายเสียอีก

ตอนผจญภัยในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ประมุขประจิมกับประมุขบูรพาต่างลงมือ เพียงแต่ท้ายที่สุดถูกสะกดของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬขัดขวางไว้ จึงทำให้สูญเสียร่องรอยของสุสานจักรพรรดิ สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปด้านใน

แม้จะปรากฏตัวขึ้นแวบเดียว ทว่าในตอนที่ประมุขบูรพาลงมือ ก็ยังคงมอบความประทับใจส่วนหนึ่งให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ

ความน่าอัศจรรย์ของวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝน ความสมบูรณ์ของทรัพยากรที่ศิษย์ของเขาจะได้รับ สุดที่หอกระบี่ทะเลเหนือจะเทียบเคียง

หากพลังฝึกปรือของคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะสูงส่งกว่าเยว่เป่าฉีที่มีพรสวรรค์ใกล้เคียงกัน ก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าไร

ชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายเหมือนซือคงจิงผู้นี้ไม่ได้นำพาสายตาของคนรอบๆ เดินออกจากเมืองไป

เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความใคร่รู้อยู่บ้าง จึงลอบติดตามไป

“คุณชาย พวกเราคิดตีศีรษะลักพาตัวคนหรือ” อาหู่มีสีหน้าสนใจยิ่ง

ชายหนุ่มลูบคางของตัวเอง “หากสนทนากันได้ การสนทนากันตามปกติย่อมประเสริฐกว่า”

เฟิงอวิ๋นเซิงอดหัวเราะไม่ได้ “ความหมายของท่านก็คือ หากคุยกันไม่รู้เรื่อง เช่นนั้นก็ให้เตรียมตีศีรษะลักพาตัวคนกระมัง”

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “รอดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์สายตรงของอารามสูงส่ง ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของเขตสุราลัยบูรพา ไม่รู้ว่าเขาจะมีสหายในสำนักอยู่ใกล้ๆ นี้หรือไม่ หากต้องลงมือจริงๆ ต้องทำความคุ้ยเคยกับสภาพแวดล้อม และศึกษาสถานการณ์รอบๆ ให้เข้าใจก่อน”

เสี่ยวอ้ายตกตะลึง “นายน้อยสมกับเป็นนายน้อย หากเป็นคนอื่นอยู่ในเขตสุราลัยบูรพา คงคิดว่าจะผูกมิตรกับลูกศิษย์ของอารามสูงส่งอย่างไร แต่นายน้อยท่านกลับคิดลักพาตัว”

ชายหนุ่มยักไหล่ “บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพอยู่ในเขตตะวันอาคเนย์ อีกทั้งยังผูกมิตรกับเขาโถงทองได้ สร้างแนวหน้าที่มั่นคงให้กับตัวเอง ไม่มีอันใดให้ต้องตำหนิ”

“ตอนนี้เรามีฐานที่มั่นในแนวหน้าแล้ว เมื่อไปถึงสถานที่อื่น พวกเราสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก”

ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็แค่นเสียงคำหนึ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น การลักพาคนเป็นแค่แผนการที่แย่ที่สุดเท่านั้น ไม่แน่ว่าเราอาจจะสนิทสนมกันได้ พวกเจ้าอย่าพูดเหมือนข้าคิดจะลักพาคนแล้วสิ”

แม้จะมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ในตอนนี้ตามอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ยากจะสัมผัสได้

คนหนุ่มผู้นี้มุ่งหน้าขึ้นเหนือ เข้าไปในภูเขาลึกแห่งหนึ่ง

เทือกเขาสายนี้คือจุดตัดระหว่างเขตสารทอิสานกับเขตสุราลัยบูรพา

เยี่ยนจ้าวเกอติดตามต่อไปอีกเล็กน้อย ฝีเท้าค่อยๆ ช้าลง เพราะเขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าด้านหน้ามียอดฝีมือไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน

ตนถึงแม้จะไม่กลัว แต่ถ้าเข้าใกล้ต่อ กลับอาจจะถูกอีกฝ่ายพบร่องรอยก็ได้

กลิ่นอายของคนเหล่านั้น คล้ายกับชายหนุ่มที่ตนสะกดรอยตามผู้นี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งกว่าจะเป็นผู้สืบทอดของอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขบูรพาเหมือนกัน

ชายหนุ่มที่หน้าตาละหม้ายเหมือนซือคงจิงผู้นี้ดูเหมือนจะมารวมตัวกับศิษย์ร่วมสำนักที่นี่

หลังจากพวกเขารวมกลุ่มกันแล้วก็ออกเดินทางอีกครั้ง เดินเข้าไปในภูเขาลึก

เยี่ยนจ้าวเกอรักษาระยะห่างให้ไกลขึ้นอีกหน่อย จากนั้นค่อยตามไปต่อ

เดินทางอยู่ครึ่งวัน อีกฝ่ายก็ไม่ได้เดินทางเร็วเช่นกัน เส้นทางที่ใช้ไม่ได้เป็นเส้นตรง ดูเหมือนกับกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่

ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะสงสัย แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ปริศนาที่ชายหนุ่มผู้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นกุมไว้ ทำให้เขาสนใจมากกว่า

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมจะเปิดเผยตัว คิดสนทนากับอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกได้ว่าความเร็วของอีกฝ่ายช้าลงอย่างชัดเจน

ครู่ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอก็สัมผัสได้ว่า ในภูเขาลึกไกลออกไปมีเค้าลางการเปิดของมิติ

ลูกศิษย์ของประมุขบูรพากลุ่มนี้เหมือนกับเปิดทางเชื่อมมิติสายหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังมิติต่างแดน

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก ‘วิชาลับบางอย่างหรือ แสดงว่าลูกศิษย์จากอารามสูงส่งเหล่านี้กำลังตามหาของวิเศษอยู่สินะ’

เขาตามไป เตรียมจะเผยตัวเพื่อติดต่อกับอีกฝ่าย

รอจนเข้าใกล้แล้ว ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ปกติ พลังแห่งเขตแดนปั่นป่วน ยังมีเสียงร้องของลมอันเย็นเยือกหลายสายดังออกมาจากประตูทางเชื่อมเขตแดน

เมื่อได้รับผลกระทบนี้ ความสามารถในการรับรู้ของจอมยุทธ์ก็ลดลงมหาศาล ได้แต่อาศัยประสาทสัมผัสทั้งห้าอย่างการได้ยินและการมองเห็น คอยสำรวจและเคลื่อนไหว

นี่ทำให้จอมยุทธ์จากอารามสูงส่งที่เฝ้าอยู่ตรงประตูไม่พบเงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอในทันที กลับสนทนากันอย่างเปิดเผย

“กระเรียนหิมะนั่นหายไปหลายปี วันนี้อุตส่าห์ปรากฏร่องรอยของนางอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้จะจับนางได้แล้ว”

เสียงของอีกฝ่ายเข้าสู่หูของเยี่ยนจ้าวเกอ ม่านตาของชายหนุ่มหดเล็กลงทันที การเคลื่อนไหวพลันหยุดชะงัก

………………..