เมื่อรับรู้ได้ถึงอานุภาพที่การโจมตีนี้ของหลินสวินแผ่ออกมา ผู้กล้ารุ่นเดียวกันในหมู่ผู้ชมการต่อสู้ก็แทบจะหนังศีรษะชาหนึบขึ้นมา หน้าเสียในทันที
ส่วนผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสก็จิตวิญญาณสั่นสะท้าน สงบใจลงได้ยาก
คมในฝัก!
ยิ่งร้ายกาจปานใดก็ยิ่งเงียบเชียบเท่านั้น!
การโจมตีที่เงียบเชียบไร้เสียงนี้ยังไม่ได้ระเบิดออกมา ก็สะท้านไปทั้งลานแล้ว
และจินมู่อวิ๋นที่อยู่ตรงข้ามหลินสวินยิ่งรู้สึกได้โดยตรงและรุนแรงยิ่งกว่า ชั่วพริบตานี้ในใจเขาเกิดความรู้สึกไร้พลังอย่างหนึ่ง
แต่เพียงแค่พริบตาเขาก็ตื่นจากความอ่อนแรงเช่นนี้ สติแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ต้องรับการโจมตีนี้ให้ได้!
จินมู่อวิ๋นมีลางสังหรณ์ว่าขอเพียงรับการโจมตีนี้ได้ ไม่เพียงทำให้หลินสวินแพ้การประลองครั้งนี้ได้เท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือพลังของเขาจะสามารถทะลวงขั้นอีกครั้ง!
ชั่วขณะนี้สีหน้าจินมู่อวิ๋นแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจังผิดธรรมดา สลัดทิ้งความโลภ โกรธ หลง ลืมสิ้นความแค้น ชิงชังและความกลัว!
ภายในร่าง พลังและวิชาลับต่างๆ ที่ครอบครอง นัยเร้นลับแห่งมหามรรคนานาชนิดโคจรถึงขีดสุดอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเข้าไปในเขตแดนอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ประหนึ่งความสงบเงียบก่อนแปรสภาพ เงียบเชียบรอดอกไม้ผลิบาน!
“หือ เจ้าหมอนี่ยอดเยี่ยมเสียจริง จะบรรลุขั้นในตอนนี้เสียอย่างนั้น!”
ยามนี้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นไม่น้อยต่างสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของจินมู่อวิ๋น ล้วนแสดงสีหน้าตกตะลึง ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าพรสวรรค์ของจินมู่อวิ๋นผู้นี้เย้ยฟ้าปานไหน!
“ครั้งนี้มีปีศาจไร้เทียมทานผุดขึ้นมามากเกินไปแล้ว เจิดจ้าตระการตากว่าแต่ก่อนนัก จินมู่อวิ๋นผู้นี้ หากอยู่ในครั้งที่แล้วต้องชิงอันดับหนึ่งมาได้อย่างสบาย ยืนผงาดเหนือผู้ใดแน่!”
ชายชราเผ่าวาทวาโยผู้หนึ่งเอ่ยเสียงสั่นเครือ เขาร่วมชมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่นี่ต่อเนื่องหลายครั้ง ได้เห็นผู้กล้าในใต้หล้ามากมาย แต่ยังไม่มีครั้งไหนที่เทียบได้กับคราวนี้
ในเวลาเดียวกันนั้นดวงตาดำของหลินสวินก็ฉายแววประหลาด
จากนั้นเขาเก็บสายตาลงไป เจตจำนงกร้าวแกร่งหลอมรวมกันในตอนนี้ แปรสภาพเป็นจิตต่อสู้ไพศาลเหลือคณา
กลางห้วงอากาศ ยามนี้ดาบหักที่สั่งสมพลังรอโจมตีไว้ก่อนแล้วโฉบออกมา
ขณะเดียวกันจินมู่อวิ๋นก็เคลื่อนไหวแล้ว กระบี่พรหมราชทิ่มแทงห้วงอากาศ แสงไร้ขอบเขตระเบิดออก กลายสภาพเป็นเงามายาวิญญาณเทพนับไม่ถ้วนบงการห้วงอากาศโดยรอบ ดุจดั่งเทพเทวาในอดีตกาลปรากฏกาย
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับดาบหักที่ฟันลงมา ทั้งหมดนี้ก็เหมือนไม่มีอยู่จริง!
ฉัวะ!
ท่ามกลางเสียงระเบิดแสบแก้วหู อานุภาพของกระบี่นี้ถูกบดขยี้ ดาบหักคมปลาบฟันลงมาตรงๆ บนหัวของจินมู่อวิ๋น
วิกฤตแล้ว!
ในเวลาเดียวกันนี้จินมู่อวิ๋นก็รู้สึกได้ถึงจุดพลิกผันกะทันหัน เขาดึงพลังทั้งหมดในร่างออกมาใช้จนหมด ตั้งรับอย่างสุดแรงเหมือนเป็นการเดิมพัน
มองจากไกลๆ ตัวเขาเหมือนกลายสภาพเป็นแสงสายหนึ่ง แสงกระบี่ที่ดุดันเทียมฟ้าสายหนึ่ง!
ทุกคนล้วนแสบตา ดวงวิญญาณหวาดผวา สะท้านจิตกับภาพนี้
ถึงกระนั้น…
ไม่ทันที่แสงกระบี่เทียมฟ้าสายนี้ของจินมู่อวิ๋นจะได้ผงาดขึ้น จู่ๆ ก็หม่นแสงลงกลางทาง จากนั้นระเบิดออกดังปึงๆๆ ละอองแสงปลิวว่อนกระจายไปทั้งสนาม
การโจมตีนี้ไม่ดุเดือดเท่ากระบวนท่าที่สอง แต่กลับตรงไปตรงมา โหดร้าย และสะเทือนขวัญอย่างน่าประหลาด!
กระทั่งว่าผู้ชมการต่อสู้หลายคนต่างเห็นไม่ชัดว่าดาบหักฟันออกมาเช่นไร จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าจินมู่อวิ๋นรับการโจมตีนี้ได้หรือไม่กันแน่
สาเหตุมีเพียงคำเดียว เร็ว!
เร็วจนหาที่เปรียบมิได้!
เมื่อสติรับรู้ฟื้นคืนมา การต่อสู้ก็จบลงแล้ว
ผ่านไปสามกระบวนท่าแล้ว!
ผลลัพธ์เป็นเช่นไร
ไม่อาจไปครุ่นคิด ตื่นตระหนก หรือใคร่ครวญใดๆ ทุกคนล้วนมองไปยังจินมู่อวิ๋นที่อยู่บนสนามโดยไม่รู้ตัว
ฝุ่นควันตลบอบอวล ละอองแสงยังคงปลิวว่อน เงาร่างของจินมู่อวิ๋นค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
ฉับพลันทันใด ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่อยู่บริเวณเชิงเขาเหล่านั้นก็ระเบิดเสียงร้องยินดีปรีดา
“ชนะแล้ว!”
“เทพมารหลิน สัญญาสามกระบวนท่าผ่านไปแล้ว ยังไม่รีบยอมแพ้อีกหรือ”
“ยกหินกระแทกใส่เท้าตัวเองแท้ๆ เทพมารหลินอย่างเจ้าก็มีวันนี้ด้วยหรือ”
ผู้ชมคนอื่นต่างอึ้งไป เทพมารหลินแพ้แล้วจริงหรือ
ทุกสายตามองไปยังหลินสวินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง บ้างมีความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นลำบาก บ้างยิ้มเหี้ยมและได้ใจ บ้างทอดถอนใจ
จินมู่อวิ๋นก็ทอดสายตาไปยังหลินสวินเช่นกัน เพียงแต่เขากลับเงยหน้าเชื่องช้าน่าประหลาด เหมือนยากลำบากและกินแรงถึงที่สุด
ประหนึ่งทำดวงวิญญาณหายไป
“อีกนิดเดียวก็จะบรรลุ แต่กลับทำไม่สำเร็จ ข้า… แค้นนัก!”
มุมปากจินมู่อวิ๋นขยับไหว เสียงเหมือนเค้นออกมาจากทรวงอก อ่อนแรงถึงที่สุด คล้ายเพียงประโยคเดียวก็ใช้พลังทั้งหมดของเขาจนสิ้น
“นี่… เกิดอะไรขึ้น” หลายคนหนังตากระตุก หรือเทพมารหลินไม่ได้แพ้
ปึง!
และในตอนนี้เอง ร่างผอมบางที่เดิมยืนตระหง่านราวกระบี่ของจินมู่อวิ๋นก็ล้มลงไปกับพื้นเสียงดัง ศีรษะของเขากลิ้งตกลงไปที่พื้น เลือดสดๆ สาดกระเซ็นออกมา
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในลานเงียบลงทันที ครู่เดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดไร้เสียง เงียบจนทำเข็มหล่นก็ได้ยิน
ตายแล้วหรือ
ผู้ฝึกปราณหญิงบางคนถึงกับตกใจจนร้องเสียงหลง ใบหน้างามซีดเผือด
“นี่…”
ผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่เดิมกำลังยินดีปรีดาและได้ใจ ไม่ว่าเด็กหรือแก่เวลานี้ต่างรู้สึกเหมือนถูกโจมตีฉับพลัน ภาพตรงหน้ามืดสนิท นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!?
พวกเขาไม่อาจยอมรับได้
ความแข็งแกร่งของจินมู่อวิ๋น ทุกคนที่อยู่ในสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างรู้ดี เขาถูกบ่มเพาะด้วยการมองว่าเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋คนที่สอง ในหมู่ศิษย์แกนหลักเขาก็เป็นผู้กล้าชั้นยอด เป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด!
แต่ตอนนี้กลับแพ้ในกระบวนท่าที่สามเช่นนี้หรือ
ทั้งศีรษะยังถูกฟันร่วงด้วย!
นี่น่าสะท้านขวัญเกินไปแล้ว
ในลานเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมสะท้อนก้อง
เซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินต่างไหวหวั่น กลางนัยน์ตามีประกายไหวเคลื่อน การโจมตีของหลินสวินเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถูกคุกคาม!
ส่วนยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่มองหลินสวินเป็นศัตรูอย่างอวี่หลิงคง ฉู่เป่ยไห่ หลี่ชิงผิง เวลานี้ล้วนมีท่าทางเหมือนถูกสายฟ้าฟาด จิตใจกระทบกระเทือน
เหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงแข็งแกร่งปานนี้ได้
จินมู่อวิ๋นมีคุณสมบัติเข้าช่วงชิงสี่อันดับแรก ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้จินมู่อวิ๋นกลับถูกกำราบราบคาบในสามกระบวนท่า!
ภาพนี้ส่งผลกระทบใหญ่ยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้พวกเขาต่างนิ่งอึ้งไปเช่นนั้น สีหน้าแปรผันไม่ว่างเว้น
แน่นอน ทุกคนรู้ดีว่าบนภูเขาเทพไร้มรณะแห่งนี้ ภายใต้ข้ารับใช้วิญญาณที่เป็นประจักษ์พยานด้วยตนเอง จินมู่อวิ๋นไม่อาจตายไปโดยสมบูรณ์
แต่นี่กลับทำให้ทุกคนไม่อาจไม่ตื่นตระหนก หากเกิดขึ้นในโลกภายนอก เช่นนั้นผลลัพธ์ย่อมไม่อาจคาดคิดได้!
“ฮ่าๆๆ จังหวะตบหน้านี่มันสะใจเป็นบ้า! ดูไอ้นกกาที่ตีนเขาพวกนั้นสิ สีหน้าแต่ละคนเหมือนพ่อแม่ตายไม่มีผิด!”
เสียงอาหลู่หัวเราะบ้าคลั่งดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เต็มไปด้วยอานุภาพร้ายกาจ ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากสำนักใหญ่ต่างๆ ที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้นแทบกระอักเลือด จะเต้นเร่าอยู่รอมร่อ
‘อาหลู่พูดถูกแล้ว’ จ้าวจิ่งเซียวเห็นด้วยอย่างหาได้ยาก แน่นอนว่าคำพูดนี้พูดอยู่ในใจ นางไม่ต้องการยั่วให้ฝูงชนโกรธเกรี้ยว
ชิ้ง!
หลินสวินเก็บดาบหักกลับมา หันกายออกจากสนามประลอง ระหว่างทางดวงตาดำของเขามองลงไปลวกๆ กวาดตาไปที่ตีนเขารอบหนึ่ง มุมปากยกยิ้มเหยียดหยามไร้เสียง
แม้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่นี่กลับเหมือนตบหน้าพวกผู้แข็งแกร่งที่เคยมีเรื่องกับหลินสวินเหล่านั้นเข้าอย่างจัง ทำให้พวกเขาเจ็บแสบอย่างยิ่ง
น่าแค้นนัก!
พวกเขาอับอายและขุ่นเคือง
ก่อนหน้านี้พวกเขามีใครบ้างเล่าจะเชื่อว่าหลินสวินสามารถเอาชนะจินมู่อวิ๋นได้ในสามกระบวนท่า แต่ความเป็นจริงก็คือ หลินสวินไม่เพียงเอาชนะอีกฝ่าย แต่ยังฟันหัวให้ร่วงลงมาอีกด้วย!
นี่ไม่ต่างอะไรกับตบหน้าตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
ฟู่!
หลังจากกลับสู่แท่นมรรคบนยอดเขา หลินสวินก็อดไม่ได้พ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง หว่างคิ้วปรากฏความเหนื่อยล้า
โจมตีสามครั้ง ดูเหมือนสบาย แต่ความจริงแล้วกลับใช้พลังกายของเขาไปมากกว่าครึ่ง ทำให้เขารู้สึกอ่อนแรงเช่นกัน
ขนาดหลินสวินยังต้องยอมรับว่าจินมู่อวิ๋นรับมือยากจริงๆ คราวนี้เขาใช้โทสะหยาจื้อกับวิชาอริยะยุทธ์ไป ถึงกำราบอีกฝ่ายได้ในที่สุด หากไม่ทำเช่นนี้ย่อมเอาชนะในสามกระบวนท่าได้ยาก
ซู่!
ฝนวิญญาณเทพงดงามเป็นประกายเทลงมาจากฟ้า ชโลมร่างหลินสวินไว้ภายใน พลังกายและจิตวิญญาณที่เขาใช้ไปแทบจะฟื้นคืนมาในชั่วไม่กี่อึดใจ กลับสู่สภาวะสมบูรณ์!
ในขณะเดียวกันบนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง จินมู่อวิ๋นก็ถูก ‘คืนชีพ’ อาบชโลมฝนวิญญาณเทพ และกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เพียงแต่หว่างคิ้วของเขากลับเต็มไปด้วยความอึมครึมที่ไม่อาจลบเลือน โดยเฉพาะยามสายตามองไปยังหลินสวิน มีทั้งความแค้น ขุ่นเคือง ไม่พอใจ และสับสน
เห็นได้ชัดว่าแม้รอยแผลจะสมานแล้ว แต่สภาวะจิตกลับยังไม่ฟื้นคืนจากการกระทบกระเทือนเมื่อครู่
อย่างไรเสียนี่ก็เท่ากับ ‘ตาย’ ไปแล้วครั้งหนึ่ง ภายในเวลาอันสั้นถูกโจมตีเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปล่อยวาง
ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ ในการประลองยกที่สามก็เป็นเขาที่ออกโรงเช่นกัน!
คู่ต่อสู้ของจินมู่อวิ๋นคือเซี่ยวชางเทียน ตอนนี้ฝ่ายหลังมาถึงสนามประลองแล้ว กล่าวด้วยเสียงกังวานว่า “จินมู่อวิ๋น ให้เวลาเจ้าได้ฟื้นฟูจิตใจให้มั่นคงอีกหน่อยไหม”
“ไม่ต้องแล้ว!”
จินมู่อวิ๋นสีหน้าเย็นชา สูดหายใจลึก สลัดความคิดฟุ้งซ่านในสมอง เงาร่างพริบไหวพุ่งมาที่สนามประลอง
ก่อนหน้านี้เขาก็ถูกฆ่าที่นี่ แต่ตอนนี้ไม่ทันไรก็ต้องกลับมายืนบนนี้อีกครั้ง นี่ทำให้สภาวะจิตของเขามีเค้าลางไม่มั่นคงอยู่บ้าง
“เจ้าแน่ใจหรือ”
เซี่ยวชางเทียนนิ่วหน้า “เจ้าในตอนนี้จิตใจมีเงาดำ เหมือนมีมารผจญ ยามต่อสู้จะส่งผลต่อการใช้พลังของเจ้า ย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมาก็ทำให้ทั้งสนามถอนหายใจไม่ว่างเว้น
หากเพียงแค่แพ้ก็คงไม่เป็นไร แต่จินมู่อวิ๋นกลับถูกฟัน จิตใจกระทบกระเทือนเพราะ ‘ความตาย’ ในใจมีเงามืดที่ไม่อาจสลายไปได้ในเวลาอันสั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมน่ากังวลจริงๆ
แต่ท่าทางซื่อตรงและใจกว้างเช่นนั้นของเซี่ยวชางเทียนก็ทำให้ทุกคนซาบซึ้ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ถือโอกาสตอนศัตรูอ่อนแอเหมือนที่หลี่ชิงผิงทำกับหลินสวินก่อนหน้านี้
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้อง!”
ความเยียบเย็นแผ่พุ่งออกมาจากแววตาของจินมู่อวิ๋น “หากเจ้าให้เกียรติข้าจริง ก็เอาพลังที่แท้จริงทั้งหมดของเจ้ามาประลองกับข้า หาไม่แล้วก็เลิกพูดจาไร้สาระ!”
เซี่ยวชางเทียนไม่เพียงไม่โกรธ กลับหัวเราะเสียงดัง “ได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ออมมือตามคำขอของเจ้า!”
ทันใดนั้นการต่อสู้ก็ปะทุขึ้น!
หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่กรำศึกดุเดือด มีสีสันแตกต่างจากการประลองครั้งใดก่อนหน้านี้
ระหว่างดูจินมู่อวิ๋นที่กำลังประลองกับเซี่ยวชางเทียนบนสนาม ในใจหลินสวินก็ลอบถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ‘ตัดกริยาวาจาออกไป เจ้าหมอนี่ก็หยิ่งทระนง มีจิตวิญญาณทรหดอดทน เพียงแต่น่าเสียดายที่มาจากสำนักเดียวกันกับอวิ๋นชิ่งไป๋…’
——