กลีบดอกไม้ลอยไปตามลม มากมายจนดูราวกับท้องทะเล
ร่างของเปี๋ยยั่งหงปรากฏขึ้นที่ใจกลางทะเลดอกไม้ เท้าเหยียบลงบนอากาศตอนที่เขาโจมตีเข้าใส่คนชุดน้ำเงิน
ย้อนไปตอนที่ราชามารเข้าสู่หานซานและผู้เฒ่าความลับสวรรค์บอกให้โลกรู้ เปี๋ยยั่งหงอยู่ในศาลาหวันโสวทางใต้ที่ห่างไกล แต่เขาก็ยังไปถึงเป็นคนแรก
แม้ท่ามกลางยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแง่ของความเร็วและการโจมตีระยะไกล
ครั้นเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีแดงปิดทางหนีเอาไว้ คนชุดดำก็รู้ว่าโอกาสของเขาได้ผ่านไปแล้ว
หากเขาไม่อาจไล่เปี๋ยยั่งหงไป เขาก็ต้องจบลงด้วยการถูกไล่ล่าไม่รู้จบไม่มีโอกาสจะหลบรอดไปได้
คนชุดน้ำเงินคำราม โคจรพลังที่เขาใช้เวลาทั้งชีวิตสะสมมา เปลี่ยนเป็นสองฝ่ามือที่รวดเร็วอย่างยิ่ง
รังสีสีน้ำเงินน่ากลัวนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากฝ่ามือทั้งสอง เปลี่ยนเป็นคมมีดส่งเสียงหวีดหวิวบินไปผ่านอากาศไปทางเปี๋ยยั่งหง
เมื่อคมมีดสีน้ำเงินบินผ่านท้องฟ้า ก็ส่งเสียงราวกับพายุเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบและมืดหม่น ถึงกับทำให้อากาศชื้นขึ้นในทันทีก่อให้เกิดหยดน้ำและกลายเป็นสายฝนโปรยปราย
น่าหวาดกลัวเหมือนกับพายุรุนแรงกลางทะเล
สำหรับยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์นอกจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงเช่นทวนหิมาลัยเทวาหรือกระบี่บังฟ้า อาวุธทั่วไปย่อมด้อยไปกว่าพลังของอาวุธที่ก่อตัวขึ้นจากประกายดาวหรือปราณแท้ของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นสำหรับคนที่โชคไม่ดีที่กระทบถูกคมมีดแสงสีน้ำเงินน่ากลัวที่ลอยอยู่กลางอากาศ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นรวบรวมดวงดาว ที่ร่างกายผ่านการชำระไขกระดูกอย่างสมบูรณ์ก็ยังจบลงด้วยการถูกแล่เนื้อตัดกระดูก แดนลี้ลับได้รับความเสียหาย ไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้ พวกเขาคงตายไปแล้ว
เปี๋ยยั่งหงจำคนชุดน้ำเงินไม่ได้ แต่เขารู้ว่าพวกเขาต่างมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ดังนั้นเขาย่อมลงมือด้วยความระมัดระวัง
มือขวาของเขาทิ่มเข้าไปในทะเลดอกไม้แดง คว้าบางอย่างและดึงมันออกมา
ประกายดาวที่สว่างเจิดจ้าหาใดเปรียบซึมออกมาจากผิวหน้าและขมับที่มีผมสีเทา
ที่เขาดึงออกมาจากทะเลดอกไม้อันที่จริงแล้วเป็นกระบี่ที่สร้างขึ้นจากประกายดาว
ประกายกระบี่ที่เจิดจ้าและบริสุทธิ์ส่องแสงต้องทะเลดอกไม้ ตัดวังวนปราณแท้นับไม่ถ้วนตอนที่มันฟันใส่คนชุดน้ำเงิน
ไม่ว่าทะเลของเจ้าจะดุดันเพียงใด มาดูกันว่ามันจะต้านทานกระบี่ของข้าได้หรือไม่!
……
……
คนชุดน้ำเงินใช้ชีวิตอยู่บนดินแดนต้าซีมาหลายปี แม้ว่าจะถูกขวางกั้นด้วยทะเลกว้างใหญ่ เขาก็จับตาดูยอดฝีมือของต้าลู่อยู่เสมอ ด้วยอำนาจของเขาและความช่วยเหลือจากเมืองไป๋ตี้ เขาได้รวบรวมข้อมูลนานับชนิดอย่างลับๆ ทำให้เขามีความเข้าใจอย่างล้ำลึกต่อวิชาการต่อสู้ของยอดฝีมือแห่งต้าลู่
เมื่อกระบี่ของเปี๋ยยั่งหงฟันลงมา วิธีตอบโต้อย่างน้อยสิบเจ็ดวิธีผุดขึ้นมาในห้วงแห่งจิตของเขา
แต่วิธีทั้งสิบเจ็ดอย่างล้วนมีพื้นฐานมาจากความรู้เกี่ยวกับเปี๋ยยั่งหงของเขา พูดให้ถูกก็คือมันเป็นเปี๋ยยั่งหงก่อนการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู
เปี๋ยยั่งหงในวันนี้แข็งแกร่งกว่าเปี๋ยยั่งหงที่เขาได้รับข้อมูลมาและอยู่ในใจของเขามาก
เหมือนกับหมัดของเปี๋ยยั่งหงที่สามารถทำลายการประสานกระบี่ของเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง
และยังมีดอกไม้แดงของเขาเช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าตอนที่ขาดออกจากด้าย มันจะกลายเป็นทะเลดอกไม้และปิดผนึกทางเชื่อมโยงกับโลกจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้
กระบวนท่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาเต๋าใหม่ที่เปี๋ยยั่งหงเพิ่งคิดค้นขึ้นหลังจากการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู
หากมีแค่นี้คนชุดน้ำเงินย่อมมั่นใจในความสามารถของตนว่าจะไล่เปี๋ยยั่งหงไปได้ บางทีเขาอาจได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ถูกถ่วงเอาไว้ที่นี่
แต่วันนี้ ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างเปี๋ยยั่งหงในตอนนี้กับในอดีตไม่ได้มาจากความล้ำลึกของวิชาเต๋าหรือกระบวนท่าที่ลึกลับ แต่เป็นวิธีการต่อสู้ที่เปลี่ยนไป
ในใจของผู้บำเพ็ญเพียรมากมาย เปี๋ยยั่งหงเป็นผู้อาวุโสที่อ่อนโยนและสุขุม ต่อให้เขาลงมือ เขาก็จะทำอย่างถูกต้องเหมาะสม รัศมีพลังของเขามีความยุติธรรมและพอเหมาะอยู่เสมอ
วันนี้ดวงตาเปี๋ยยั่งหงยังคงสงบนิ่ง ทว่าสีหน้านั้นเป็นอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่ความอ่อนโยนอย่างแน่นอน เมื่อเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปราณแท้จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยกำลังที่สามารถเคลื่อนภูเขา ทุกกระบวนท่าดูเหมือนจะมองเห็นความเป็นไปของโลกทั้งชีวิตและความตาย ป่าเถื่อนอย่างที่สุด ดุดันหาใดเปรียบ
ทำไมเป็นเช่นนี้
คนชุดน้ำเงินเห็นดวงตาของเปี๋ยยั่งหงและตระหนักได้ว่าในส่วนลึกของมันเป็นเหมือนบ่อน้ำที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการฆ่า
จากนั้นเขาก็เห็นเส้นสีขาวพุ่งผ่านผมของเปี๋ยยั่งหง
คนชุดน้ำเงินเข้าใจว่าทำไม หัวใจตกวูบ เขาส่งเสียงคำรามออกมา!
คมมีดสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนแตกสลายเป็นผุยผงด้วยเสียงคำรามนี้ จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นทวนวงเดือน!
เงาของทวนวงเดือนมืดมน ปลายแหลมทั้งสามของทวนคมอย่างที่สุดแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา
เป็นไปได้มากว่าจะเป็นการสร้างเลียนแบบวิญญาณอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนต้าซี ทวนสยบสมุทร!
เปี๋ยยั่งหงดูไม่หวั่นไหว กระบี่จากประกายดาวในมือฟันเข้าใส่ทวนวงเดือนสีน้ำเงิน!
กระบี่ลวงตานี้ถูกดึงออกมาจากทะเลดอกไม้และไม่มีตัวตนที่แตะต้องได้ จึงมีความแหลมคมอย่างที่สุด เฉกเช่นกระบี่ไร้ราคีของเฉินฉางเซิง
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง กลีบดอกที่สดใสที่สุดติดอยู่บนกระบี่นี้ มันดูเจิดจ้าอย่างมาก
……
……
กระบี่จากประกายดาวและทวนสีน้ำเงินเข้มปะทะกันกลางอากาศ
เกิดพลังปราณระเบิดออกจากจุดปะทะ พื้นผิวของมันมีเส้นสีขาวหยักๆ แทบจะในทันทีปราณนี้ก็กระจายเป็นแสงและความร้อนนับไม่ถ้วนที่พุ่งออกมาจากจุดปะทะ
คลื่นพลังปราณ แสงและความร้อนกวาดไปทุกทิศทาง หินบนหน้าผาเริ่มกลิ้งลงมาในขณะที่ต้นไม้โบราณหลายร้อยต้นหักล้มและเริ่มลุกไหม้
ผู้บำเพ็ญเพียรบนที่ราบสูงยากที่จะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในแสงเจิดจ้า มองเห็นเพียงเงาร่างเลือนรางสองสาย
เซียงอ๋องมองดูอยู่เงียบๆ คิ้วขมวดเล็กน้อย คิดอะไรอยู่ไม่ทราบ
อู๋ฉยงปี้ไม่ได้หันไปมอง แต่นางสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากพื้นที่ตรงนั้น มือนางช้าลงด้วยความตกใจและไม่สบายใจ
ด้ายของแส้หางม้าที่มัดดาบเหล็กไว้ก็ขาดออกดังเผียะ เสื้อคลุมของนางก็มีรอยขาดปรากฏขึ้น
แสงบนท้องฟ้ายังคงแสบตา
กลีบดอกไม้สีแดงส่ายไหวและล่าถอยไปกลายเป็นฝนดอกไม้ดูงดงามนัก
เลือดสีทองไหลลงมาจากหูของเปี๋ยยั่งหง
แต่เขาดูเหมือนจะไม่รู้ตัว สายตาสุขุมยังจับจ้องไปที่คนชุดน้ำเงิน
กระบี่จากประกายดาวและทวนสีน้ำเงินเข้มยังคงอยู่ที่จุดเดิม
ปราณแท้และพลังปราณอันมากมายเกินจินตนาการของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์สองคนกำลังปะทะกันอย่างอันตรายที่สุด
ทันใดนั้นกลีบดอกไม้สีแดงสดบนกระบี่ที่สร้างจากประกายดาวก็พลันระเบิดออกเป็นผุยผง
กลีบดอกไม้นี้มีต้นกำเนิดมาจากดอกไม้สีแดงดอกนั้น บรรจุไว้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้จำกัดและสอดคล้องกับกฎแห่งฟ้าดิน แต่มันถูกปราณแท้ของสองยอดฝีมือขยี้เป็นผุยผง!
ผงจากกลีบดอกไม้พุ่งเข้าหาคนชุดน้ำเงิน แต่ละเม็ดต่างรวดเร็วและแหลมคมราวกับลูกธนู แต่ทรงพลังยิ่งกว่า
คนชุดน้ำเงินยังคงใช้ทวนวงเดือนสู้กับเปี๋ยยั่งหงและไม่อาจหลบหนีได้ เขาคำรามและใช้การบำเพ็ญเพียรในร่างต้านรับการโจมตีนี้
เสียงดังปุๆ ถี่ยิบ หมวกไผ่สานของคนชุดน้ำเงินถูกแทงเป็นรูมากมาย มันฉีกเป็นชิ้นๆ ปลิวไปตามสายลม เผยให้เห็นหน้ากากทองแดงใต้หมวก รอยขีดมากมายปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและเลือดก็เริ่มไหลออกมา
เปี๋ยยั่งหงไม่ยินยอมปล่อยโอกาสนี้ไป เขาผิวปากและกลีบดอกไม้บนท้องฟ้าก็ลอยกลับมาราวกับสายฟ้า โจมตีเข้าใส่คนชุดน้ำเงิน
คนชุดนำเงินคำราม ปราณแท้ระเบิดออก ในขณะที่อาการบาดเจ็บแย่ลง เขาก็สามารถผลักกระบี่ของเปี๋ยยั่งหงออกไป แขนเสื้อสั่นไหวยามที่เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับนกทะเลตัวมหึมา
กลีบดอกไม้แดงเต็มท้องฟ้าถูกเปี๋ยยั่งหงเรียกลับมา เขาแค่ต้องเลี่ยงการโจมตีสุดท้ายเพื่อหนีขึ้นฟ้าให้สำเร็จ
ในที่สุดเขาก็พบโอกาสที่จะหนีรอดจากการโจมตีของเปี๋ยยั่งหง มันดูเหมือนว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นแค่เวลาสั้นๆ เท่านั้น
หากมีคนจับเวลาดู ก็จะพบว่าเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงสามลมหายใจเท่านั้น
คนชุดน้ำเงินก็นับอยู่เงียบๆ เช่นกัน เขาแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ทำผิดพลาดแต่อย่างใด
กลีบดอกไม้เต็มฟ้ากลับคืนสู่สภาพของดอกไม้สีแดงดอกเล็กๆ ซึ่งตอนนี้ลอยเข้าใส่หลังของคนชุดน้ำเงินอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
เสียงดังกรอบตอนที่กระดูกซี่โครงของคนชุดน้ำเงินหัก เขากระอักเลือดแต่ก็ยังไม่หมดสติ เขาตวัดทวนและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำ
เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด กลายเป็นจุดสีดำอย่างรวดเร็วในสายตาของฝูงชน สลายหายไปในท้องฟ้าในชั่วขณะ
แต่ในชั่วขณะนั้น…
จุดสีดำก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ค่อยๆ เผยให้เห็นร่างหนึ่ง
คนชุดน้ำเงินกลับมา
เขาถูกดาบเล่มหนึ่งบนท้องฟ้าบีบให้กลับมา