ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 842 ฝีมือของท่านแม่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเดิมทีกำลังจะเผยตัวและทักทายกับอีกฝ่าย แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘กระเรียนหิมะ’ การเคลื่อนไหวของเขาก็พลันหยุดลง

‘ข้าไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง’ เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไร้อารมณ์ ‘เมื่อครู่พวกเขาพูดคำว่า ‘กระเรียนหิมะ’ หรือ’

แม้ว่าจะเป็นคำเรียก หรือเป็นฉายาซึ่งอาจจะหมายถึงคนอื่น แต่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่สนใจข่าวสารของผู้เป็นมารดามาโดยตลอด ปฏิกิริยาแรกเมื่อได้ยินคำสองคำนี้คือนึกถึงเสวี่ยชูฉิง

และจุดเด่นที่อีกฝ่ายพูดถึง ก็เหมือนกับเสวี่ยชูฉิง

นี่ให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องสนใจแล้ว

สายตาของเขาเคร่งขรึมขึ้น พลางโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เก็บกลิ่นอายของตนจนหมดสิ้น จากนั้นก็สืบเท้าลอบเข้าใกล้อีกฝ่าย

คนที่เฝ้าอยู่ตรงประตูทางเชื่อมเขตแดนมีทั้งสิ้นสามคน ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางเป็นผู้นำกลุ่ม และมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายอีกสองคนติดตาม

หนึ่งในนี้ก็คือชายหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนกับซือคงจิงผู้นั้น

พวกเขาสามคนรับหน้าที่เฝ้าประตูแห่งนี้ เป็นทั้งกำลังเสริมคอยสนับสนุน ขณะเดียวกันก็ขัดขวางไม่ให้เป้าหมายด้านในหนีออกมา

ลูกศิษย์อารามสูงส่งคนอื่นไปด้านตรงข้ามผ่านทางเชื่อมเขตแดนเส้นนี้

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าคนนั้น ภายนอกมองไปเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น หน้าขาวไว้เคราสั้น ร่างอ้วนท้วนเล็กน้อย

ยามนี้เขากำลังพูดว่า “มีคนเห็นนางอยู่แถวนี้กับตา มิติต่างแดนแห่งนี้น่าจะเป็นที่อยู่ในปัจจุบันของนาง”

ตรงข้ามบุรุษวัยกลางคนนั่งไว้ด้วยชายหนุ่มหน้าเหมือนม้าผู้หนึ่ง เขาแค่นเสียง “ครั้งนี้จะต้องจับนางไว้ให้ได้ ข้าไม่เชื่อว่าครั้งนี้นางจะหนีได้อีก ศิษย์พี่เหลา ท่านว่าถูกต้องหรือไม่”

ศิษย์พี่เหลาที่เป็นบุรุษวัยกลางคนหน้าขาวผู้นั้นกลับไม่มีสีหน้าผ่อนคลาย “ถึงข้าจะอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่กระเรียนหิมะเป็นผู้สืบทอดเคล็ดวิชาการทำนายก่อนกำเนิดซึ่งมาจากแผนภูมิเหอถูลั่วซือ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญสูงส่งจนน่าทึ่ง ในตอนที่นางยังเป็นแค่มหาปรมาจารย์หรือปรมาจารย์ก็มีพลังอันน่ามหัศจรรย์แล้ว”

“หลายปีมานี้ยิ่งอยู่ในขั้นที่ไม่ต้องสืบ ไม่ต้องถามก็รู้ล่วงหน้า จึงหลบหลีกไปก่อนหลังจากสัมผัสได้ถึงอันตราย ไม่เช่นนั้นนางคงไม่รอดมานานหลายปีขนาดนี้”

ศิษย์พี่เหลาพูดอย่างจริงจัง “แต่ครั้งนี้มีความหวังมาก พวกเราพอได้รับข่าวก็มาที่นี่ทันที ขณะเดียวกันก็นำของวิเศษที่ใช้สำหรับลวงความลับของฟ้ามาด้วย”

ชายหนุ่มหน้าเหมือนม้าถอนใจ “หากท่านอาจารย์ออกโรงด้วยตัวเอง น่าจะจับได้ตั้งนานแล้ว”

ศิษย์พี่เหลาส่ายหน้า “ท่านอาจารย์มีคนที่กริ่งเกรงและต้องเตรียมป้องกัน อย่างเช่นเพื่อนบ้านทางเหนือของพวกเรา สถานที่ในครั้งนี้อยู่ตรงจุดตัดระหว่างเขตสุราลัยบูรพาของพวกเรากับเขตสารทอิสานพอดี สิ่งที่ข้ากังวลใจที่สุดก็คือจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นเพราะสาเหตุนี้”

ชายหนุ่มที่หน้าเหมือนซือคงจิงผู้นั้นยามนี้ถามขึ้น “ศิษย์พี่เหลา ตกลงแล้วไยพวกเราต้องตามจับสตรีที่ได้ชื่อว่ากระเรียนหิมะผู้นี้ด้วย”

ศิษย์พี่เหลาเอ่ยอย่างราบเรียบ “ศิษย์น้องหลี่เฉิง เรื่องที่ท่านอาจารย์สั่งให้ลงมือ พวกเราแค่ตั้งใจทำก็พอ”

หลี่เฉิงพยักหน้า “ข้าทราบดี เพียงแค่สงสัยเท่านั้น”

“นางขโมยของวิเศษล้ำค่าชิ้นหนึ่งไป จึงต้องจับนางกลับมาสืบสวน และนำของที่ถูกขโมยไปคืนมา” ศิษย์พี่เหลาเอ่ย

ขณะที่เขาพูดอยู่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หันไปมองด้านข้าง

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงดังขึ้น “กลับไม่ทราบว่าเป็นของล้ำค่าอะไร”

เยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัว โผล่ขึ้นกลางสายตาของคนทั้งสามอย่างทันทีใดทัน ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนก

ศิษย์พี่เหล่านิ่วหน้าถาม “ท่านเป็นใคร”

เห็นเยี่ยนจ้าวเกอมาไม่มีเจตนาดี บนร่างของเขาก็เริ่มมีลมปราณบริสุทธิ์ซัดสาด

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอคนมาพร้อมเสียง พูดจบก็สืบเท้าออก มาถึงด้านหน้าพวกเขาในชั่วอึดใจเดียว

ไม่เพียงแต่ตัวเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ราวกับลำแสงสายหนึ่ง

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังเสริมหรือไม่ และไม่ทราบว่าอีกด้านหนึ่งของทางเชื่อมเขตแดนในตอนนี้มีสภาพการณ์เป็นอย่างไร

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจเค้นเอาคำตอบ จึงไม่คิดเสียเวลา ลงมือสุดกำลัง รีบเผด็จศึกให้เร็วที่สุด

ไม่ทันไรคู่ต่อสู้ทั้งสามก็ถูกกำราบ

ชายหนุ่มมองประตูทางเชื่อมเขตแดนตรงหน้า

ชายหนุ่มหน้าเหมือนม้าผู้นั้นถามอย่างไม่พอใจ “ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

ศิษย์พี่เหลากล่าวอย่างตื่นตกใจ “ท่านเป็นใครกัน พวกเราสมควรไม่เคยเจอกันมาก่อน ท่านเคยมีความขัดแย้งกับอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนหรือ”

“ไม่ต้องบอกสำนักของท่าน ข้าแม้จะไม่ได้อยู่ในเขตสุราลัยบูรพา แต่ก็ทราบถึงสัญลักษณ์ของสำนักท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “ส่วนข้าจะทำอะไร นั่นไม่สำคัญ ข้าสนใจมากกว่าว่าพวกท่านกำลังทำอะไร”

สายตาของหลี่เฉิงตกลงบนประตูทางเชื่อมเขตแดน จากนั้นก็หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ท่านมาเพื่อกระเรียนหิมะเหมือนกันกระมัง ท่านเป็นคนรู้จักของนาง หรือว่ามาจับตัวนางเช่นกัน”

ศิษย์พี่เหลาจ้องมองใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง “ท่าน…”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ “พวกท่านมีคำถามมากเกินไปแล้ว”

พูดจบ เขาก็จับคนทั้งสามแยกจากกัน ก้าวเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนตรงหน้าพร้อมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

หลังจากข้ามทางเชื่อมมิติมา มิติด้านหน้าก็สับสนตัดสลับ เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด

ผ่านไปสักพัก ทิวทัศน์ตรงหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ปลอดโปร่งโล่งกว้าง ทัศนียภาพที่โผล่ขึ้นกลางครรลองสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นโลกที่มีทิวทัศน์งดงามใบหนึ่ง

มิติต่างแดนแห่งนี้ มีสภาพแวดล้อมไม่เลว

‘มารดาผู้นี้ของข้าพิถีพิถันต่อคุณภาพการใช้ชีวิต เหมือนกับที่ท่านพ่อกับเสี่ยวอ้ายว่าไว้’

เยี่ยนจ้าวเกอคิด พลางสัมผัสการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในมิติต่างแดน ขณะเดียวกันก็ตามหาเป้าหมายของตัวเองไปด้วย

แต่ไม่รอให้เขาเข้าใจสถานการณ์ ขอบฟ้าไกลออกไปก็มีแสงเจิดจ้าสว่างขึ้น

ลำแสงกว้างใหญ่สายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า จากนั้นแสงสายฟ้าที่น่ากลัวก็เริ่มกระจายออกไปรอบๆ ดูจากสภาะเหมือนกับแผ่กระจายไปทั่วมิติต่างแดน

ทว่าไม่รอเข้าใกล้ทางเยี่ยนจ้าวเกอ ที่นั่นก็มีแสงสายฟ้าอีกหลายสายพุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว เพิ่มความเร็วมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น

ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็พบว่าหลี่เฉิงซึ่งถูกตนจับไว้เมื่อครู่ คล้ายเกิดความผิดปกติ

ชายหนุ่มที่ตอนแรกพยายามดิ้นรนออกจากกรงขังพลันแน่นิ่งไป

เมื่อเขาได้สติกลับมา ความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในดวงตาฉายแววสับสนยุ่งเหยิง

แม้ว่าจะห่วงสถานการณ์ที่อยู่ห่างออกไป แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่เห็นสถานการณ์นี้ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

เพราะว่าบนหน้าผากของหลี่เฉิง มีลวดลายอาคมส่วนหนึ่งลอยขึ้นมา

ลวดลายอาคมนี้เป็นลวดลายอาคมที่เชื่อมต่อกัน แต่กลับไม่เหมือนกับของซือคงจิงและคนที่เหมือนกับนาง ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษ

ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็นลวดลายอาคมของหลี่เฉิงแล้ว แต่ว่านั่นเป็นผลลัพธ์จากการที่เขาใช้พลังฝึกปรือมองดู

ในตอนนี้ลวดลายอาคมเหล่านี้กลับลอยขึ้นมาเอง ไม่ว่าใครก็เห็นได้อย่างชัดเจน

สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเห็นจากซือคงจิงหรือคนอื่นๆ มาก่อน

ลักษณะและสีหน้าในตอนนี้ของหลี่เฉิง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความปรารถนาของเขา แต่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับการกระตุ้นจากภายนอกบางอย่าง

อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์นี้

“ก่อนหน้านี้มีสถานการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นกับท่านหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน

หลี่เฉิงครางหนักๆ อย่างเจ็บปวด “….ไม่!”

เยี่ยนจ้าวเกอพลันเงยหน้าขึ้น มองไปยังที่ไกลออกไป

แสงสายฟ้าหลายสายที่อยู่รอบนอก ส่วนใหญ่แล้วมาจากลูกศิษย์อารามสูงส่ง แต่ว่าในเมื่อหลี่เฉิงเพิ่งเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก สหายในสำนักที่พบปะกันเป็นประจำในอดีต ย่อมไม่น่าจะเกี่ยวข้อง

สิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ของหลี่เฉิง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นลำแสงยิ่งใหญ่ที่พุ่งขึ้นฟ้าจากบริเวณตรงกลางนั้น

และลำแสงนั้นก็อาจจะเป็นฝีมือของเสวี่ยชูฉิง ผู้เป็นมารดาของเยี่ยนจ้าวเกอ

………………..