ตอนที่ 1074: การล้างแค้นของไป๋เต๋า

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1074: การล้างแค้นของไป๋เต๋า

ตาขวาของไป๋เต๋าดูค่อนข้างชั่วร้าย เหมือนว่ามีภาพลวงตากำลังกระโจนไปมาด้านใน จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้าและไปถึงที่ตรงหน้ายู่ซีฉิงในทันที จากนั้นเขาก็ทาบเอาดาบสะเทือนสวรรค์เอาไว้บนบ่าของยู่ซีฉิง แรงกดดันของดาบนั้นมหาศาล เขาพูด “พูดมา ใครเป็นคนรับผิดชอบในการกำจัดตระกูลไป๋ของข้าเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้”

“ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้ ผู้อาวุโส ข้าไม่รู้จริงจริง มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเมฆโลหิตของข้าเลย” ยู่ซีฉิงกลัวอย่างมาก แรงกดดันจากยุทธภัณฑ์ราชาดูเหมือนจะรุกคืบเข้าไปในวิญญาณของเขา และเขาก็ไม่สามารถคิดที่จะต่อต้านได้เลยในตอนนี้

เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่ก็เพิ่งได้เป็นเมื่อเร็ว ๆ นี้เท่านั้น เขายังอยู่ในวัฏจักรที่ 1 อยู่

จิตสังหารรุนแรงเป็นประกายอยู่ในดวงตาของไป๋เต๋า “ถ้าเช่นนั้นเจ้ายังจะมีประโยชน์อะไรถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่รู้อะไรเลย ? ” หลังจากนั้น ไป๋เต๋าก็เหวี่ยงดาบสะเทือนสวรรค์ก่อนที่ยู่ซีฉิงจะได้อธิบายอะไรและบั่นหัวของเขาออก ในเวลาเดียวกัน พลังงานจำนวนมากก็พุ่งออกจากดาบและพุ่งเข้าไปในหัวของยู่ซีฉิง และกำจัดวิญญาณของเขาไป

เซียนผู้คุมกฎที่มีพรสวรรค์ได้ตายลง

ตาของไป๋เต๋าเป็นประกายอย่างบ้าคลั่ง “บ้าเอ้ย เจ้าหนู เจ้าไปฆ่ามันทำไม ? เจ้าไม่ได้ยินหรอว่าอาจารย์ของมันเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรคาร์ล ? จะ จะ เจ้าทำให้ข้าประสาทเสียจริงจริง ? เจ้ากำลังสร้างปัญหาให้กับข้า” เสียงอันโกรธเกรี้ยวของดาบพิษที่น่าเคารพดังอยู่ในหัวของไป๋เต๋าหลังจากที่ยู่ซีฉิงตาย

หน้าของไป๋เต๋ายังเหมือนเดิมและไม่ได้สนใจในเสียงร้องของดาบพิษเลย เขากวาดสายตาไปทั่ว ๆ คฤหาสน์ของตระกูลเมฆโลหิตช้า ๆ และเขาก็พึมพำออกมา “สถานที่นี้เป็นของตระกูลไป๋ มันจะเป็นของตระกูลไป๋ตลอดไป ไม่มีใครจะเอาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ไปได้ ข้าจะฆ่าคนที่เอาไปให้หมด” ไป๋เต๋าพูดออกมาเบามาก แต่มันก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร ทุกคนในตระกูลเมฆโลหิตได้ยินมันอย่างชัดเจน

จากนั้นเขาก็กวาดตามองไปที่คนของตระกูลเมฆโลหิตแล้วพูดต่อ “ใครที่เป็นคนมีส่วนรับผิดชอบต่อตระกูลไป๋ในตอนนั้น? พูดมาและข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

ทุกคนหน้าซีด ขาของพวกเขาสั่นเพราะว่าพวกเขากลัวมาก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ยู่ซีฉิงเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎ แต่เขายังถูกสังหารไปโดยไม่มีทางสู้เลย นั่นทำให้พวกเขากลัวอย่างมาก

จิตสังหารพุ่งพวยอยู่ในตาของไป๋เต๋า เขาพึมพำ “ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้ พวกเจ้าก็ตายซะ” ไป๋เต๋ายกดาบสะเทือนสวรรค์ขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะเหวี่ยงมันออกไปด้วยความเร็วสูง

บู้ม

เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นที่กลางเมืองเฮลไฟร์ ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองถูกกำจัดไปในทันที ไม่มีใครเหลือรอด และเป็นเหมือนกับตระกูลไป๋เมื่อหลายปีที่แล้ว คฤหาสน์ที่หรูหราตรงกลางเป็นซากปรักหักพัง

การที่ตระกูลเมฆโลหิตถูกทำลายทำให้ทุกคนในเมืองตกใจและตะลึง ผู้คนนับไม่ถ้วนเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ไป๋เต๋ายืนกอดอกอยู่ในซากปรักหักพังของตระกูล สายตาของเขาหม่นหมองและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหมือนว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักที่จะคิดไปถึงเวลาก่อนหน้านี้

ยุทธภัณฑ์ราชาถูกใช้แทงเข้าไปในหินแข็งข้าง ๆ เขา มันเปล่งประกายไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ สั่นไปด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา และดูอยู่ห่าง ๆ ในขณะที่เสียงพูดคุยก็ดังออกมาเรื่อย ๆ

เสาหินใหญ่ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของไป๋เต๋า และมันก็มีตัวหนังสือใหญ่สลักอยู่

“ลูกหลานของตระกูลไป๋ได้กลับมาแล้วพร้อมกับขนสัตว์อสูร มาเอามันไปซิ”

ตระกูลที่ทรงพลังเทียบเท่ากับตระกูลสันโดษได้ถูกกำจัดไปในพริบตา มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ในทวีปที่มีแต่ความวุ่นวายไม่สิ้นสุด แต่มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่ในเมืองเฮลไฟร์

ยามกลุ่มหนึ่งได้รีบมาจากจวนเจ้าเมืองไปยังที่ที่ตระกูลตั้งอยู่เมื่อพวกเขาได้ยินข่าว อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นซ่อนอยู่ในฝูงชนในขณะที่มองดูอยู่ไกล ๆ และไม่ต้องการที่จะเผยตัวออกมา พวกเขารู้สึกกลัวมากเมื่อพวกเขาได้เห็นว่าตระกูลได้กลายเป็นผุยผงไป

ตระกูลใหญ่อื่นทั้งหมดในเมืองได้มาที่ตระกูลเมฆโลหิตเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดก็ซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ และจ้องไปที่ร่างสีดำในซากปรักหักพังด้วยความกลัว สำกรับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ร่างสีดำนั้นดูเหมือนปีศาจที่มาจากนรก ไป๋เต๋านั้นน่ากลัวมาก

เสาใหญ่ในซากปรักหักพังได้กลายเป็นจุดสนใจเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นคำที่สลักอยู่บนมัน หลายคนก็เดาถึงตัวตนของไป๋เต๋าได้ เขาเป็นคนของตระกูลไป๋ที่ถูกกำจัดไปเมื่อห้าสิบปีก่อน

ชายชราในชุดมังกรและมงกุฎนั่งอ่านหนังสือศึกษาอย่างสนใจอยู่ในพระราชวังของจักรวรรดิคาร์ล มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่เงียบ ๆ แต่ก็มีพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากมุมห้องเป็นครั้งคราว

ชายชราคนนี้เป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิคาร์ล เขาไม่ได้ทรงพลังมาก แต่เขามีอำนาจมากมาย

จักรวรรดิคาร์ลถูกควบคุมต่างจากที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ถูกควบคุม บนเปลือกนอกแล้ว จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะถูกควบคุมโดยราชวงศ์ แต่ผู้ที่ควบคุมจริงจริงแล้วคือตระกูลใหญ่ทั้งสาม ราชวงศ์เป็นเหมือนหุ่นเชิดของตระกูลใหญ่ทั้งสาม แม้แต่ตำแหน่งจักรพรรดิยังถูกสับเปลี่ยนไปในระหว่างตระกูลทั้งสาม

ในอีกมุมหนึ่ง จักรวรรดิคาร์ลนั้น ถูกควบคุมโดยราชวงศ์เหมือนกับจักรวรรดิเฟยลี่

ในตอนนี้ มิติรอบ ๆ จักรพรรดิก็กระเพื่อมเล็กน้อย และชายที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำปรากฏขึ้นมาเงียบ ๆ เขาส่งจดหมายในมือของเขาให้ไปอย่างสุภาพแล้วพูดออกมา “นายท่าน นี่เป็นจดหมายด่วนจากเมืองเฮลไฟร์”

จักรพรรดิมองไปข้างหน้าก่อนที่จะวางหนังสือในมือของเขาลงอย่างช้า ๆ “ตระกูลเมฆโลหิตของเมืองเฮลไฟร์ถูกกำจัดไปแล้ว และแม้แต่ยู่ซีฉิงยังตาย ยู่ซีฉิงได้เป็นเซียนผู้คุมกฎในเวลาแค่ห้าร้อยปี และเขามีโอกาสอย่างมากที่จะได้เป็นเซียนราชา เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ ที่อัจฉริยะแบบนี้ต้องมาตายก่อนที่จะเติมโตเต็มที่” จักรพรรดิพับจดหมายแล้วส่งกลับไปให้ชายในผ้าคลุม เขาพูด “เอาจดหมายนี้ไปให้ผู้พิทักษ์ราชวงศ์โม่เจียน”

“พะยะค่ะ ! ” ชายในชุดคลุมตอบกลับอย่างสุภาพ ก่อนที่จะหายไปพร้อมกับจดหมาย

ในส่วนลึกของพระราชวัง ชายชราผิวย่นในชุดขาวกำลังนั่งหลับตาอยู่บนเบาะ เขาดูธรรมดามากและไม่มีลักษณะที่โดดเด่นเลย นอกเหนือไปจากชุดที่เขาใส่ที่ดูค่อนข้างแพง

“ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ข้าน้อยมาภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิเพื่อมาส่งจดหมายนี้” ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไร้อารมณ์และสุภาพก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก

“เข้ามา ! ” ชายชราร้องออกไปโดยไม่ได้ลืมตาเลย

ประตูเปิดออกและชายในชุดคลุมก็เข้ามาพร้อมก้มหัว เขาเดินเข้ามาจากด้านนอกและส่งจดหมายไปให้ชายชรา

ชายชราลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาของเขาลึกซึ้งเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่กว้างใหญ่ เขายกมือขึ้นช้า ๆ เพื่อรับจดหมายและและเริ่มอ่านมัน

ในเวลาต่อมา หน้าตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สายตาที่เฉยเมยของเขาเปลี่ยนไปเป็นจ้องเขม็งในทันที แสงสองสายยิงออกมาจากตาของเขาเหมือนใบมีด เขาน่ากลัวมาก และเขาทำให้มิติที่อยู่ตรงหน้าของเขาสั่นไหวไปเล็กน้อย

“ยู่ซีฉิงถูกสังหารที่เมืองเฮลไฟร์ พวกมันกล้าดียังไง ! ใครกันที่กล้าทำอะไรแบบนี้ ? กล้าแม้กระทั่งสังหารลูกศิษย์ของข้า โม่เจียน ! ” ชายชราโกรธจัดและยืนขึ้นจากเบาะทันที จหมายในมือของเขาเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง

“หืม ข้าอยากจะดูว่าใครกันที่กล้าทำตัวแบบนี้และไม่เคารพข้าเลยในจักรวรรดิคาร์ล” ชายชราหน้าซีดเผือดด้วยความโกรธ เขาสะบัดแขน แล้วรอยแยกก็ปรากฏขึ้นที่มิติตรงหน้าเขาและกลายเป็นประตูมิติ เขาก้าวเข้าไปและหายไป

ไป๋เต๋ายืนอยู่ในซากปรักหักพังของตระกูลเมฆลหิตเหมือนรูปปั้น เขาไม่เคลื่อนไหวเลยมานานมาก ในขณะที่ผู้คนมากขึ้นมารวมกันรอบ ๆ และอยู่ห่างเป็นพันเมตรจากเขา ทุกคนชี้ไปที่ซากปรักหักพังของตระกูลและพูดคุยกัน ตระกูลไป๋ที่อยู่ที่เมืองเฮลไฟร์เมื่อห้าสิบปีก่อนที่ถูกทุกคนลืมเลือนไปจนหมดแล้วเริ่มจะกลับเข้ามาในความทรงจำของทุกคนเช่นกัน

“ลูกหลานของตระกูลไป๋ได้กลับมาแล้วพร้อมกับขนสัตว์อสูร มาเอามันไปซิ บางทีการถูกทำลายของตระกูลไป่จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับขนสัตว์อสูรหรือเปล่า ? “

“สำหรับลูกหลานของตระกูลไป๋ที่กลับมาแบบเอิกเกริกแบบนี้ บางทีเขาอาจจะต้องการล่อให้คนที่กวาดล้างตระกูลของเขาเมื่อหลายปีก่อนออกมาแล้วแก้แค้นก็เป็นได้…”

“แต่ความแข็งแกร่งของลูกหลานคนนี้อยู่ในระดับไหนกันนะ ? แม้แต่ยู่ซีฉิงที่เป็นเซียนผู้คุมกฎยังไม่ใช่คู่มือของเขา นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว…”

..

เสียงพูดคุยดังขึ้นมาจากฝูงชนเรื่อยเรื่อย คำที่ถูกสลักอยู่บนเสาหินที่อยู่ด้านหลังของไป๋เต๋านั้นตอบได้หลายเรื่อง

ทันใดนั้นเอง ประตูมิติหลากสีก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือซากปรักหักพัง ก่อนที่คนที่สร้างประตูมิติจะได้ออกมา พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ปกคลุมไปรอบ ๆ และครอบคลุมไปทั้งเมือง

ทุกคนในเมืองเฮลไฟร์หยุดสิ่งที่กำลังทำในขณะนั้น พวกเขาจ้องไปที่ท้องฟ้าด้วยความตกใจ หลายคนไม่เห็นประตูมิติที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงที่มาของแรงกดดันได้อย่างชัดเจน

ไป๋เต๋าเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ในซากปรักหักพังของตระกูลเมฆโลหิต เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และจ้องไปที่ประตูมิติกลางอากาศ ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม ตาขวาของไป๋เต๋าก็เป็นประกายอย่างดุร้าย ดาบพิษที่เคารพส่งเสียงโกรธอยู่ในหัวของเขา “เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 นั่นมันเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ! ไป๋เต๋า เจ้าหนู! เจ้าไปยั่วยุเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 เข้าให้แล้ว ! บ้าเอ้ย ถ้าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็อย่าลากข้าไปตายด้วย ! จอมยุทธระดับนี้ทำอะไรข้าไม่ได้ตอนที่ข้าอยู่ในสภาพเต็มร้อย แต่สภาพของข้าในตอนนี้.. เฮ้อ เจ้าสร้างหายนะให้กับข้าแล้วในตอนนี้”