ตอนที่ 1029 แผนการของฮวาฟางเฟย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในห้องลับ ฮวาฟางเฟยนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงและฮวาหรงยืนนิ่งอย่างรักษาท่าที

จู่ ๆ ฮวาฟางเฟยก็เรียกนางมาที่นี่ คาดว่าคงเป็นเพราะมีบางอย่างต้องการบอกกับนาง อย่างไรก็ตาม ฮวาหรงมิอาจคาดเดาได้เลยว่าจะเป็นเรื่องใด

“ท่านจ้าวนิกาย สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดจากความประมาทของข้าเอง หากทราบมาก่อนว่าหานโม่ฉือทรงพลังถึงเพียงนั้น ข้าก็ไม่มีทางทำอะไรอย่างบุ่มบ่ามและปล่อยให้อีกฝ่ายปล้นชิงของมีค่าทุกอย่างที่ท่านจ้าวนิกายมอบให้ข้าก่อนเดินทางไปที่เมืองราชวงศ์เช่นนี้แน่”

ฮวาหรงกล่าวขึ้นก่อนเพื่อแสดงความขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางไม่อาจคาดเดาความคิดของฮวาฟางเฟยได้แม้แต่น้อย หากฮวาฟางเฟยต้องการลงโทษนางเพราะเรื่องนี้ นางก็ไม่อาจคัดค้านได้

“ไม่เป็นไร ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อของเหล่านั้นถูกปล้นชิงไปแล้ว มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก ทว่าการที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่มิใช่เพราะเรื่องนี้”

ฮวาฟางเฟยโบกมือปัดเบา ๆ แม้มูลค่าของสิ่งของทุกอย่างที่ถูกปล้นไปในครานี้จะมิใช่น้อย ๆ แต่มันก็มิใช่เรื่องใหญ่สำหรับนิกายหมื่นบุปผาในตอนนี้

การที่ฮวาเยว่นำคณะศิษย์ส่วนใหญ่ของนิกายหมื่นบุปผาเดินทางไปเข้าร่วมกับนิกายกระบี่สายฟ้า ตอนนี้ฮวาหรงจึงกลายเป็นสมาชิกหลักของนิกายและฮวาฟางเฟยไม่คิดที่จะลงโทษนางเพราะเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้

ฮวาหรงถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีก่อนกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านจ้าวนิกายต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ ? หากเป็นคำสั่งจากท่าน ตราบใดที่ข้าทำได้ ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถและไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

ในช่วงที่ผ่านมานี้ลักษณะอารมณ์ของฮวาฟางเฟยแปลกประหลาดยากเกินคาดเดามากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมื่อฮวาฟางเฟยไม่คิดลงโทษนางในครานี้ก็ยากที่จะคาดเดาได้ว่านางต้องการทำสิ่งใด

“ฮวาหรง นิกายหมื่นบุปผาของเราไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อนอีกต่อไป หากมิใช่เพราะเรา เกรงว่านิกายหมื่นบุปผาคงถูกถอดออกจากการเป็นสามสำนักและเก้านิกายไปแล้ว แม้สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจจะเข้ามาปักหลักในนิกายของเราเป็นการชั่วคราวและเราทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมมือกัน แต่เราก็ต้องปกป้องนิกายอย่างสุดความสามารถ สาเหตุที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อหารือว่าเราจะทำอย่างไรกับนิกายหมื่นบุปผาของเราต่อไป”

ฮวาฟางเฟยกล่าวถึงจุดประสงค์ที่เรียกฮวาหรงมาพบในครานี้ ท่ามกลางสมาชิกของนิกายหมื่นบุปผาในปัจจุบันนี้ มีเพียงฮวาหรงเท่านั้นที่นางจะเชื่อมั่นและไว้วางใจได้

สถานการณ์ปัจจุบันของนิกายหมื่นบุปผาไม่ได้ดูดีเหมือนอย่างที่เห็นภายนอก

เดิมทีนิกายหมื่นบุปผาและจอมยุทธ์ปีศาจมีความสัมพันธ์เชิงร่วมมือกัน ทว่าตอนนี้นิกายหมื่นบุปผาอ่อนแอลงอย่างมากและดูเหมือนจะต้องพึ่งพาจอมยุทธ์ปีศาจโดยสมบูรณ์ซึ่งมิใช่สิ่งที่ฮวาฟางเฟยต้องการให้เกิดขึ้น ในตอนต้น จุดประสงค์ของการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายคือการกลายเป็นผู้ปกครองของทั่วทั้งดินแดนมหาเทพ ทว่าตอนนี้ต่อให้แผนการของจอมยุทธ์ปีศาจสำเร็จผล ด้วยพลังที่นางมี ฮวาฟางเฟยคงทำได้เพียงยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจแทนที่จะมีจุดยืนอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา

“ท่านจ้าวนิกาย ท่านบอกมาเถอะว่าจะให้ข้าทำอย่างไร ข้าจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด”

ฮวาหรงเข้าใจความหมายของฮวาฟางเฟยได้อย่างชัดเจน ทว่ายังเสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจนักและกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“เอาล่ะ แผนการของข้าคือการเริ่มจากการพัฒนาความแข็งแกร่งของศิษย์ในนิกายหมื่นบุปผาและผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนบรรลุขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดภายในเวลาสองปี จากนั้นข้าจะหาทางดึงดูดผู้ที่มีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์โดดเด่นให้มาเข้าร่วมกับนิกายเพื่อช่วยเรา แน่นอนว่ากฎเกณฑ์เก่า ๆ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน กฎที่ว่านิกายหมื่นบุปผาของเราจะไม่รับบุรุษเป็นศิษย์ในไม่ควรมีอีกต่อไป”

ฮวาฟางเฟยพยักศีรษะอย่างพึงพอใจ นางชื่นชอบที่ฮวาหรงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของตนอย่างไร้เงื่อนไข ซึ่งแตกต่างไปจากฮวาเยว่ที่มักตั้งคำถามอยู่เสมอ

สถานการณ์ก่อนหน้านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหากนิกายหมื่นบุปผาต้องการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง กฎเกณฑ์เก่าแก่บางอย่างก็ควรได้รับการเปลี่ยนแปลงเสียที อย่างเช่นการรับสมัครเพียงสตรีเป็นศิษย์ในและบุรุษมีโอกาสเป็นได้เพียงศิษย์นอก หากยังมีกฎเกณฑ์เช่นนี้ต่อไป ความแข็งแกร่งของนิกายหมื่นบุปผาจะไม่มีทางฟื้นฟูหรือพัฒนาได้ในเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน

ตราบใดที่ยกเลิกกฎเกณฑ์ดังกล่าวได้ เชื่อว่าจะมีผู้คนสนใจเข้าร่วมนิกายหมื่นบุปผาเป็นจำนวนมาก ต่อให้นิกายหมื่นบุปผามีข้อตกลงร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ มันก็ยังสามารถดึงดูดจอมยุทธ์ที่ทรงพลังมาได้

“เจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปกระจายข่าวในทั่วดินแดนโดยเร็ว เพื่อที่ผู้คนจะได้ทราบข่าวและมาสมัครเข้านิกายของเรา”

ฮวาหรงพยักศีรษะและเห็นด้วยกับการตัดสินใจเช่นนี้ หากยังคงยืนยันที่จะรับสมัครเพียงสตรีมาเป็นศิษย์ นิกายหมื่นบุปผาจะไม่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งขึ้นมาได้

“เอาล่ะ เรายังมีเวลาอีกสองปี หลังจากนี้ข้าจะไปพบกับพันธมิตรของเราและหาทางผูกมิตรเพื่อร่วมมือกับพวกเขาให้ได้ เพราะฉะนั้น ข้าจะปล่อยให้เจ้ารับผิดชอบดูแลเรื่องทุกอย่างของนิกายเป็นการชั่วคราวและจะให้หงส์ฟ้าช่วยเจ้าอีกแรง เราจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งแปดในสิบส่วนที่สูญเสียไปให้ได้ และจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน !”

นางกล่าวต่ออีกเล็กน้อย หากต้องการมีอำนาจในการเจรจาต่อรองกับจอมยุทธ์ปีศาจให้ได้มากขึ้น นางจะต้องร่วมมือกับนิกายเมฆาล่องลอยและขุมกำลังอื่น ๆ หากคนเหล่านั้นให้การสนับสนุนฮวาฟางเฟยอย่างเต็มที่ หลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น จอมยุทธ์ปีศาจก็ต้องเกรงใจพวกนางอยู่บ้าง

“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”

ฮวาหรงพยักศีรษะอย่างจริงจังเพื่อยืนยันว่าเข้าใจความหมายของฮวาฟางเฟย อย่างไรก็การ การโน้มน้าวใจบรรดาขุมกำลังใหญ่มิใช่เรื่องง่ายและมันก็ยากที่นางจะมีอำนาจต่อรองกับขุมกำลังอื่น ๆ

หลังจากหารือเรื่องสัพเพเหระบางส่วน ฮวาฟางเฟยก็ปล่อยให้ฮวาหรงออกไปจัดการธุระของตน

ทันทีที่ฮวาหรงออกไป หงส์ฟ้าก็ออกมาจากมิติเชื่อมอสูรอย่างรวดเร็ว

“หงส์ฟ้า จากคำอธิบายของคนเหล่านั้น เจ้ามั่นใจมากเพียงใดหากต้องเผชิญหน้ากับหานโม่ฉือในตอนนี้ ?”

ฮวาฟางเฟยเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ความแข็งแกร่งของหงส์ฟ้าก็พัฒนาขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเช่นกันและตอนนี้มันก็ทะลวงพลังเกินกว่าระดับราชาเซียนแล้ว สำหรับหงส์ฟ้าในตอนนี้ หากต้องประจันหน้ากับหานโม่ฉือ ไม่มีใครที่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีโอกาสชนะมากเพียงใด

“มีโอกาสชนะเพียงไม่มากนัก หานโม่ฉือเป็นจอมยุทธ์ที่ทรงพลังมากและเขาก็มีสมบัติหลายชนิดติดตัวอยู่ คราก่อนข้าแข็งแกร่งกว่าเขามากแต่ก็ยังเอาชนะไม่ได้ง่าย ๆ ตอนนี้การที่ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นมากนั้น โอกาสที่ข้าจะเอาชนะเขาจึงมีน้อยมาก”

หงส์ฟ้ากล่าวตามความเป็นจริงและเปิดเผยความรู้สึกจากใจ

ในปัจจุบันนี้มันไม่มั่นใจอีกต่อไปว่าจะเอาชนะหานโม่ฉือได้ ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาจนแกร่งกล้าขึ้นมากและเหนือความคาดหมายของทุกคน

“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่มิใช่บุคคลที่เราจะประมาทได้เลยจริง ๆ!”

ฮวาฟางเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเร็วในการพัฒนาของทั้งสองเหนือความคาดหมายของนางไปมากนัก ในเวลาอีกสองปีข้างหน้า ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าทั้งสองจะพัฒนาไปมากเพียงใด…

ในอีกฟากหนึ่งของดินแดน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ซึ่งยังอยู่ในเมืองราชวงศ์ได้รับข่าวว่านิกายหมื่นบุปผากำลังรับสมัครศิษย์ใหม่อย่างกระตือรือร้น

“เหอะ คงจะมีคนเข้าร่วมไม่มากนักหรอก”

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กำลังรวมตัวกันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ในระหว่างรับประทานอาหาร

ในตอนนี้นิกายหมื่นบุปผาไม่มีชื่อเสียงที่ดีเช่นเดิมอีกต่อไปและผู้ที่เลือกเข้าร่วมกับนิกายจะถูกมองข้ามหรือดูแคลนโดยผู้คนอย่างแน่นอน

เวลานี้ต่อให้นิกายหมื่นบุปผาจะเพิ่มแรงจูงใจก็คงมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะเลือกเข้าร่วม…

“ก็ไม่แน่เสมอไป ครานี้กฎเกณฑ์การรับศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาเปลี่ยนไปแล้ว ตราบใดที่ไม่มีกฎที่กำหนดว่าจะรับเพียงสตรีเป็นศิษย์ในก็คงจะมีจอมยุทธ์จำนวนมากที่สนใจเข้าร่วม ยิ่งไปกว่านั้น นิกายหมื่นบุปผาก็ยังคงเป็นหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายซึ่งมีพื้นเพภูมิหลังที่มั่นคง แม้แต่จอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าหลายคนก็อาจจะต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจเช่นนั้นไม่ได้”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ นางสังหรณ์ใจว่าครานี้นิกายหมื่นบุปผาน่าจะรับศิษย์ใหม่ได้เป็นจำนวนมากและคาดว่าจะมีผู้ที่ทรงพลังจำนวนหนึ่งเข้าร่วมกับพวกนาง

ถึงอย่างไรนิกายหมื่นบุปผาก็มีภูมิหลังที่ล้ำลึกและมีคนมากมายที่ปรารถนาจะได้ใช้ทรัพยากรของทางนิกาย หากตัดสินใจเข้าร่วมนิกายในตอนนี้ พวกเขาจะมีโอกาสได้ใช้ทรัพยากรเหล่านั้นอย่างเต็มที่

“จะว่าไปแล้ว สำหรับคำเชิญของตระกูลราชวงศ์ในวันพรุ่งนี้ ท่านจะตอบรับคำเชิญหรือไม่ ?”

หลานเผิงเอ่ยถามเบา ๆ