ตอนที่ 2315 จิตวิญญาณหลอกหลอน

อัจฉริยะสมองเพชร

แต่จอมราชันย์คือบุคคลสูงส่งที่มีโลกของตัวเอง คนอย่างพวกเขาจะดึงดูดความสนใจของคนระดับนั้นได้อย่างไร?

ครั้งหนึ่ง เคยมีราชันย์เทพเจ้าที่พยายามทำให้จอมราชันย์ทึ่งด้วยการ ‘เล่นใหญ่’ แต่ลงท้าย สิ่งที่เขาได้รับกลับไม่ใช่การยอมรับจากจอมราชันย์ แต่เป็นการตบหน้าที่ทำให้เขาถึงแก่ความตาย

นับแต่บัดนั้น นักรบทุกคนก็รู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามทำอะไรให้โดดเด่นเกินหน้าเกินตาต่อหน้าจอมราชันย์

ด้วยประสบการณ์ยาวนานหลายปี ราชันย์เทพเจ้ากลุ่มนี้รู้ดีว่ามีเพียง 2 ปัจจัยหลักที่จะทำให้พวกเขาได้การยอมรับจากจอมราชันย์

ข้อแรก ต้องมีความเก่งกาจปราดเปรื่องมากพอ

ข้อสอง ต้องได้การรับรองจากผู้มีอำนาจสักคน

หากไม่มี 2 ปัจจัยนี้ ก็ไม่มีทางทำอะไรได้

“ผมจะไม่พูดทั้งหมดนี่หรอกนะหากไม่มีทางออกให้พวกคุณ!”

เมื่อเห็นว่าทำให้ทุกคนหันมาสนใจได้สำเร็จ อ้าวเฟิงหัวเราะหึๆ “เรื่องจริงก็คือผมได้รับคำสั่งจากจอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์ต้องการของล้ำค่าบางอย่างในทะเลท่วมท้น ซึ่งหากพวกคุณช่วยผมหามัน เขาจะต้องพึงพอใจมาก ผมแน่ใจว่าเขายิ่งกว่าเต็มใจที่จะรับฟังคำขอใดๆก็ตามจากคุณ ไม่ว่าคุณจะอยากเป็นศิษย์สายตรงของเขา หรือตำแหน่งทรงเกียรติ ก็ล้วนแต่อยู่ในวิสัยที่ทำได้!”

“จอมราชันย์มังกรเมฆต้องการของบางอย่างหรือ?”

“จริงหรือเปล่า? จอมราชันย์คือบุคคลผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้และไม่มีอะไรทำให้เขาหวั่นไหวได้นี่นา? ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบางอย่างในโลกนี้ที่เขายังต้องการ…”

“ผมจะเชื่อคำพูดของคุณได้หรือ? ขอแค่เราหาของล้ำค่าที่จอมราชันย์มังกรเมฆต้องการมาได้ เขาก็จะรับเราเป็นศิษย์สายตรง หรือแม้แต่ให้ตำแหน่งทรงเกียรติกับเราด้วย ใช่ไหม?”

ทุกคนตื่นเต้นกับข้อเสนอของอ้าวเฟิง

เรื่องเดียวที่พวกเขากลัวก็คือจอมราชันย์ไม่น่าจะยังมีความอยากได้อะไร

ขอแค่มีบางอย่างที่จอมราชันย์ต้องการ พวกเขาก็พร้อมจะทำตัวให้เข้าตาจอมราชันย์และทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ ซึ่งนั่นจะนำไปสู่ความเป็นไปได้ของการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติ!

“ไม่ทราบว่าจอมราชันย์ต้องการอะไร?” ใครคนหนึ่งในหมู่ฝูงชนตั้งคำถาม

ถ้าของสิ่งนั้นหายากเกินไปจนถึงกับต้องสละชีวิต ลงแรงไปก็ไม่มีประโยชน์

เหตุผลที่พวกเขาอยากได้รับตำแหน่งทรงเกียรติก็เพื่อยืดอายุขัยและผลักดันตัวเองให้อยู่ในสถานภาพที่สูงส่งกว่าเดิม แล้วจะมีความหมายอะไรหากต้องตาย?

“สิ่งที่จอมราชันย์ต้องการคือน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นที่อยู่บนดินแดนนี้ ด้วยความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในนั้น แม้นักรบที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับผมก็ยังไม่อาจใช้มันได้ มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นที่สามารถซึมซับมัน” อ้าวเฟิงตอบ “แต่มีจิตวิญญาณหลอกหลอนจำนวนหนึ่งปกป้องพื้นที่นั้นไว้ ผมจึงเข้าไปคนเดียวไม่ได้ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ”

“จิตวิญญาณหลอกหลอน?”

“มันคือสิ่งมีชีวิตพิเศษชนิดหนึ่งที่เติบโตในพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพลังจิตวิญญาณ มันไม่มีกายเนื้อ และมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้า ทำให้รับมือได้ยาก ก่อนหน้านี้ผมเคยพยายามเข้าไปในพื้นที่แล้ว แต่ถูกผลักดันให้อยู่ข้างนอก แต่ถ้าเรารวมพลังกัน ก็น่าจะฝ่าด่านการคุ้มกันของพวกมันได้ไม่ยาก” อ้าวเฟิงพูด

หากเขาสามารถนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมาได้ด้วยตัวเอง คงไม่ยอมแบ่งความดีความชอบให้คนอื่นแน่

แต่แม้จะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว ก็ยังพบว่าไม่มีทางปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว

“น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น?” จางเซวียนตาโต

เขาได้อ่านเรื่องของมันจากหนังสือที่อยู่ในที่พักของปรมาจารย์ขง น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมีพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเสียอีก

ถ้าเขาได้มันมา ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะฝ่าด่านวรยุทธของพลังปราณไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดได้ในรวดเดียว

ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งตั้งคำถาม “จิตวิญญาณหลอกหลอนที่อยู่ที่นั่นมีจำนวนมากแค่ไหน? หากอันตรายเกินไป ผมคงต้องปฏิเสธ พวกเราอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไปมากกว่า…”

“ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป…เฮอะ!” อ้าวเฟิงเยาะ “ดูซิว่าใน 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมานี้ สรวงสวรรค์ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? ด้วยการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ การแย่งชิงทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธก็ยิ่งจะเข้มข้นดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ อย่าว่าแต่ยกระดับวรยุทธเลย ผมเชื่อว่าสำหรับพวกคุณส่วนใหญ่ ต่อให้จะรักษาระดับวรยุทธในปัจจุบันไว้ก็ยังยาก ให้ผมถามคุณตรงๆนะ คุณคิดว่า ทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ทั้งหมดน่ะ จะใช้ไปได้อีกนานแค่ไหน?”

“ทันทีที่ทรัพย์สมบัติของคุณหมดไปและวรยุทธเริ่มถดถอย คุณคิดว่าศัตรูในอดีตที่เคยหวาดกลัวคุณจะทำอย่างไร? คุณคิดว่ากลุ่มอำนาจต่างๆที่เคยหนุนหลังคุณมาตลอดจะยังสนับสนุนคุณอยู่ไหม? ผมคงไม่ต้องพูดให้มากมายหรอก พวกคุณส่วนใหญ่น่าจะเข้าใจแล้ว”

“เอ่อ…”

ทุกคนพูดไม่ออก

วรยุทธก็เหมือนกับการว่ายทวนน้ำ ไม่อาจอยู่กับที่ได้ มีแต่จะก้าวหน้าหรือถดถอยเท่านั้น

แม้การรักษาวรยุทธให้อยู่ในระดับเดิมก็ต้องใช้ทรัพยากรปริมาณมหาศาลแล้ว เหมือนกับนักรบที่ต้องฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้

สรวงสวรรค์กำลังเผชิญหน้ากับการขาดแคลนทรัพยากรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงขนาดที่แม้นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าก็แทบจะเสาะหาทรัพยากรให้เพียงพอต่อการรักษาระดับวรยุทธของพวกเขาไม่ได้

ราชันย์เทพเจ้าเกือบทุกคนมีตระกูลใหญ่หนุนหลัง หากพวกเขาถดถอย ตระกูลก็อาจล่มสลายเช่นกัน ทุกสิ่งที่สั่งสมมาจนถึงวันนี้ย่อมพังทลาย

“พวกคุณไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้หรอกหากสรวงสวรรค์มีสภาพอย่างทุกวันนี้ มีแต่จะต้องมุ่งหน้าและเสาะแสวงหาเส้นทางของตัวเอง หรือไม่อย่างนั้น…ก็ถดถอยลงไปจนไม่มีอะไรเหลือ เรื่องมันก็มีแค่นี้ ต่อให้ตัวผมในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจหลุดพ้นจากชะตากรรมแบบนั้น!”

เห็นฝูงชนเงียบกริบเพราะคำพูดของเขา อ้าวเฟิงเปลี่ยนโทนเสียงและถอนหายใจเฮือก “ผมจะบอกพวกคุณตามตรงนะ เมื่อ 2 วันก่อนมีการต่อสู้บนดวงจันทร์ และจอมราชันย์พิชิตสวรรค์…แพ้!”

“คุณว่าอะไรนะ?”

“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ตายแล้วหรือ?”

“เขาตายได้อย่างไร? หรือว่า…การต่อสู้กับจอมราชันย์หลินชี?”

“จอมราชันย์ก็ตายได้?”

เรื่องนี้ทำให้ฝูงชนพากันออกความเห็นเซ็งแซ่

ปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงต่อสู้กันบนดวงจันทร์ ดังนั้น นอกจากบรรดาจอมราชันย์และราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนสนิท ก็แทบไม่มีใครรู้ข่าว

การก้าวขึ้นสู่ความรุ่งเรืองของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์จุดประกายความหวังให้กับนักรบทั่วไปจำนวนมากมาย พวกเขารู้สึกว่าตราบใดที่ฝึกฝนอย่างหนัก ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นคนพิเศษอย่างเขา

ด้วยเหตุนี้ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จึงเป็นไอดอลของนักรบมากมายในสรวงสวรรค์ คือบุคคลที่ใครๆยกย่องและยึดถือเป็นเป้าหมาย

หลายคนแน่ใจว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะต้องมีชัยเหนือจอมราชันย์หลินชีแน่ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายเขาจะเสียชีวิต?

ขนาดจอมราชันย์ยังไม่รอด นับประสาอะไรกับราชันย์เทพเจ้า สถานการณ์ของพวกเขามีแต่จะสิ้นหวังกว่าเดิม

ราชันย์เทพเจ้าทั้ง 11 คนเงียบไป บรรยากาศตรงนั้นหนักอึ้ง

“ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้เพื่อให้พวกคุณหวาดกลัวนะ” อ้าวเฟิงพูด “แต่กำลังบอกพวกคุณว่าจะต้องทำตัวให้แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและปกป้องตระกูลของคุณให้ได้ สรวงสวรรค์ตรงหน้าเราไม่ใช่สรวงสวรรค์ที่สงบสุขอย่างที่เราเคยรู้จักแล้ว”

“ผมจะไม่ปิดบังพวกคุณ การเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณหลอกหลอนถือว่าอันตรายระดับหนึ่ง แต่หากเรารวมพลังและประสานงานกันให้ดี ผมก็มั่นใจว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จเกิน 90%”

“ไม่มีทางเลือกไหนที่ดีไปกว่านี้นะ ผมยื่นโอกาสให้พวกคุณแล้ว คุณจะรับมันไว้หรือไม่ก็เป็นการตัดสินใจของคุณ”

“พวกเราขอคิดอีกหน่อย…”

“ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะเสนอทางเลือกอีกทางหนึ่งให้” เห็นฝูงชนยังคงลังเล อ้าวเฟิงพูดต่อ “ขอแค่คุณเต็มใจไปกับผม ไม่ว่าเราจะได้น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมาหรือไม่ ผมก็จะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดให้คุณหนึ่งเม็ด และถือว่าผมเป็นหนี้บุญคุณต่อคุณด้วย แต่แน่นอนว่าผมต้องแบกรับความเสี่ยง ดังนั้น หากเราได้ของล้ำค่ามา คุณก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องรางวัลใดๆจากจอมราชันย์นะ”

“คือ…”

ฝูงชนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตด้วยความดีใจ

ราชันย์เทพเจ้าทั้ง 11 คนล้วนเป็นนักรบพเนจร บางคนสังกัดน่านฟ้า แต่ไม่มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนใดให้การสนับสนุน ดังนั้น ทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่พวกเขามีอยู่ในมือจึงมีปริมาณจำกัด

ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดหนึ่งเม็ดถือเป็นโชคลาภครั้งใหญ่ แถมอาจได้รับความดีความชอบจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติด้วย

เพียงแค่เข้าร่วมทีม ก็จะได้รับ 2 สิ่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้พวกเขาไม่อาจเรียกร้องรางวัลจากจอมราชันย์มังกรเมฆ แต่หากตอบรับข้อเสนอ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เข้าตาจอมราชันย์มังกรเมฆ และอาจเอาชนะใจอีกฝ่ายสำเร็จก็ได้

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่มีข้อเสีย

“ได้ ผมตกลง!”

“ผมก็ตกลง!”

…..

ความต่างที่สำคัญระหว่างข้อเสนอ 2 ข้อนี้ก็คือพวกเขาไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเต็มที่ให้กับการเสาะหาน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น ต่อให้สุดท้ายพวกเขาถอนตัวและภารกิจล้มเหลว ก็ยังได้รับรางวัลอยู่ดี

นี่คือความเสี่ยงที่พอรับได้

ราชันย์ทั้ง 11 คนตัดสินใจได้ภายในไม่ถึง 1 นาที

เมื่อได้ความเห็นชอบจากทุกคน อ้าวเฟิงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันมาถามจางเซวียนกับหลัวฉีฉี “คุณสองคนจะว่าอย่างไร?”

“ผมก็ตกลง” จางเซวียนพยักหน้า

น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นมีประโยชน์กับเขา เขาจึงตัดสินใจเข้ากลุ่มไว้ก่อน แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อ

“เยี่ยมเลย! ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกันแล้วนะ นับจากนี้ ผมจะขอย้ำว่าพวกคุณทุกคนต้องทำตามคำสั่งของผม ผมจะให้โอกาสพวกคุณถอยทันทีที่เราต้องปะทะกับศัตรู แต่ก็ไม่คิดหรอกนะว่าคุณจะทอดทิ้งพวกเราในช่วงเวลาคับขันแบบนั้น และถ้าการกระทำของคุณทำให้คนอื่นๆตกอยู่ในอันตราย ผมก็จะไม่ปรานี เข้าใจไหม?” อ้าวเฟิงพูด

“พวกเราเข้าใจ”

ฝูงชนพยักหน้า

“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลย!”

เมื่อการเจรจาต่อรองเสร็จสิ้น อ้าวเฟิงออกเดินนำ ทั้งกลุ่มตามเขาไปติดๆ

ไม่ช้าก็มาถึงอาณาบริเวณของลำธารสายหนึ่ง

พลังจิตวิญญาณในพื้นที่นั้นเข้มข้นกว่าที่ผ่านมา พืชพรรณขึ้นเขียวชอุ่มสูงตระหง่านขึ้นไปกลางอากาศ บดบังท้องฟ้าไว้

อ้าวเฟิงชี้นิ้วไปแล้วพูดว่า “จิตวิญญาณหลอกหลอนอยู่ตรงนั้น”

ทุกคนมองตาม เห็นหลายร่างที่เหมือนกับหมอกขาวเคลื่อนที่ไปมา

พวกมันคือจิตวิญญาณของพืชที่ได้รับการบ่มเพาะจากพลังจิตวิญญาณเข้มข้นในพื้นที่ จางเซวียนคิด