ตอนที่ 1028 ความตกใจของจอมยุทธ์ปีศาจ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

คณะสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจ ฮวาหรงและคนอื่น ๆ รีบหนีเอาตัวรอดจากไปอย่างน่าอดสูและเดินทางกลับไปที่นิกายหมื่นบุปผาในทันที

เพราะถึงอย่างไรนอกเหนือจากศิษย์หลายสิบคนที่เหลืออยู่ในนิกายหมื่นบุปผาตั้งแต่แรก สมาชิกจำนวนมากของจอมยุทธ์ปีศาจก็ประจำการอยู่ที่นี่แล้ว

ในเวลานี้ ฮวาฟางเฟยก็ออกจากสภาวะเก็บตัวบ่มเพาะพลังแล้วและตอนนี้กำลังหารือเรื่องต่าง ๆ กับผู้อาวุโสใหญ่ของจอมยุทธ์ปีศาจ

“จ้าวนิกายฮวา ท่านผู้นำของเราตัดสินใจที่จะลงมือในอีกสองปีข้างหน้า เรายังต้องใช้เวลาสั่งสมพลังอำนาจเพื่อให้มีความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม”

หนิงจิ้ง—ผู้อาวุโสใหญ่ของจอมยุทธ์ปีศาจเพิ่งเดินทางมาที่ดินแดนมหาเทพเมื่อเร็ว ๆ นี้ ระหว่างช่วงที่ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจกำลังฟื้นฟูความแข็งแกร่ง เขาเป็นผู้ที่รับผิดชอบจัดการเรื่องส่วนใหญ่ของขุมกำลัง

สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจมากกว่าครึ่งหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาประจำการที่นิกายหมื่นบุปผาแล้วและเตรียมความพร้อมสำหรับสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

“ถ้าเช่นนั้นเราก็จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสองปีนี้ในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของนิกายหมื่นบุปผาให้ได้มากที่สุด”

ฮวาฟางเฟยพยักศีรษะและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตลอดช่วงที่ผ่านมา นางมักจะมีอาการฉุนเฉียวและไม่สบอารมณ์อยู่เสมอ

เพราะถึงอย่างไรฮวาเยว่ก็ถอนตัวออกจากนิกายพร้อมกับนำเอาศิษย์ไปกว่าแปดในสิบส่วน หากมิใช่เพราะมีฮวาฟางเฟยเป็นจ้าวนิกาย ความแข็งแกร่งของนิกายหมื่นบุปผาคงจะลดน้อยลงจนตกหล่นไปจากตำแหน่งของสามสำนักและเก้านิกายโดยที่กลายเป็นเพียงขุมกำลังระดับสองของดินแดนอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม นิกายหมื่นบุปผาในปัจจุบันก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก หลายคนทราบแล้วว่านิกายหมื่นบุปผาร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและพวกเขาไม่ต้องการเข้าร่วมนิกายนี้อีกต่อไป แม้จ้าวนิกายอย่างฮวาฟางเฟยให้สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มากมายก็ยังไม่มีผู้ใดที่ต้องการเข้าร่วม เมื่อถึงคราวเข้าตาจน นางจึงจำต้องขอความช่วยเหลือจากจอมยุทธ์ปีศาจ

ทางจอมยุทธ์ปีศาจก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของนาง ทว่าส่งผู้อาวุโสใหญ่พร้อมคณะศิษย์ของขุมกำลังกว่าครึ่งหนึ่งมาที่นิกายหมื่นบุปผาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและแสดงความสนับสนุนต่อนิกายหมื่นบุปผา

เมื่อคนเหล่านั้นกว่าครึ่งประจำการอยู่ที่นิกายหมื่นบุปผา ฮวาฟางเฟยก็ไม่มีแผนที่จะรับสมัครศิษย์เพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม นางตั้งใจที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของศิษย์เดิมที่เหลืออยู่ในนิกายหมื่นบุปผาระหว่างช่วงนี้เพื่อให้พวกนางแสดงฝีมือในการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการต่อสู้ชี้ชะตาที่จะมาถึงในอนาคต

ทว่าในขณะที่ทั้งสองกำลังหารือเรื่องราวต่าง ๆ กันอยู่ ฮวาหรงและตัวแทนจากจอมยุทธ์ปีศาจก็เดินทางกลับมาถึงนิกาย สีหน้าของคนเหล่านั้นบิดเบี้ยวเหยเกอย่างที่สุดและสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจก็ตรงเข้ามาหาฮวาฟางเฟยอย่างรวดเร็วก่อนกล่าวอย่างเย็นชา “จ้าวนิกายฮวา ท่านจงใจปกปิดข้อมูลและทำให้พวกเราคนของจอมยุทธ์ปีศาจเผชิญกับอันตราย การใช้กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนเช่นนี้ถือว่าไม่เลวทีเดียว !”

* 借刀杀人ยืมดาบฆ่าคน เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก ซึ่งมีความหมายถึง การกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็ง ไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือเอง พึงยืมกำลังและไพร่พลทหารของผู้อื่นเป็นฝ่ายกำจัดศัตรู เพื่อเป็นการรักษากำลังและไพร่พลทหารของตนเองไว้สำหรับการศึกอื่น

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่ถูกหานโม่ฉือฉกชิงทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป พวกเขาก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา สมบัติมากมายที่พวกเขาเก็บรวบรวมสะสมมาตลอดหลายปีอยู่ในแหวนมิติทั้งสิ้น ทว่าตอนนี้มันตกไปอยู่ในมือของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าโกรธแค้นอย่างที่สุด

หากฮวาฟางเฟยแจ้งพวกเขาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหานโม่ฉือตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่ามและคงไม่ถูกปล้นชิงไปเองเช่นนี้

“ผู้อาวุโสสาม อย่าพูดจาหยาบคายกับจ้าวนิกายฮวา!”

ผู้อาวุโสใหญ่หนิงจิ้งกล่าวอย่างเย็นชาและจ้องหน้าสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจตาเขม็ง

ฮวาฟางเฟยก็ไม่รู้สึกโกรธเคืองใด ๆ ขณะหันไปมองฮวาหรงและเอ่ยถาม “รองจ้าวนิกาย เกิดอะไรขึ้นรึ ?”

ในเวลานี้ฮวาหรงได้รับดำรงตำแหน่งรองจ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผาแล้วและมีอำนาจที่พัฒนากว่าเดิมเล็กน้อย น่าเสียดายที่คนของนิกายหมื่นบุปผาในตอนนี้เหลือเพียงสองในสิบส่วนจากเดิมเท่านั้น แม้ได้เป็นถึงรองจ้าวนิกาย อำนาจบารมีของฮวาหรงในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าครั้งที่ยังเป็นผู้คุมกฎฝั่งขวาด้วยซ้ำ

“ท่านจ้าวนิกาย ท่านผู้อาวุโสใหญ่ เรื่องเป็นเช่นนี้…”

ฮวาหรงไม่กล้าปิดบังสิ่งใดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากนาง หนิงจิ้ง ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ก็พยายามสงบสติอารมณ์ไว้และไม่อาจสรรหาคำพูดใดกล่าวออกไปได้เลย

“จ้าวนิกายฮวา หานโม่ฉือนั่น…เขาแข็งแกร่งกว่าท่านอีกรึ ?”

หลังจากความเงียบครอบงำครู่ใหญ่ ในที่สุดหนิงจิ้งก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นนั้นจริง ๆ หรือ ? มดปลวกจากดินแดนระดับต่ำจะมีพรสวรรค์และพลังที่แกร่งกล้าถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน…

“ข้าก็ไม่มั่นใจนัก ก่อนที่เขาจะออกไปจากนิกายหมื่นบุปผาในคราก่อน เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งมากเท่านี้ บางทีในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาอาจได้เผชิญกับโชคลาภบางอย่างและพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองขึ้นไปได้อีกขั้น มิเช่นนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของฮวาหรงและคนอื่น ๆ พวกเขาก็ควรจะเอาชนะหานโม่ฉือได้อย่างแน่นอน”

ฮวาฟางเฟยขมวดคิ้วมุ่นและกล่าวออกไป คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะลงเอยเช่นนี้

อันที่จริง คราก่อนที่หงส์ฟ้าและหานโม่ฉือต่อสู้กัน เขายังไม่แข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นมากเกินไป ในครานั้น หานโม่ฉือก็ยังด้อยกว่าหงส์ฟ้าเล็กน้อยและต้องร่วมมือกับกิเลนอัคคีเพื่อไล่ต้อนหงส์ฟ้าจนต้องล่าถอยกลับไป

อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน พลังของหานโม่ฉือดูจะพัฒนาขึ้นมากพอสมควร การที่สามารถเอาชนะฮวาหรงและคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวาฟางเฟยเท่าใดนัก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้ายังไม่คิดขอโทษจ้าวนิกายฮวาอีกรึ ?”

หนิงจิ้งขมวดคิ้วขณะส่งสัญญาณให้สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวขอโทษฮวาฟางเฟยเสียก่อน

คนเหล่านั้นไม่สงสัยในวาจาของฮวาฟางเฟยแม้แต่น้อยและกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว จากนั้นความขุ่นเคืองใจก่อนหน้านี้ก็ดูจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยและกลายเป็นบรรยากาศความเป็นมิตรที่เข้ามาแทนที่

“ข้าเองก็พลาดไปที่ไม่ได้กำชับกับฮวาหรงก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้ทุกท่านต้องเผชิญความสูญเสีย ไม่ต้องกังวล เราจะชดใช้ในสิ่งที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปล้นชิงไปจากทุกคน”

ฮวาฟางเฟยยิ้มและกล่าวอย่างไม่ติดใจ

“จ้าวนิกายฮวาจะใจกว้างเกินไปแล้ว จอมยุทธ์ปีศาจของเราไม่ได้ขาดแคลนของพวกนั้นหรอก เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องลำบากเลย”

หนิงจิ้งโบกมือปัดและปฏิเสธทันทีก่อนกล่าวต่อ “ทว่าความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็เหนือความคาดหมายของเราไปอย่างแท้จริง ข้าคิดว่าเราควรหาทางกำจัดเขาไปเสียก่อน ต่อให้จะกำจัดไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็มิให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีก มิเช่นนั้น เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราอย่างแน่นอน !”

ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวมากแล้ว หากมีเวลาอีกสองปี พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหานโม่ฉือจะพัฒนาได้อีกมากเพียงใด เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ต้องประจันหน้ากับผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจ เขาก็อาจมีพลังพอที่จะต่อกรหรือเอาชนะได้ สถานการณ์ดังกล่าวมิใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ปีศาจและฮวาหรงต้องการให้เกิดขึ้น

“นั่นเป็นเรื่องยาก หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เป็นบุคคลที่ประหลาดเกินเข้าใจและมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเลย ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนั้นก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนิกายกระบี่สายฟ้าและเราไม่สามารถลงมือได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือด้วยความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือในปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็คงไม่มีใครมั่นใจว่าจะจัดการกับเขาได้”

ฮวาฟางเฟยส่ายศีรษะเบา ๆ และบ่งบอกว่าตนก็เคยคิดถึงเรื่องนี้มาแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่การกำจัดฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเป็นเรื่องที่ยากลำบากจนเกินไป ทั้งสองมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีไพ่ตายมากมายนักซึ่งแม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำให้ทั้งสองบาดเจ็บได้

“ข้าจะลองถามท่านผู้นำดู หากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีโอกาสพัฒนาความแข็งแกร่งต่อไป พวกนางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงสำหรับพวกเรา หากมีหนทางที่จะกำจัดทั้งสองได้ ต่อให้ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่มหาศาล เราก็ควรทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกนางไปเสียก่อน”

หนิงจิ้งคิดไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะขอคำแนะนำจากผู้นำของเขา อัตราการพัฒนาของหานโม่ฉือรวดเร็วจนเกินไปและระยะเวลาสองปีนี้ก็มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากมายซึ่งมิใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น

“ตกลง ไม่ว่าท่านผู้นำว่าอย่างไร เราจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”

ฮวาฟางเฟยพยักศีรษะและกล่าวออกไป ไม่ว่าผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจตัดสินใจอย่างไร พวกนางจะให้ความร่วมมือกับแผนการนั้นอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าไปแจ้งข่าวกับขุมกำลังพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อมิให้พวกเขาเคลื่อนไหวอะไรในตอนนี้และรอข่าวจากผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก่อน”

นางไม่รอช้าและสั่งการกับศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาหลายคนเพื่อให้พวกนางส่งข่าวไปแจ้งกับขุมกำลังพันธมิตรอื่น ๆ

บรรดาศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาก็พยักศีรษะตอบรับและแยกย้ายกันออกไปส่งข่าว ส่วนฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ก็ยังคงหารือกันอีกพักใหญ่ก่อนที่นางจะส่งคนของจอมยุทธ์ปีศาจออกไปและเรียกฮวาหรงเข้าไปพบที่ห้องลับของตน