ตอนที่ 2318 ขอลองใช้อาวุธหน่อยเถอะ

อัจฉริยะสมองเพชร

“อาการบาดเจ็บของผมสาหัสเกินไป ยาเม็ดธรรมดาน่ะใช้ไม่ได้ผลหรอก” อ้าวเฟิงตอบอย่างอ่อนระโหย

ขนาดยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดก็ยังช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก นับประสาอะไรกับยาเม็ดขั้นต่ำธรรมดา ด้วยความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่ได้รับ อย่างน้อยที่สุด เขาคงต้องใช้เลือดมังกรบริสุทธิ์ถึงจะเยียวยาได้

“ลองดูเถอะน่ะ!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ

เขาถ่ายทอดเวทนาสวรรค์และหยดเลือดจำนวนหนึ่งของไก่น้อยเข้าไปในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงที่เพิ่งโยนให้อีกฝ่าย ซึ่งเพียงเท่านั้นก็น่าจะเกินพอสำหรับเยียวยาบาดแผลทั่วไปแล้ว

เห็นชายหนุ่มยืนกราน อ้าวเฟิงนึกได้ว่าอีกฝ่ายสามารถฝ่าดงจิตวิญญาณหลอกหลอนเข้ามาถึงที่นี่โดยแทบไม่เป็นอะไร

ด้วยความหวังว่าอาจเกิดปาฏิหาริย์ อ้าวเฟิงเปิดปากและกลืนยาเม็ดนั้น

ทันทีที่กลืนลงไป กระแสพลังงานอบอุ่นก็ไหลเวียนไปทั่วร่างและเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขา

“ฮะ…” อ้าวเฟิงหรี่ตาด้วยความตกใจ

ประสิทธิภาพของยาเม็ดนี้เทียบได้กับยาเม็ดระดับจอมราชันย์เลยทีเดียว

อีกฝ่ายเต็มใจมอบยาเม็ดล้ำค่าขนาดนี้ให้เขาโดยไม่คิดอะไร…หมอนี่เป็นใครกันแน่?

อ้าวเฟิงก้มลงมอง เห็นชายหนุ่มโบกมืออย่างสบายใจ “คุณกลับไปทำงานได้แล้ว…”

“….” คิ้วของอ้าวเฟิงกระตุกไม่หยุด

ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่เขาเพิ่งมีให้ชายหนุ่มหายวับไปราวกับการสลายตัวของกลุ่มควัน

นี่คุณเห็นผมเป็นทาสใช่ไหม*?*

อ้าวเฟิงมองไปรอบตัว เห็นราชันย์เทพเจ้าเกือบทุกคนที่มากับเขาได้รับบาดเจ็บ และค่ายกลก็ใกล้พังทลายเต็มที แต่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องอื่น จึงกัดฟันและตั้งหน้าตั้งตาทำลายปราการแสงต่อไป

ปราการแสงสั่นสะท้าน น้ำทิพย์ของจิตวิญญาณแผ่ซ่านออกมาโดยรอบอีกครั้ง

จางเซวียนซึมซับมันอีกครู่ใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้วอีกรอบอย่างขัดใจ

เพราะตัวโคลนยังไม่ได้ทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์และไม่ได้การยอมรับจากโลก จึงต้องการพลังจิตวิญญาณในปริมาณที่มากกว่าตัวเขา

ตอนแรกจางเซวียนไม่ได้ใส่ใจ แต่ยิ่งซึมซับน้ำทิพย์จิตวิญญาณมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกับระดับการเพิ่มขึ้นของน้ำทิพย์จิตวิญญาณที่แสนจะเชื่องช้า

ความเร็วในการฝึกฝนวรยุทธนั้นสร้างความแตกต่างได้มาก หากฝึกฝนวรยุทธได้เชื่องช้าเกินไปก็จะไม่มีแรงส่งมากพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ

ทำไมเราต้องเฝ้ารอให้อ้าวเฟิงทำลายปราการแสงเสียก่อนเพื่อซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณ*?ทำไมไม่ซึมซับมันจากปราการแสงโดยตรงเสียเลย?* จางเซวียนครุ่นคิด

ดูจากความอ่อนล้าของอ้าวเฟิงที่เหน็ดเหนื่อยเสียจนลิ้นห้อยออกมาเหมือนหมาหอบแดด จางเซวียนรู้ดีว่าการเร่งความเร็วของอีกฝ่ายคงเป็นไปไม่ได้ จึงหันไปมองปราการแสงที่มีลักษณะเหมือนรังดักแด้

การซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณจากปราการแสงโดยตรงน่าจะง่ายกว่า แต่ในเมื่อปริมาณของมันไม่สมดุลกับอัตราการซึมซับ ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนแผนการสักหน่อย

ถ้าเขารู้เสียก่อนว่าอ้าวเฟิงจะทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ จะไม่มีวันมอบยาเม็ดให้อีกฝ่ายเลย

เสียทรัพยากรไปเปล่าๆ

ดูเหมือนราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่เขาคิด

จางเซวียนส่ายหน้า เขาขยับเข้าหาปราการแสงและพยายามซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณที่อยู่ในนั้น แต่พื้นผิวภายนอกของมันแข็งแกร่งเสียจนไม่อาจทำได้

ก็เพราะแบบนี้นี่เอง หมอนั่นถึงทำลายมันไม่สำเร็จ ปราการแสงอันนี้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึง…

จางเซวียนเงื้อกำปั้นแล้วต่อยปราการแสงอย่างแรง แต่แรงตีกลับจากพื้นผิวอันแข็งแกร่งนั้นกลับทำให้รู้สึกชาไปทั้งแขน

ปราการแสงที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุดน่าทึ่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

แม้จางเซวียนจะไม่ได้ใช้วรยุทธของจิตวิญญาณในการโจมตี แต่กายเนื้อของเขาก็ผ่านการบ่มเพาะจากแอ่งลาวาอมตะมาแล้ว ในแง่ของพละกำลัง เรี่ยวแรงที่เขาปล่อยออกไปย่อมมีมากกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆ

แต่ถึงจะมีพละกำลังระดับนั้น ก็ยังต้องเจอกับแรงตีกลับที่ทำให้รู้สึกเจ็บ

ดูเหมือนการทำลายปราการแสงจะต้องใช้พละกำลังระดับจอมราชันย์เป็นอย่างต่ำ

ขอลองใช้อาวุธหน่อยเถอะ*…*

ในเมื่อกำปั้นไม่ได้ผล จางเซวียนรีบชักดาบสวรรค์สีเลือดที่จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบเคยมอบให้เขาออกมา

จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบเวทนาสวรรค์ขั้น 4

ฟึ่บ!

ปราการแสงที่อยู่ตรงหน้าไม่อาจคงสภาพอยู่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาที เกิดรูรั่วขนาดใหญ่

เพราะไม่ทันระวังตัว จางเซวียนสะดุดและหัวทิ่มเข้าไปในปราการแสงนั้น

เอ่อ…จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ

เพราะตอนแรกกำปั้นใช้ไม่ได้ผล เขาจึงเดาว่าต่อให้ใช้ศิลปะเพลงดาบ แต่การจะทำลายปราการแสงให้สำเร็จคงต้องออกแรงไม่น้อย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจที่ทำให้มันเกิดรูโหว่ได้อย่างง่ายดาย

หากรู้เสียก่อนว่าง่ายแบบนี้ คงไม่มัวเสียเวลา

ขณะเดียวกัน จางเซวียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าดาบสวรรค์สีเลือดเป็นอาวุธขั้นไหน มันจะคมเกินหน้าเกินตาไปหน่อยหรือเปล่า?

จางเซวียนเก็บดาบเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็เริ่มซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกได้ถึงพลังงานเข้มข้นที่พวยพุ่งเข้าสู่ร่างกาย

อือ*…เป็นอย่างที่คิดไว้เลยซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณด้วยวิธีนี้สบายกว่ากันมาก**…*

เขาแทบจะซึมซับอะไรไม่ได้เลยตอนที่อยู่ข้างนอกนั่น แต่เมื่ออยู่ตรงนี้ น้ำทิพย์ของจิตวิญญาณผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างง่ายดายจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามัวทำอะไรอยู่เมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา

จางเซวียนถ่ายทอดน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณให้ตัวโคลนที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ วรยุทธของจิตวิญญาณของตัวโคลนของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

ขณะที่จางเซวียนซึมซับน้ำทิพย์ของจิตวิญญาณอยู่ด้านใน อ้าวเฟิงก็ยังคงทำลายปราการแสงต่อไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เลือดมังกรหยดเป็นทางจากกรงเล็บของเขา เล็บนั้นยับเยินจากการกระแทกกับบางสิ่งที่แข็งแกร่งมาก

ขณะที่อ้าวเฟิงกำลังคิดจะถอดใจ ก็พลันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มผลุบเข้าไปอยู่ข้างในแล้วและไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

อ้าวเฟิงรู้สึกขมปร่าในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง เขาแทบกระอักเลือดออกมา

บ้าแล้ว*!คุณเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?*

ทำไมไม่เรียกผม*?ไม่เห็นหรือไงว่าผมพยายามทำลายปราการแสงอย่างเอาเป็นเอาตายแค่ไหน?*

เห็นผมเป็นตัวตลกใช่ไหม*!*

 

ราวกับผมค้นหากุญแจจนทั่วทั้งบ้าน แต่ลงท้ายมันก็อยู่กับคุณมาตลอด…

อ้าวเฟิงรีบสำรวจรอบปราการแสงและพบรอยฉีกขาดที่ชายหนุ่มผลุบเข้าไป เขาพุ่งเข้าใส่รอยแยกนั้นโดยไม่ลังเล แต่แล้วก็…ไปต่อไม่ได้!

หลังจากกระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายอ้าวเฟิงก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์

“น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น ในที่สุดก็อยู่ในมือของเราแล้ว…”

อ้าวเฟิงไม่แยแสชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่ง เขารี่เข้าใส่น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นและคว้ามัน

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เต้นเร่าอยู่ภายในลูกทรงกลมสีขาวน้ำนม อ้าวเฟิงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะหาอะไรสักอย่างมาเก็บมันไว้ ก็พอดีกับที่สังเกตเห็นและขมวดคิ้ว

นี่มันแปลกๆ…

ทำไมน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นถึงดูเหมือนมีขนาดเล็กลง?

ตอนที่เราเห็นมันเมื่อครู่ก่อน ยังมีขนาดเท่ากำปั้น ทำไมตอนนี้ถึงเล็กพอๆกับลูกปิงปอง?

ขณะที่อ้าวเฟิงยังคงงุนงงและพยายามหาคำตอบ น้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นในมือของเขาก็หดลงไปเรื่อยๆจนเหลือขนาดเท่าลูกองุ่น ก่อนจะเล็กลงไปอีกจนเท่าเมล็ดถั่ว

อ้าวเฟิงทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่งขณะรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะระเบิด

ถ้าเรานำถั่วเมล็ดจ้อยนี้ไปมอบให้จอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์ต้องคิดว่าเราดูถูกเขาแน่!

เวรแล้ว!

อ้าวเฟิงเกาหัวด้วยความงุนงงอย่างหนัก เขาเพ่งดูใกล้ๆ พบว่าพลังงานที่อยู่ภายในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไหลออกไปอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ปราการแสงถูกทำลาย

ดูเหมือนปราการแสงจะมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นเสื่อมสลาย เมื่อมันถูกทำลาย ความสามารถในการรักษาพลังงานของน้ำทิพย์จึงสูญเสียไป

เดี๋ยวก่อน*…แล้วพลังจิตวิญญาณทั้งหมดหายไปไหน?* อ้าวเฟิงครุ่นคิดอย่างร้อนใจ

เขาแกะรอยตามกระแสพลังจิตวิญญาณไป ซึ่งสิ่งที่พบก็ทำให้ตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง

เขาแทบไม่อยากเชื่อที่พบว่าทั้งปราการแสงและพลังจิตวิญญาณจากน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นถูกชายหนุ่มซึมซับไปจนหมด และหมอนั่นก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!

ว่าแต่…เขาทำได้อย่างไร?

พลังจิตวิญญาณของน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นนั้นบริสุทธิ์ถึงขนาดที่แม้อ้าวเฟิงก็ยังซึมซับมันได้ยาก!

อ้าวเฟิงกัดฟัน เขารีบนำกล่องหยกออกมาเพื่อเก็บน้ำทิพย์ปฐพีที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว จากนั้นก็ปิดไว้อย่างแน่นหนา เขาหันไปจ้องหน้าจางเซวียนและเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างโกรธเกรี้ยว “สหาย ผมขอขอบคุณสำหรับยาเม็ดของคุณเมื่อครู่นี้ แต่การที่คุณซึมซับพลังจิตวิญญาณในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปจนหมดนั้นหมายความว่าอย่างไร? คุณอยากให้ผมรายงานฝ่าบาทเรื่องการกระทำทั้งหมดของคุณว่าอย่างไรกัน?”

ถึงเขาจะรู้สึกขอบคุณที่จางเซวียนให้ความช่วยเหลือเมื่อครู่ แต่วัตถุประสงค์หลักของภารกิจครั้งนี้ก็เพื่อนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมา ซึ่งถ้าชายหนุ่มสูบพลังงานของมันออกไปจนเหือดแห้ง ก็ย่อมหมายความว่าภารกิจของพวกเขาล้มเหลว!

คุณรู้ไหมว่าผมทุ่มเทเสียสละแค่ไหนกับภารกิจครั้งนี้? ไม่เพียงแต่ผมจะให้สัญญากับทุกคนว่าจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเม็ดหนึ่งกับการติดหนี้บุญคุณให้ ยังเกือบตายระหว่างการปฏิบัติภารกิจด้วย แต่คุณกลับขโมยของล้ำค่าของผมไปต่อหน้าต่อตา…

มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?

จางเซวียนงุนงงกับอาการโมโหเดือดอย่างปุบปับของอ้าวเฟิง เขาหันไปมองกล่องหยก และเห็นทันทีว่าในนั้นมีน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ใน 10

จางเซวียนผงะ เขารีบก้มลงมองร่างกายของตัวเองก่อนจะยืนตัวแข็ง

“ฮะ? วรยุทธของเรา…ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้วหรือ? มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เรื่องนี้น่าตกใจมาก ถึงจะเป็นความต่างของวรยุทธเพียงขั้นเดียว แต่เขาก็ได้ยกระดับวรยุทธจากราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดมาเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นต้นแล้ว!

ว่าแต่…ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรเลย?

เขาคงมัวแต่ซึมซับพลังจิตวิญญาณเสียจนร่างกายเริ่มฝึกฝนวรยุทธไปเองโดยอัตโนมัติภายใต้อานุภาพของหัวใจแห่งความว่างเปล่า สุดท้าย เขาจึงซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ถ้าผมบอกคุณว่าผมเพียงแค่จะซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณและไม่ได้คิดจะขโมยพลังจิตวิญญาณใดๆของคุณเลยคุณจะเชื่อผมไหม?