“ถ้ำเนตรมังกร! ไม่ได้!”
เมื่อได้ยินนามนี้ทางเจ้ามังกรก็ต้องกล่าวห้ามขึ้นมาด้วยใบหน้าขาวซีด
หลงจื่อยิ้มตอบ “เช่นนั้นท่านเจ้ามังกรจะหมายความว่า ห่าวเอ๋อต้องตายเปล่าหรือ? หรือท่านจะให้ข้าไปไล่สังหารล้างคนติดตามของเย่หยวนมัน?”
เจ้ามังกรหรี่ตามองก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ถ้ำเนตรมังกรนั้นมันเป็นแดนต้องห้ามของเผ่ามังกรเรา ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับออกมาได้ เจ้าคิดให้เย่หยวนเข้าไปนี้มันก็เท่ากับส่งเขาไปตายชัด ๆ มิใช่หรืออย่างไร?”
“น่าขัน! ไม่ให้มันไปที่อันตราย หรือจะให้มันไปที่ปลอดภัยเล่า? จักรพรรดิผู้นี้ไม่ขยี้สังหารมันลงกับมือนี้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ส่วนเรื่องของถ้ำเนตรมังกรนั้น หากตัวมันเป็นยอดคนแห่งสวรรค์อย่างแท้จริงและออกมาได้ จักรพรรดิผู้นี้ก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย!” หลงจื่อร้องบอกพร้อมเหลือบตาไปมองเย่หยวน
ถ้ำเนตรมังกรนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยภัยอันตราย อย่าว่าแต่ระดับหก แม้จะเป็นยอดคนระดับเจ็ดก็ไม่เคยกลับออกมาได้!
มีเพียงเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายเท่านั้นที่พอจะมีปัญญาเอาตัวรอดกลับออกมาจากถ้ำนั้นได้
แต่แม้จะเป็นกับเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย มันก็ยังเป็นสถานที่สุดแสนอันตราย
หลงจื่อนั้นย่อมไม่คิดว่าเย่หยวนจะกลับออกมาจากถ้ำเนตรมังกรได้
ส่วนเรื่องคำสัญญาใด ๆ นั้นมันก็แค่เอาไว้ใช้อ้างปัดความรับผิดชอบจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเกิดความเสียดายใด ๆ ขึ้น
มันเป็นการสังหารเย่หยวนโดยสร้างข้ออ้างไม่ให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาว่ากล่าวใด ๆ ได้
คิดมาถึงตรงนี้หลงจื่อก็แทบจะลุกขึ้นมาปรบมือให้ตัวเอง
ความคิดฉลาด ๆ เช่นนี้ หากมิใช่เขาคงคิดมันออกมาไม่ได้
“ได้ ข้าจะไป!” เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
เจ้ามังกรที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วตาม “หนุ่มน้อย เจ้านั้นไม่รู้ว่าถ้ำเนตรมังกรมันคือที่อันตรายปานใดแต่ก็กล้าจะรับปากหรือ? เจ้ามังกรผู้นี้จะบอกให้ว่าหากเจ้าไปด้วยกำลังของเจ้าในเวลานี้ มันย่อมจะกลายเป็นความตายอย่างแน่นอน!”
เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ว่าความเป็นห่วงของเจ้ามังกรนี้มันมาจากการที่ตัวเย่หยวนเป็นแขกของหลงเสี่ยวฉุน
แต่หลงจื่อนี้มีทั้งอำนาจและมากเล่ห์ ตัวเขาย่อมจะไม่มีทางปล่อยเย่หยวนรอดกลับออกไปได้ง่าย ๆ
หากวันนี้เขาไม่ยอมตกลงเข้าถ้ำไป พวกลู่เอ๋อทั้งหลายอาจจะได้รับอันตรายแทน
“ขอบคุณท่านเจ้ามังกรที่ห่วงใย เย่ผู้นี้ซาบซึ้งน้ำใจท่าน เพียงแค่ว่าต่อให้มันจะเป็นถ้ำเสือรังมังกรใด มีอันตรายใดบ้างที่เย่ผู้นี้ไม่เคยผ่านมา? เจ้าเฒ่า ข้าจะเข้าไปแน่ แต่เจ้าก็ต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์! สาบานว่าตัวเจ้าจะไม่คิดทำอันตรายใด ๆ ต่อพวกลู่เอ๋อทั้งหลาย!” เย่หยวนหันไปจ้องมองหลงจื่อ
“ฮ่า ๆ ตรงดี! เจ้าวางใจเถอะ หากเจ้ายอมตกลงตามสัญญานั้นจักรพรรดิผู้นี้ย่อมจะสาบานต่อเต๋าสวรรค์ให้เจ้าไปอย่างสบายใจ” หลงจื่อตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะ
…
เมื่อออกมาจากบ้านหินนั้นหลงเสี่ยวฉุนและหลงเสี่ยวไห่ทั้งสองก็มารอรับหน้าเย่หยวนอยู่
“เย่หยวน พวกมันไม่ได้คิดรังแกใด ๆ เจ้าใช่หรือไม่?” หลงเสี่ยวฉุนถามขึ้น
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “ข้าก็บอกไปแล้ว เฒ่าทั้งหลายนั้นมันไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก”
หลงเสี่ยวฉุนที่ได้ยินจึงถอนหายใจยาวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะตามหลัง “หึ ๆ ดูท่าชื่อรองมหาปราชญ์นี่มันจะสะดวกดีจริง ๆ! เจ้าหลงห่าวนั้นมันทำตัวขวางหูขวางตามานาน! สมควรตายแล้ว! หึ!”
“เสี่ยวฉุน!” หลงเสี่ยวไห่ร้องเตือนขึ้นมาทำให้หลงเสี่ยวฉุนต้องรีบปิดปากลง
ลู่เอ๋อและพวกทั้งหลายนั้นแม้จะได้ยินแต่ก็ยังไม่คิดเชื่อแน่ “นายน้อย มันไม่มีอะไรจริง ๆ แน่นะ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แน่นอน! เจ้าไม่คิดเชื่อนายน้อยเจ้าหรือ?”
เมื่อลู่เอ๋อได้ยินนางก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างพอใจ
ในคืนนั้นกู้หงได้เข้ามาหาเย่หยวนที่ห้องตามคำเรียกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
คนอื่น ๆ นั้นมีจิตใจบริสุทธิ์เป็นหนุ่มสาวไม่รู้โลก แต่ตัวเขาที่อยู่มาจนเฒ่าปานนี้มีหรือที่จะวางใจลงได้ง่าย ๆ?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียที่นี่มันก็คือแดนของเผ่ามังกร หาใช่วิหารนักบวชไม่
แน่นอนว่าการที่เย่หยวนเรียกเขามาหานี้มันย่อมจะยืนยันเรื่องที่เขากังวลได้มาก
เย่หยวนมองดูกู้หงด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้นไปหรอก ข้าก็ยังอยู่ดีมิใช่หรือ?”
กู้หงแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ท่านอาจารย์มีคำสั่งใดหรือ?”
เย่หยวนตอบกลับมา “วันพรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปยังสถานที่ที่ชื่อว่าถ้ำเนตรมังกรและอาจจะหายไปนานปี หากข้าออกมาก่อนเวลาสิบปีก็ถือว่าแล้วไป แต่หากสิบปีแล้วข้ายังไม่กลับออกมา เจ้าจงพาคนทั้งหลายนี้เดินทางออกจากเมืองบูรพาโลกเสมือนนี้ไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่อรอฟังข่าวคราวต่อไปเสีย”
กู้หงที่ได้ยินต้องผงะไปทันที “อาจารย์ มัน…เจ้าถ้ำเนตรมังกรนี้มันคือสถานที่เช่นใดกัน?”
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “ข้าก็ไม่ทราบได้ รู้แค่ว่ามันเปี่ยมอันตรายแน่นอน เจ้างูเฒ่านั่นมันคิดใช้ชีวิตพวกเจ้าทั้งหลายข่มขู่ข้า ทำให้ข้าต้องเข้าไปในถ้ำเนตรมังกรนี้ เจ้าไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้นหรอก อาจารย์เจ้านั้นผ่านสถานที่อันตรายมานับไม่ถ้วน มีหรือที่เจ้าเฒ่านั่นมันจะส่งข้าไปตายได้ง่าย ๆ?”
กู้หงแสดงสีหน้ากังวลออกมา “แต่…”
เย่หยวนตอบกลับไป “มันไม่มีแต่ใด ๆ ทั้งสิ้น ระหว่างที่ข้าไม่อยู่นี้เจ้าจงดูแลพวกลู่เอ๋อทั้งหลายให้ดี หากนางเด็กคนนั้นรู้ว่าข้าไปยังถ้ำเนตรมังกรใด ๆ แล้วนางคงไม่ยอมปล่อยข้าไปคนเดียวแน่ จงเอาข่าวนี้ไปบอกหลังข้าออกเดินทางไปแล้วเถอะ นอกจากนี้เจ้าเองก็จงฝึกฝนวิชาโอสถไว้ให้ดี หลังจากที่ข้าออกมาแล้วข้าจะกลับมาทดสอบฝีมือเจ้าอีกครา!”
กู้หงที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย หลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่นานในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับออกมา “ขอรับท่านอาจารย์! เดินทางครั้งนี้ท่านอาจารย์ต้องระวังให้มาก!”
…
เช้าตรู่วันต่อมาก่อนที่ท้องฟ้าจะทันได้ทอแสงเย่หยวนก็เดินออกมาถึงยังหอศิลาสูงล้ำแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ส่วนกลางสุดของปราการมังกรพิรุณโดยมีหลงฉือยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ? หากเข้าไปแล้ว มันคงไม่มีทางกลับมาได้อีก!” หลงฉือกล่าว
“หากข้าไม่ไป เจ้าเฒ่านั่นมันจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ หรือ?” เย่หยวนตอบกลับไป
หลงฉือเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาว “หากข้ารู้ว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่คิดพาท่านมาตั้งแต่แรก!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พูดไปตอนนี้มันก็เท่านั้น เรื่องมันแล้วไปแล้ว! แต่หากเจ้าเฒ่านั้นมันคิดอยากได้ชีวิตข้า มันคงไม่ง่ายนัก!”
“ภายในถ้ำเนตรมังกรนั้นมันแฝงล้ำไปด้วยภัยอันตราย ที่สำคัญมันยังคลื่นพลังดุร้ายมาก หอศิลาจรัสนี้เองก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อผนึกถ้ำเนตรมังกรโดยเฉพาะ” หลงฉือบอกเย่หยวนด้วยใบหน้าหนักใจ
เย่หยวนเองก็ได้แต่เบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้า เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าเจ้าถ้ำเนตรมังกรนี้มันจะตั้งอยู่กลางปราการมังกรพิรุณเช่นนี้
เผ่ามังกรนี้ช่างสร้างที่อยู่อาศัยได้อันตรายเสียจริง ๆ
ราวกับว่าปราการทั้งหมดนี้มันถูกสร้างขึ้นล้อมรอบเพื่อสะกดพลังของถ้ำเนตรมังกรก็ไม่ปาน
“มาเถอะ ตามข้ามา พวกหลงจื่อทั้งหลายมันคงรอเจ้าอยู่แล้ว อย่าไปถูกค่ายกลเข้าเล่า ถึงเวลานั้นต่อให้จะเป็นเทพเซียนที่ไหนมาก็ช่วยเจ้าไม่ได้” หลงฉือร้องบอก
เย่หยวนค่อย ๆ เดินตามหลงฉือลงบันไดวนยาว ไม่รู้ว่าเดินลงมานานเพียงใดแต่สุดท้ายพวกเขาก็เห็นจุดสิ้นสุดของมัน
จู่ ๆ ภาพตรงหน้าของเขามันก็กลับสว่างจ้าขึ้น ตรงหน้าของทั้งสองปรากฏโถงใหญ่
และที่ส่วนกลางโถงใหญ่นี้มันได้มีไฟสีม่วงถูกตั้งเป็นวงไว้รอบทางเข้าถ้ำหนึ่งที่ปล่อยคลื่นพลังสุดแสนชั่วร้ายออกมา
ขนาดว่านี่คือพลังที่ถูกผนึกไปแล้ว
ไม่รู้เลยว่าภายในถ้ำเนตรมังกรที่แท้จริงมันจะมีคลื่นพลังรุนแรงน่าหวาดกลัวปานใดรออยู่
หากเวลานี้มีนักยุทธนภาสวรรค์มายืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงได้แข็งตายเพราะคลื่นพลังชั่วร้ายนี้ก่อนจะได้ทำอะไรเป็นแน่แท้
เย่หยวนหรี่ตามองดูภาพตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายของถ้ำเนตรมังกรนี้อย่างถึงที่สุด
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้ามังกรจะทำสีหน้าเช่นนั้นออกมาเมื่อได้ยินนามของถ้ำเนตรมังกร
หลงจื่อและหลงหยู่นั้นต่างกำลังยืนรอคอยอยู่ตรงหน้าทางเข้าถ้ำนี้ เมื่อพวกเขาได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็แสดงสีหน้าเหมือนตัวร้ายที่แผนประสบความสำเร็จออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง
“เย่หยวน พวกเรามาส่งเจ้า!” หลงหยู่ร้องบอกขึ้นมาอย่างสองแง่สองง่าม ความหมายนี้มันคือทั้งส่งเข้าถ้ำและส่งไปยังโลกหน้า
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เช่นนั้นข้าคงต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว ข้าก็นึกว่าเวลานี้พวกเจ้าจะไปส่งหลงห่าวกันอยู่เสียอีก”
หลงจื่อที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับมา “วางใจเถอะ ไม่นานเขาคงได้เจ้าเป็นเพื่อนร่วมทางแล้ว ห่าวเอ๋อหลานข้าไม่เหงาแน่”
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นขึ้น “เช่นนั้นพวกเจ้าต้องภาวนามิให้ข้าตายเสียแล้ว ไม่เช่นนั้น มันคงไม่ได้ไปสู่สุคติแน่”
เมื่อสองพ่อลูกได้ยินคำของเย่หยวนพวกเขาก็กัดฟันแน่นออกมาอย่างโกรธแค้น
“หึ! ปากดีจริง ๆ! เข้าถ้ำเนตรมังกรไปแล้วยังจะปากดีเช่นนี้ได้หรือไม่! เลิกไร้สาระเสียที! เอาสัญญามาหรือไม่?” หลงจื่อร้องถามขึ้น
เย่หยวนหยิบแผ่นหยกออกมาพร้อมกล่าวตอบ “เจ้าสาบานสิ”
……………..