ฉินซียังอยู่ในมือของเซวหยวนจี๋ ถึงพวกเขาสองคนจะสามารถดันทุรังบุกเข้าไปได้ แต่รอหลังจากพวกเขาบุกเข้าไปแล้ว ฉินซีจะทำอย่างไร?
ในเมื่อกุ่นเจี้ยนโฉวยินยอมทำงานเพื่อหยางเฉิน ถึงแม้ไม่อาจเชื่อใจได้โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็สามารถเชื่อเขาได้ครึ่งหนึ่ง
คนหนึ่งที่ไม่มีความหวังใดๆ ช่วยชีวิตฉินซีออกมา กับคนหนึ่งที่มีโอกาสครึ่งหนึ่งช่วยฉินซีออกมา จะเลือกแบบไหน ยังต้องพูดอีกเหรอ?
หม่าชาวไม่พูดมากอีก สายตาดุจคบเพลิง จ้องที่หน้าประตูคฤหาสน์ไม่กะพริบ
เวลานี้ กุ่นเจี้ยนโฉวมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์แล้ว
เซวหยวนจี๋รอบคอบอย่างมากจริงๆ กุ่นเจี้ยนโฉวถูกการ์ดสี่คนที่หน้าประตูขวางทางไปไว้ทันที
“กุ่นเจี้ยนโฉว ทำไมนายถึงกลับมาแล้วล่ะ?”
บอดี้การ์ดที่เป็นหัวหน้า ถามด้วยเสียงเย็นชา
กุ่นเจี้ยนโฉวพูดจานิ่งๆ “ฉันอยากเจอเจ้าชายรอง”
“เจ้าชายรองพักผ่อนแล้ว เขาบอกเอาไว้ ไม่ว่าเป็นใครมาหาเขา ต้องรอเขาตื่นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
บอดี้การ์ดที่เป็นหัวหน้าไม่ไว้หน้ากุ่นเจี้ยนโฉวสักนิดเดียว
บนหน้าที่ชั่วร้ายใบนั้นของกุ่นเจี้ยนโฉว เหมือนคิดแผนรับมือไว้เรียบร้อยแต่แรกแล้ว “ฉันมาหาเจ้าชายรองมีเรื่องสำคัญอยากรายงาน ถ้าทำงานล่าช้าล่ะก็ พวกนายรับผิดชอบไหวงั้นเหรอ?”
บอดี้การ์ดสี่คนสีหน้าต่างเปลี่ยนไปกันนิดหนึ่ง เห็นได้ว่าถูกคำพูดประโยคนี้ของกุ่นเจี้ยนโฉวครอบงำเข้าแล้ว
ถึงแม้เซวหยวนจี๋จะออกคำสั่งไว้ว่า หากมีธุระพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน แต่ธุระที่กุ่นเจี้ยนโฉวอยากบอกเหมือนว่าจะสำคัญมาก ถ้าพลาดโอกาสไปจริงๆ แล้ว พวกเขาคงยากจะหนีความผิดได้
“นายไปหาเจ้าชายรองเอาเอง ความรับผิดชอบทุกอย่างนายแบกรับไว้เอง!”
บอดี้การ์ดที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปากบอกทันใด
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
กุ่นเจี้ยนโฉวพูดจบ ก้าวเท้าเข้าในคฤหาสน์โดยตรง
หยางเฉินแอบโล่งอกไปทีหนึ่ง ขอเพียงกุ่นเจี้ยนโฉวเข้าไปได้ นั่นอธิบายได้ว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็รอสัญญาณลงมือที่กุ่นเจี้ยนโฉวจะส่งออกมา
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า กุ่นเจี้ยนโฉวเข้าไปในคฤหาสน์สักสิบนาทีได้ แต่ยังคงไม่เห็นเขาส่งสัญญาณออกมา
ในใจหยางเฉินกังวลอยู่บ้าง ขอเพียงเป็นเรื่องราวเกี่ยวพันกับฉินซี เขาล้วนเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนกันเลย
“เปรี้ยง!”
ในเวลานี้เอง คฤหาสน์ที่เมื่อสักครู่ไฟยังสว่างไสว ชั่วขณะนั้นแสงไฟดับลง
“ลงมือ!”
หยางเฉินสั่งการไป พอขยับเท้า ชั่วพริบตาเดียวก็หายลับไปจากที่เดิม ทั้งตัวเหมือนเป็นเสือชีตาห์ที่ทักษะปราดเปรียวตัวหนึ่ง วิ่งขวักไขว่ในความมืดมิด
หม่าชาวตามติดด้านหลังเขา ระหว่างโบกมือ ส้อมไม้สี่อันที่กุมไว้ในมือลอยออกมาตรงๆ บอดี้การ์ดสี่คนหน้าประตู ล้มลงในชั่วพริบตา
“ศัตรูบุก! มีศัตรูบุก!”
ในขณะเดียวกัน เสียงร้องตกใจดังขึ้นมาจากในคฤหาสน์
ทั้งคฤหาสน์ ไม่ว่าที่ไหนล้วนมีแต่คน เสียงร้องตะโกนว่า“ศัตรูบุก”ดังไปทั่วคฤหาสน์
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีสั้นๆ หยางเฉินและหม่าชาวก็พุ่งเข้าคฤหาสน์แล้ว
“ฟึ่บ!”
ในเวลานี้เอง แสงไฟภายในคฤหาสน์สว่างขึ้นอีกครั้งฉับพลัน
หยางเฉินหลับตาลงโดยจิตใต้สำนึก แต่ว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ลืมตาขึ้นแล้ว
เห็นเพียงรอบด้านล้วนเป็นคน ทว่าบนโซฟาที่ในห้องโถงคฤหาสน์ ภาพคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง เวลานี้ดวงตาเบิกโพลง ที่หน้าอกมีมีดที่ประกายแสงแวววาวเล่มหนึ่งเสียบอยู่
“เจ้าชายสาม!”
ชั่วขณะนั้นเสียงร้องตกใจดังขึ้น บนหน้าของแต่ละคนล้วนมองหยางเฉินและหม่าชาวด้วยท่าทางดุร้าย
หยางเฉินอึ้งค้างแล้ว เพราะศพที่นอนอยู่บนโซฟานั้น ไม่ใช่ใครอื่น คือเซวหยวนป้า เจ้าชายสามแห่งตระกูลเซวที่ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข้อตกลงกับเขา ให้หยางเฉินช่วยเขาฆ่าเซวหยวนจี๋
“เป็นแกที่ฆ่าเจ้าชายสามแล้ว!”
บอดี้การ์ดที่เป็นหัวหน้า พูดด้วยหน้าตาโกรธแค้น
“หยางเฉินฆ่าเจ้าชายสามแล้ว พวกเราล้างแค้นให้เจ้าชายสามกัน!”
เขาตะโกนขึ้นทันใด พุ่งเจ้าไปยังหยางเฉินก่อนแล้ว
“ไสหัวไป!”
หม่าชาวตวาดใส่ ทันใดนั้นก้าวออกมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง ต่อยบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาแรกสุดคนนั้นจนลอย
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าที่ผสมปนเปดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งของทีมผู้พิทักษ์เงาลับ ก็ปรากฏตัวออกมาหมด ชั่วพริบตาเดียวล้อมรอบบอดี้การ์ดสิบกว่าคนในห้องเอาไว้ตรงกลาง
ก่อนหน้าที่หยางเฉินและหม่าชาวจะมาที่นี่ ยังแจ้งคนของทีมผู้พิทักษ์เงาให้ทราบเรียบร้อยแล้ว
“พวกพ้อง เจ้าชายสามโดนฆ่า ต่อให้พวกเรารอดออกไปได้ ตระกูลเซวคงไม่อาจปล่อยพวกเราไปได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมพวกเราถึงไม่สู้จนตาย ต่อให้ต้องพลีชีพ ตระกูลเซวก็ยังให้เงินก้อนโตกับครอบครัวพวกเรา”
“พวกพ้อง ฆ่า แก้แค้นเพื่อเจ้าชายสาม!”
บอดี้การ์ดที่เป็นหัวหน้าตะโกนอย่างโมโห หยิบมีดที่ประกายแสงวิบวับเล่มหนึ่งออกมา พุ่งออกไปแล้ว
“ฆ่า เพื่อล้างแค้นให้เจ้าชายสาม!”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดตระกูลเซวสิบว่าคน พุ่งออกไปยังคนของทีมผู้พิทักษ์เงาลับพร้อมกันแล้ว
สีหน้าหยางเฉินอึมครึมถึงขั้นสุด ถ้าถึงตอนนี้ เขายังสำนึกไม่ได้ว่าตนเองโดนหลอกแล้ว นั่นคงเป็นไอ้โง่ตัวจริง
เดิมทีกุ่นเจี้ยนโฉวไม่ได้อยากจะทำงานให้เขาจริง และไม่ใช่อยากพาเขามาช่วยชีวิตฉินซีจริง แต่ว่าล่อเขามาติดกับดัก
ที่นี่เดิมทีไม่ใช่ที่พักของเซวหยวนจี๋ แต่เป็นที่พักของเซวหยวนป้า
กุ่นเจี้ยนโฉวล่อเขาเข้ามา เพื่อโยนความผิดการตายของเซวหยวนป้าให้เขา
บอดี้การ์ดของเซวหยวนป้ามีเพียงสิบกว่าคน เพียงครู่เดียวทีมผู้พิทักษ์เงาลับก็เคลื่อนกำลังห้าสิบคน
และมีหม่าชาวรวมด้วย ไม่นานก็สู้รบเสร็จสิ้น บอดี้การ์ดสิบกว่าคนของเซวหยวนป้า ถูกฆ่าหมด
“พี่เฉิน หาตัวพี่สะใภ้เจอแล้วครับ”
หม่าชาวเอ่ยปากบอกทันใด
“เธอไม่เป็นไรนะ?”
ตอนนี้หยางเฉินไม่มีความดีใจที่ช่วยชีวิตฉินซีไว้ได้สักนิดเดียว แต่กังวลต่อความวุ่นวายใหญ่กว่าที่กำลังจะมาถึง
หม่าชาวส่ายหน้า “พี่สะใภ้ไม่เป็นไรครับ เพียงแค่สลบไป อยู่ด้านในห้องครับ”
ได้ยินว่าฉินซีไม่เป็นอะไร หยางเฉินถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง
“นายพาคนของทีมผู้พิทักษ์เงาลับรีบออกไปก่อน ฉันจะพาฉินซีไปเอง”
หยางเฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปยังห้องด้านในสุดแล้ว
ที่แท้ ฉินซีปลอดภัยดีทุกอย่าง น่าจะถูกวางยานอนหลับ ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพหลับลึก
หยางเฉินอุ้มฉินซีขึ้น เพิ่งเดินมาถึงห้องโถง ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ปะทะด้านนอกดังขึ้น
“เจ้าชายสามโดนลอบฆ่าแล้ว ฆ่าพวกเราแล้ว แก้แค้นเพื่อเจ้าชายสาม!”
ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ด้านนอก จากนั้นก็เป็นเสียงปะทะกันในสนามรบ
รอตอนที่หยางเฉินอุ้มฉินซีมาถึงข้างนอก มองเห็นด้านนอกมืดฟ้ามัวดินล้วนแล้วแต่เป็นผู้คน คนที่เป็นหัวหน้าไม่ใช่ใครอื่น ก็คือเซวหยวนจี๋
“หยางเฉิน นึกไม่ถึงแกจะกล้าฆ่าน้องสามของฉัน!”
เซวหยวนจี๋ทำหน้าโกรธเคือง ลักษณะดวงตาแดงก่ำ เหมือนว่าความสัมพันธ์กับเซวหยวนป้าจะสนิทสนมกันมากจริงๆ
สายตาของหยางเฉินเย็นเฉียบถึงขีดสุดแล้ว จ้องเซวหยวนจี๋ตาไม่กะพริบพูดว่า “เซวหยวนจี๋ อยากโยนความผิดให้คนอื่น เพียงแต่แกจะทำได้สำเร็จเหรอ?”
เซวหยวนจี๋ตะโกนอย่างโมโหว่า “หยางเฉิน แกไม่ต้องมาพูดเหลวไหล น้องสามฉันโดนแกฆ่า ตอนนี้หลักฐานแน่นหนา แกจะอธิบายยังไง?”
“แม้แต่เจ้าชายสามแห่งตระกูลเซวของฉันยังกล้าฆ่า แกมันใจกล้าบ้าบิ่น”
“วันนี้ ถ้าแกไม่อธิบายให้ฉันพอใจ วันนี้ปีหน้า ก็คือวันครบรอบวันตายของแก”
เซวหยวนจี๋โกรธเคืองมาก คนที่ไม่รู้ ยังคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับเซวหยวนป้าดีมาก
หม่าชาวนำคนของทีมผู้พิทักษ์เงา คุ้มครองอยู่โดยรอบหยางเฉิน
เซวหยวนจี๋พาคนมาไม่น้อย น่าจะมีผู้แข็งแกร่งร้อยกว่าคนเต็มๆ โดยเฉพาะล้วนเป็นบุคคลฝีมือดีสุดของตระกูลเซว
ถึงแม้คนของทีมผู้พิทักษ์เงาลับจะเป็นคนที่หม่าชาวฝึกสอนออกมาเองด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนสั้นๆ เทียบกับบุคคลฝีมือดีของตระกูลเซวเข้าจริง ยังไม่ใช่คู่แข่งเลยด้วยซ้ำ
“พี่เฉิน พี่พาพี่สะใภ้หนีไป ทางนี้ให้พวกเราจัดการเอง”
หม่าชาวพูดด้วยเสียงทุ้ม