ตอนที่ 1075: เซียนระดับราชาโม่เจียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1075: เซียนระดับราชาโม่เจียน

ตาของไป๋เต๋าเป็นประกายแตกต่างกันทั้งสองข้าง เขาดูเหมือนจะไม่สนใจในความโกรธของดาบพิษและจ้องไปที่ประตูมิติที่อยู่กลางอากาศอย่างไร้อารมณ์ ตาของเขาที่ดูปกตินั้นเผยแววแห่งความเครียดออกมา

ดาบสะเทือนสวรรค์พุ่งออกมาจากหินที่มันแทงเข้าไป มันถูกเคลือบด้วยชั้นพลังงานหนาและทำให้หินแตกกระจาย จากนั้นดาบก็พุ่งเข้าไปในมือของไป๋เต๋าราวกับว่ามันมีชีวิต

หลังจากที่รอบ ๆ ถูกปกคุลมไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่รุนแรงแล้ว ชายชราผิวเหี่ยวย่นชุดขาวก็ออกมาจากประตูมิติช้า ๆ ทันใดนั้นเอง ความยิ่งใหญ่ที่เป็นที่สุดก็เปล่งประกายออกมาจากเขา ทำให้ทุกคนในเมืองตกใจ มันเหมือนเทพจ้าที่จุติลงมา

ชายชรามองลงไปยังทุกคนเหมือนกับพระราชากำลังมองประชาชนของเขา ใบหน้าของเขาภาคภูมิและเย็นชา ในขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความสนใจ เขาจ้องไปที่ไป๋เต๋าที่ยืนอยู่ในซากปรักหักพังแล้วคำรามออกมา “ใช่เจ้าหรือไม่ที่ฆ่าลูกศิษย์ของข้า ? “

ไป๋เต๋าไม่ได้กลัวเขา เขาจ้องไปที่ชายชราแล้วถามกลับไปอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าต้องเป็นอาจารย์ของยู่ซีฉิงแน่ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิคาร์ล โม่เจียน”

“ถูกต้อง ข้าเอง ! ” โม่เจียนตอบกลับอย่างเย็นชา

สายตาของไป๋เต๋ายังคงเย็นชา “พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าข้านี้เป็นของตระกูลไป๋ของข้า ไม่มีใครจะเอามันไปได้ ข้าจะฆ่าทุกคนที่ชิงมันไป”

โม่เจียนขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากนั้น เขาดูเหมือนว่าจะจ้องไปที่ไป๋เต๋าอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าเป็นคนของตระกูลไป๋งั้นหรือ?” ตระกูลไป๋เป็นตระกูลใหญ่ที่มีเซียนผู้คุมกฎในครั้งอดีต ดังนั้นแม้แต่ตัวโม่เจียนเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลนี้มาก่อน สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ตั้งแต่เมื่อไรที่ตระกูลไป่มีจอมยุทธในระดับนี้ ?

“ถูกต้อง ! ” ใบหน้าของไป๋เต๋ายังคงเหมือนเดิม

ใบหน้าของโม่เจียนเย็นชาขึ้น “ในเมื่อเจ้าเป็นคนของตระกูลไป๋ เจ้าก็เป็นคนของจักรวรรดิคาร์ลด้วย ในอีกคำพูดหนึ่งก็คือ เจ้าไม่ใช่คนนอก อย่างไรก็ตามเจ้าฆ่าศิษย์ของข้า ดังนั้นเจ้าต้องอธิบายเรื่องนี้”

“ถ้าเจ้าต้องการคำอธิบาย ข้าจะให้เจ้าข้อหนึ่ง” ไป๋เต๋าคำราม จิตต่อสู้ที่มหาศาลระเบิดออกมาจากเขาและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันทำให้ลมและเมฆปั่นป่วน ดาบสะเทือนสวรรค์ในมือของเขาก็ปล่อยปราณดาบที่น่าตกใจออกมา

“ไป๋เต๋า ความแข็งแกร่งของข้ายังห่างไกลจากระดับสูงสุดในตอนนี้ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าทำแบบนี้หรอก อย่าต่อต้าน ข้าจะควบคุมร่างของเข้า การต่อสู้นี้ต้องจบลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราทั้งคู่จะต้องตายเมื่อพลังทั้งหมดของข้าถูกใช้ไป” เสียงของดาบพิษดังขึ้นในหัวของไป๋เต๋า

ไป๋เต๋าไม่ได้พูดอะไรและก้มหัวลงช้า ๆ ในตอนนี้เอง ไม่มีใครตระหนักว่าประกายในดวงตาของไป๋เต๋าได้หายไปกลายเป็นไร้ชีวิตชีวาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น แสงไฟแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาแทนในดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ชั่วร้าย

ในตอนนี้ ตาทั้งสองของไป๋เต๋าได้กลายเป็นปีศาจ เหมือนว่ามันกำลังเต้นอยู่ภายในดวงตาของเขา

ไป๋เต๋าพุ่งขึ้นไปจากพื้นดินและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่คาดคิด ดาบสะเทือนสวรรค์ในมือของเขาก็มีแสงสีเขียวสดพุ่งออกมา มันคือพิษรุนแรง

ไม่เพียงแต่ดาบพิษที่เคารพจะทรงพลังเท่านั้น เขายังเป็นคนที่ใช้พิษอยู่ตลอด พิษของเขาไม่ได้ร้ายแรงน้อยไปกว่าพิษของนูบิสเลย

โม่เจียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นไป๋เต๋านั้นเฉียบขาดและพร้อมที่จะต่อสู้เพียงใด แม้ว่า ยู่ซี่หยิงจะเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่มันก็เป็นแค่ลูกศิษย์ในนามและพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์กันจริง ๆ ไม๋เจียนโกรธจัดเมื่อเขาได้ยินว่ายู่ซีฉิงตาย แต่หลัก ๆ นั้นเป็นเพราะว่ามีคนไม่ใช้ความเคารพเขา มากกว่าที่จะเป็นเรื่องการตายของยู่ซีฉิง เพราะว่าการที่ศิษย์ของเขาถูกฆ่าในอาณาเขตของจักรวรรดิคาร์ลนั้น เป็นการยั่วยุและดูถูกเขามาก ในสายตาของเขา

ในตอนแรก โม่เจียนคิดว่าคนที่ฆ่ายู่ซีฉิงนั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขารีบมาอย่างโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารีบมาถึงที่เมืองและพบว่าฆาตกรนั้นเป็นเซียนราชาเหมือนกันกับเขา ความคิดหลายหลายอย่างเกี่ยวกับการแก้แค้นของเขาก็หายไป เขาไม่อยากไปยั่วยุเซียนราชาเพียงเพราะใครบางคนที่ไม่ได้นับเขาเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซียนราชาคนนี้ยังเป็นคนของจักรวรรดิคาร์ลและมาเพื่อที่จะทำลายตระกูลเมฆโลหิตเท่านั้น ดังนั้นโม่เจียนจึงไม่สนใจที่จะเอาความเรื่องนี้

การที่เขาถามหาคำอธิบายจากไป๋เต๋าทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ เขาไม่คิดว่าไป๋เต๋าจะไม่ให้ความร่วมมือ และยังทำให้เขาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีก

“ดาบสะเทือนสวรรค์ ! ผ่าเมฆา ! ” ไป๋เต๋าโจมตีออกไปก่อนที่โม่เจียนจะทันได้เตรียมตัว หลังจากที่เขาคำรามออกมาดัง ไอพิษก็พุ่งออกมาจากดาบที่อยู่ในมือของเขาทันที แสงสีเขียวเข้มที่หุ้มอยู่ที่ดาบก็พุ่งออกไปทันทีด้วยพลังงานที่มหาศาล

ดาบหายไปทันทีในตอนที่ถูกแทงออกมา มันมาถึงตรงหน้าโม่เจียนในอึดใจถัดมา และพิษรุนแรงก็หลอมรวมเข้าอย่างสมบูรณ์กับพลังงานที่น่ากลัว มันแทงไปที่โม่เจียนอย่างไร้ปราณี

โม่เจียนเคร่งเครียดทันที เขาสัมผัสได้ถึงความทรงพลังในการโจมตีนี้ซึ่งทำให้เขาตกใจอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะตระหนักได้ทันทีว่าพลังแห่งการมีอยู่ของไป๋เต๋านั้นสลับกันไปมาระหว่างเข้มแข็งและอ่อนแอ แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย เขารู้สึกได้ถึงความลึกลับของโลกที่เหนือกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ในการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งทำให้เขาตะลึงเป็นอย่างมาก

โม่เจียนไม่ลังเลและชักอาวุธเซียนออกมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ อาวุธของเขาเป็นดาบมือเดียวเล่มใหญ่ขนาดกว้างเท่าฝ่ามือ และทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา พลังงานปริมาณมหาศาลก็พุ่งออกมาจากดาบ เขาแทงออกไปอย่างสุดกำลัง และมันก็เข้าปะทะกับดาบสะเทือนสวรรค์

บู้ม !

เสียงดังเสียดหูเกิดขึ้น พลังงานที่น่ากลัวสองพลังได้ปะทะกันอย่างรุนแรง มันทำให้มิติรอบ ๆ พังทลายและเกิดหลุมดำกว้างกว่า 30 เมตร บริเวณรอบ ๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หลังจากการปะทะ ดาบสะเทือนสวรรค์ก็เลี้ยวกลับเข้าไปในมือของไป๋เต๋า ในอีกมุมหนึ่ง ร่างของโม่เจียนก็สั่นอย่างรุนแรงและท่าทีของเขาก็ดูย่ำแย่มาก ไอพิษรุนแรงได้เข้าไปในร่างของเขา เขาไม่ค่อยได้เจอกับไอพิษที่ร้ายแรงแบบนี้ และมันก็ทรงพลังมาก มันทำให้พลังของเขาครึ่งหนึ่งถูกกดเอาไว้

ไป๋เต๋าลอยอยู่อย่างไร้อารมณ์กลางอากาศพร้อมกับดาบของเขาในขณะที่ตาของเขาเป็นประกายต่อเนื่อง เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “นี่อธิบายพอหรือยัง ? ถ้ายังไม่พอ ข้าจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจกว่านี้อีก”

โม่เจียนจ้องไปที่ไป๋เต๋าด้วยความตกใจ เขาตั้งใจมองไปที่ตาของไป๋เต๋า เขาสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าเขานั้นดูแปลก ๆ จากสัญชาตญาณของเขา แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกแปลกนี้มันมาจากไหน

โม่เจียนสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ช้า ๆ และสงบตัวเองลง หลังจากที่สงบไป เขาอดไม่ได้ที่จะยอมเสียหน้าขึ้นมา “ท่านก็เป็นคนของจักรวรรดิคาร์ล มันมีค่ายิ่งที่จะเฉลิมฉลองกับการที่มีจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมปรากฎขึ้นมาอีกคนในจักรวรรดิ ศิษย์ของข้าผิดพลาดที่ไปยึดอาณาเขตของตระกูลท่าน เขาสมควรมากกว่าที่จะตาย” โม่เจียนยอมแพ้ จากการปะทะก่อนหน้านี้นั้น เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของไป๋เต๋า การที่ต้องเป็นศัตรูกับคนที่ทรงพลังขนาดนี้จากคนที่เขาไม่นับเป็นศิษย์ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย

โม่เจียนหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ความแข็งแกร่งของท่านนั้นเยี่ยมยอด และท่านยังเป็นคนของจักรวรรดิคาร์ล ถ้าท่านต้องการ ท่านสามารถรับตำแหน่งผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิคาร์ลได้ทุกเมื่อ” หลังจากนั้น โม่เจียนก็ไม่อยู่ต่อและบินจากไป

“เดี๋ยวก่อน ใครที่กวาดล้างตระกูลไป่ในตอนนั้น?” ไป๋เต๋าถามอย่างเย็นชา

โม่เจียนหยุดและมองไปที่เสาใหญ่ที่อยู่ในซากปรกหักพัง เขาพูด “ข้าใช้เวลาส่วนมากไปในการเก็บตัวฝึกฝนในพระราชวัง ดังนั้นมันก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่ข้าเข้ามายุ่งกับเรื่องของโลกภายนอก ถ้าเจ้าต้องการที่จะตามหาศัตรูของเจ้า เจ้ายินดีต้อนรับที่จะไปหาจักรพรรดิในพระราชวังได้ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทต้องอยากจะช่วยท่านเป็นแน่”

โม่เจียนจากไปทางประตูมิติอย่างรวดเร็ว ไป๋เต๋าก็ลดระดับลงมาจากท้องฟ้า และกลับไปที่ซากปรักหักพัง สายตาที่เป็นประกายของเขาค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ จนเหลือเพียงสายตาที่แหลมคมเพียงเท่านั้น

“เจ้าหนู ใจเย็นเพื่อข้าให้มากกว่านี้หน่อยครั้งหน้า ครั้งนี้ข้าเสียพลังไปถึงสองในสิบส่วน ถ้าข้าไม่ใช้พลังสูงสุดของข้าเข้าไปไล่ให้เจ้าคนนั้นไปละก็ พวกเราอาจจะยังสู้กันอยู่ตอนนี้ก็ได้ ถ้าพวกเราต้องติดอยู่ในการต่อสู้นาน ๆ พวกเราต้องแพ้แน่” เสียงที่โกรธเกรี้ยวของดาบพิษที่เคารพดังอยู่ในหัวของไป๋เต๋า

ไป๋เต๋าไม่ได้ตอบกลับ เขาเพ่งสมาธิไปที่ปราณของเขา ในนั้นมีไข่มุกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือลอยอยู่อย่างสงบ มันเป็นพลังงานที่น่ากลัวมาก

ไข่มุกนี้เป็นพลังงานที่มีค่า มันถูกผนึกเอาไว้ด้วยวิธีการพิเศษ และดาบพิษสามารถใช้มันได้ตามที่ต้องการ ในขณะที่ไป๋เต๋าสามารถใช้มันได้เพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพลังทั้งหมดหมดไป มันจะเป็นการยากมากที่จะฟื้นพลังกลับคืนมา พลังที่อยู่ในนั้นลดลงไปมากกว่าสองในสิบส่วนแล้ว

ไป๋เต๋าไม่ได้ไปที่พระราชวังของจักรวรรดิคาร์ล เขารออยู่เงียบ ๆ ในซากปรักหักพัง เขารู้สึกได้ว่าคนพวกนั้นต้องมาแน่ ๆ

ในพริบตาเดียว ค่ำคืนก็ย่างกลายเข้ามาและปกคลุมทั้งโลกไปด้วยความมืดมิด ในดินแดนที่แยกตัวออกไปไกลของทวีป มีโถงศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สีดำมันที่ตั้งตระหง่านอยู่ในแนวภูเขา มันเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายที่เยือกเย็น มันดูเหมือนดินแดนที่ปีศาจอยู่ และทำให้ผู้คนสั่นไปด้วยความกลัว

“รายงานหอยามะ ลูกหลานของตระกูลไป๋ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองเฮลไฟร์ของจักรวรรดิคาร์ล เขาสลักข้อความไว้ที่เสาหินว่าเขากลับมาพร้อมกับขนสัตว์อสูร พวกเราควรทำอย่างไรดี ? ” เสียงที่ชั่วร้ายดังขึ้นมาในปราสาทที่มืดมิด

“อะไรนะ ? คนของตระกูลไป๋กลับมาที่เมืองเฮลไฟร์พร้อมขนสัตว์อสูรงั้นหรือ ? จริงหรือไม่ ? ” เสียงแหบแห้งดังออกมาจากโถงที่มืดสนิท มันเหมือนเสียงกรีดร้องของภูตผี

“มันเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม เขาดูทรงพลังมาก เขาสู้ชนะผู้พิทักษ์จักรพรรดิด้วย”

“คนของตระกูลไป๋กลับมาที่เมืองเฮลไฟร์พร้อมขนสัตว์อสูร ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าการทำลายล้างตระกูลของเขานั้นมีสาเหตุมาจากขนสัตว์อสูร อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องไปเอาขนสัตว์อสูรมาเมื่อมันปรากฎขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้ มันไม่สำคัญว่าคนผู้นั้นจะทรงพลังขนาดไหน เขาจะมาหยุดพวกเราไม่ได้ ส่งคนไปเรียกองครักษ์ราชาทั้งสิบมาแล้วไปกับข้าที่เมืองเฮลไฟร์”