ตอนที่ 1035 หลงยวี่เอ๋อร์หายตัวไป

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลงยวี่เอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในห้องฝึกยุทธ์นี้มาอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว ที่นี่ไม่มีร่องรอยกลิ่นอายของมนุษย์หลงเหลือแม้แต่น้อย หากเพิ่งออกจากที่นี่ไปเพียงไม่กี่วัน มันจะต้องมีร่องรอยบางอย่างหลงเหลืออย่างแน่นอน

ภายในห้องนอนของนางก็เป็นเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่มานานกว่าหกเดือนแล้ว

“คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกับพี่รองใช่รึไม่…”

หลงเฟยเอ๋อร์จับมือฉินอวี้โม่ไว้แน่นและกล่าวพึมพำด้วยสีหน้ากังวลอย่างที่สุด แรกเริ่มเดิมที หลงยวี่เอ๋อร์กล่าวว่าจะเข้าสู่สภาวะจำศีลและไม่เคยออกมาอีกเลยเป็นเวลารวมสามปี แม้รู้สึกว่าแปลกประหลาดไม่น้อย หลงเฟยเอ๋อร์ก็ไม่เคยสงสัยสิ่งใด หากมิใช่เพราะคำถามของฉินอวี้โม่ในวันนี้ เกรงว่านางก็คงจะไม่ทราบถึงการหายตัวไปของหลงยวี่เอ๋อร์ด้วยซ้ำ

“เรียกบรรดาผู้พิทักษ์ของตำหนักมาสอบถามก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือสบตากันและมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างกับหลงยวี่เอ๋อร์อย่างแน่นอน ทว่ายังไม่อาจทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ต้องมีเบาะแสร่องรอยให้สืบค้นหาได้ แม้มีเพียงน้อยคนที่เข้าออกตำหนักของหลงยวี่เอ๋อร์ตลอดสามปีที่ผ่านมา พวกนางก็คงจะค้นพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์บางอย่างได้

หลงเฟยเอ๋อร์พยักศีรษะและเรียกผู้พิทักษ์ทั้งหมดเข้ามาในห้องฝึกยุทธ์ของหลงยวี่เอ๋อร์ทันที

“ม่านป้องกันรอบห้องฝึกยุทธ์ของพี่รองหายไป ก่อนหน้านี้พวกเจ้าสังเกตเห็นสิ่งใดที่ผิดปกติบ้างรึไม่ ?”

หลงเฟยเอ๋อร์กวาดสายตามองผู้พิทักษ์มากกว่าสิบคนตรงหน้า พวกเขาประจำการอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้มาตลอด แม้หลงยวี่เอ๋อร์จะเก็บตัวอยู่ในห้องฝึกยุทธ์ คนเหล่านี้ก็ยังต้องดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยภายในตำหนักอยู่เสมอ

ทุกคนส่ายศีรษะตาม ๆ กันและยืนยันว่าตนเองไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อยว่าข่ายอาคมรอบห้องฝึกยุทธ์หายไป พวกเขาทั้งหมดทราบดีว่าหลงยวี่เอ๋อร์อยู่ในช่วงจำศีลบ่มเพาะพลังและวางข่ายอาคมป้องกันไว้รอบบริเวณ ทว่าพวกเขาก็ไม่ทราบว่ามันคือข่ายอาคมประเภทใด ถึงอย่างไรแล้วความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงนักจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถระบุได้

“ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้มีใครเข้ามาที่ตำหนักนี้บ้างและพวกท่านได้ยินเสียงอะไรบ้างรึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามขณะกวาดสายตามองคนเหล่านั้นเพื่อรอคำตอบ

พวกเขามิใช่คนเขลาและทราบแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้นอย่างแน่นอน

“ท่านจอมยุทธ์ขอรับ พวกเราอยู่ที่นี่ตลอดช่วงที่องค์หญิงรองเก็บตัว ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ นอกจากพวกท่านก็มีเพียงองค์หญิงสามที่เข้ามาที่นี่ครั้งหนึ่งและใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก่อนกลับไป เราไม่ได้ยินเสียงใดที่ผิดปกติเลยขอรับ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมในตอนที่องค์หญิงรองเก็บตัวและไม่เกิดสิ่งใดที่แปลกพิลึกแม้แต่น้อย”

บรรดาผู้พิทักษ์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวตอบฉินอวี้โม่ แม้จะเป็นตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมาก็มีคนมาที่นี่เพียงสองครั้งเท่านั้น นอกเหนือจากหลงเฟยเอ๋อร์และคณะของฉินอวี้โม่ก็มีเพียงหลงซินเอ๋อร์ที่เข้ามาที่นี่ครั้งหนึ่งและใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงไม่นาน

“องค์หญิงรองเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ในห้องฝึกยุทธ์มาตลอด พวกเราจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้หรือรบกวน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ทำความสะอาดตำหนักเป็นระยะ ๆ และเฝ้าหน้าประตูอยู่ตลอดเวลา หากเกิดเรื่องใดผิดปกติก็ไม่น่าจะรอดพ้นไปจากสายตาของพวกเราขอรับ”

คนอื่น ๆ กล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นภายใน พวกเขาจะต้องสัมผัสหรือรับรู้ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นในตำหนักและทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบสงบ

“แปลกจริง ๆ ความแข็งแกร่งของพี่รองก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลย หรือนางจะออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเอง ?”

หลงเฟยเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่นและรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง หลงยวี่เอ๋อร์แข็งแกร่งกว่านางมากนักและจัดเป็นจอมยุทธ์ฝีมือดีอันดับต้น ๆ ของดินแดนก็ว่าได้ ไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะจับตัวหลงยวี่เอ๋อร์ไปโดยที่ไม่เกิดความเคลื่อนไหวหรือเกิดเสียงใด ๆ

อย่างไรก็ตาม หากหลงยวี่เอ๋อร์ออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเองจริง ผู้พิทักษ์ทั่วบริเวณตำหนักก็ต้องสังเกตเห็นได้เช่นกัน

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…

“เรียกหลงซินเอ๋อร์มาสอบถามจะดีกว่า”

ฉินอวี้โม่กล่าวออกไปทันที ในเมื่อหลงซินเอ๋อร์เคยเข้ามาที่นี่ก็จำเป็นต้องสอบถามความจริงจากนางเช่นกัน

“จะว่าไปแล้ว…เรียกพี่ใหญ่ของข้ามาที่นี่ด้วยเลย และอย่าเพิ่งรบกวนท่านพ่อในเวลานี้”

หลงเฟยเอ๋อร์ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ก่อนที่จะมั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ นางไม่ต้องการรบกวนผู้อื่นมากจนเกินไป

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งแยกตัวออกไปทันทีและไม่นานนัก หลงเพ่ยเอ๋อร์และหลงซินเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูตำหนัก

“น้องสี่ มีเรื่องอะไรรึ ?”

หลงเพ่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด หากไม่ได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น หลงเฟยเอ๋อร์ก็คงไม่ส่งคนไปเรียกนางมาที่นี่เป็นแน่

“น้องสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ข้าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือก่อกวนอะไรพวกเจ้าแม้แต่น้อยเลยนะ”

หลงซินเอ๋อร์มีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ฉินอวี้โม่แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาก่อนหน้านี้ นางก็เก็บตัวสงบเสงี่ยมและไม่คิดหาเรื่องหรือยั่วยุพวกนางอีกเลยโดยที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในตำหนักของตนเอง

เมื่อครู่นี้ที่หลงเฟยเอ๋อร์ส่งคนไปเรียกนางมาอย่างกะทันหัน นางก็ไม่คิดที่จะมาที่นี่ อย่างไรก็ตาม ผู้พิทักษ์ผู้นั้นกลับกล่าวว่าเกิดเรื่องสำคัญบางอย่าง นางจึงต้องจำใจมาที่นี่กับเขา

“พี่ใหญ่ พี่สาม ข้าเรียกท่านทั้งสองมาที่นี่เพราะพี่รองหายตัวไปเจ้าค่ะ”

หลงเฟยเอ๋อร์โบกมือเพื่อส่งสัญญาณเพื่อให้ผู้พิทักษ์ทั้งหมดออกไปและเปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสอง

“น้องรองหายตัวไปรึ ?”

สีหน้าของหลงเพ่ยเอ๋อร์บิดเบี้ยวทันที คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ นางสนิทสนมกับหลงยวี่เอ๋อร์มาเสมอและคิดว่าน้องรองของตนเก็บตัวอยู่ในตำหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่คาดคิดเลยว่าหลงยวี่เอ๋อร์จะหายตัวไปเช่นนี้

“พี่รองหายตัวไป ? เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน ?”

หลงซินเอ๋อร์ชะงักไปเช่นกัน ทว่ายังเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก

“วันนี้ข้าไม่มีอะไรทำจึงตัดสินใจพาพี่อวี้โม่และทุกคนไปเดินชมรอบ ๆ พระราชวัง ทว่าเมื่อผ่านตำหนักพี่รอง ข้าจึงอยากเข้ามาดูว่านางยังเก็บตัวบ่มเพาะอยู่อีกหรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะเข้ามาพบว่าข่ายอาคมรอบห้องฝึกยุทธ์หายไปทั้งหมดและไม่มีวี่แววของพี่รองแม้แต่น้อย หลังจากที่ข้าสอบถามจากทหารผู้พิทักษ์ทั้งหมดก็ไม่มีใครที่เห็นพี่รองออกไปจากตำหนักแม้แต่คนเดียวหรือได้ยินเสียงที่ผิดปกติใด ข้าคิดว่าคงจะเกิดเรื่องร้ายบางอย่างกับพี่รอง ข้าจึงตัดสินใจเรียกท่านทั้งสองมาที่นี่”

หลงเฟยเอ๋อร์อธิบายอย่างกระชับรวดเร็วเพื่อให้หลงซินเอ๋อร์และหลงเพ่ยเอ๋อร์เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

“พี่สาม ข้าได้ยินมาจากบรรดาผู้พิทักษ์ว่าก่อนหน้านี้ท่านก็มาที่นี่เช่นกัน ตอนนั้นพี่รองยังเก็บตัวอยู่ในห้องรึไม่เจ้าคะ ?”

หลงเฟยเอ๋อร์มองไปที่หลงซินเอ๋อร์โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงและต้องการทราบว่านางทราบสิ่งใดหรือไม่

“ใช่ เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ในตอนนั้นข้าไม่มีอะไรทำและรู้สึกเบื่อหน่ายจึงมาที่นี่เพื่อดูว่าพี่รองออกจากการเก็บตัวรึยัง เจ้าก็ทราบดีว่าข้าไม่เคยสุงสิงกับเจ้าและไม่มีอะไรที่ต้องคุยกัน มีเพียงพี่รองเท่านั้นที่ข้าพอจะพูดคุยด้วยได้”

หลงซินเอ๋อร์กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยและแววตาแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนซึ่งแสดงให้เห็นว่านางและหลงยวี่เอ๋อร์ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก

นางมาที่นี่เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ในตอนนั้น ข่ายอาคมรอบห้องฝึกยุทธ์ยังคงปรากฏอยู่และนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลงยวี่เอ๋อร์อย่างเลือนราง ทว่านางก็ไม่ต้องการรบกวนหลงยวี่เอ๋อร์และใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก่อนกลับไปยังตำหนักของตน

“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าเกิดเรื่องกับพี่รองหลังจากที่ท่านกลับไปแล้ว การที่สามารถพาตัวพี่รองออกไปได้โดยที่ไม่มีใครรับรู้หรือสังเกตเห็น คนผู้นั้นจะต้องคุ้นเคยกับตำหนักของเราพอสมควร”

หลงเฟยเอ๋อร์ไม่สงสัยในวาจาของหลงซินเอ๋อร์แม้แต่น้อยและทราบดีว่านางก็มีศีลธรรมอยู่ในระดับหนึ่ง แม้จะมีเรื่องบาดหมางและโต้เถียงกันเป็นประจำ นางก็ไม่มีเจตนาร้ายจนถึงขั้นคิดเอาชีวิตของพี่น้อง

“พี่ใหญ่ รายงานเรื่องนี้กับท่านพ่อเถอะ เราไม่ทราบเลยว่าพี่รองถูกจับตัวหรือหายไปตั้งแต่เมื่อใด ข้าเป็นกังวลมากจริง ๆ”

หลงซินเอ๋อร์เดินเข้าไปหาหลงเพ่ยเอ๋อร์และกล่าวอย่างกังวลใจ