บนสังเวียนประลอง ฉินอวี้โม่และหลงเพ่ยเอ๋อร์กำลังแสดงฝีมือกันอย่างดุเดือด

พลังในการต่อสู้ของทั้งสองอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน ทว่าทั้งสองก็มีความเข้าใจตรงกันและไม่ปลดปล่อยพลังออกไปอย่างสุดความสามารถ

ทว่าในขณะที่ประลองฝีมือกับฉินอวี้โม่ หลงเพ่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ นางมั่นใจในพลังของตนเองมาตลอดและเชื่อว่าไม่มีสตรีใดที่มีอายุไล่เลี่ยกันที่จะเทียบชั้นกับตนได้ ก่อนหน้านี้นางก็เพียงได้ยินเรื่องราวของฉินอวี้โม่มา ส่งผลให้เกิดความสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่งและต้องการประลองฝีมือกับสตรีผู้นี้มานานแล้ว ทว่าการได้ประชันฝีมือกันในตอนนี้ก็พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่แกร่งกล้ากว่าที่นางคิดไว้มาก

หลังจากประชันฝีมือกันเป็นเวลานานโดยไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลงเพ่ยเอ๋อร์ก็โบกมือเล็กน้อยและการเคลื่อนไหวของทั้งสองก็หยุดลง

“จอมยุทธ์อวี้โม่ ท่านแข็งแกร่งมาก ข้ามิใช่คู่มือเลยจริง ๆ วันนี้จบการต่อสู้เพียงเท่านี้เถอะ”

ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังมายา ความแข็งแกร่งทางร่างกายหรือประสบการณ์การต่อสู้ นางก็ยังต่อกรกับฉินอวี้โม่ได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เว้นแต่ว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มี มันก็ยากที่จะกำหนดผลแพ้ชนะที่แท้จริงได้

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้ไพ่ตายทั้งหมดโดยสมบูรณ์ เพราะเหตุนั้นนางจึงตัดสินใจหยุดการประชันฝีมือเพียงเท่านี้และรอโอกาสประชันฝีมือกันอีกในอนาคต

“ถ้าเช่นนั้นเราจะรอจนกว่าเรื่องของจอมยุทธ์ปีศาจจะได้รับการสะสางเสียก่อนและค่อยประชันฝีมือกันอีกครั้ง”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ความแข็งแกร่งของหลงเพ่ยเอ๋อร์เหนือชั้นกว่าเหล่าสตรีที่นางเคยประจันหน้าก่อนหน้านี้มากนักและไม่ด้อยไปกว่าฮวาหรงเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น หลงเพ่ยเอ๋อร์ก็ไม่เหมือนองค์หญิงทั่วไปที่ถูกประคบประหงมเอาใจจนเคยตัวและคงจะใช้เวลาท่องยุทธภพฝึกวิชาเป็นประจำส่งผลให้มีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนเช่นนี้

ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลงซินเอ๋อร์ที่เยาะเย้ยฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ก็ถึงกับชะงักนิ่งไป

นางตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหลงเพ่ยเอ๋อร์เป็นอย่างดีและการที่ฉินอวี้โม่แสดงฝีมือได้อย่างเสมอภาคเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังได้อย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของหลงซินเอ๋อร์ต่างจากหลงเพ่ยเอ๋อร์มากนัก หากฉินอวี้โม่คิดจัดการกับนางจริง หลงซินเอ๋อร์คงต้องตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่

ความหวาดกลัวผุดขึ้นในหัวใจของหลงซินเอ๋อร์ทันที นางได้รับการเอาใจจนเคยตัวมาตลอดและไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใดเพราะมีอำนาจหนุนหลัง โดยปกติแล้วนางก็มักอาศัยสถานะของตนเพื่อทำในสิ่งที่ไม่ถูกศีลธรรมนัก ทว่าหากต้องประจันหน้ากับฉินอวี้โม่ นางก็หวาดหวั่นใจอย่างแท้จริง

“ฮ่า ๆ ๆ สหายน้อยอวี้โม่แข็งแกร่งมากจริง ๆ”

หลงอวี้เทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เหนือชั้นกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มากนัก

“ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ ไม่แปลกใจเลยที่จอมยุทธ์ปีศาจจะหวาดหวั่นต่อท่านจอมยุทธ์อวี้โม่มากยิ่งนักและพยายามกำจัดนางให้ได้ ความแข็งแกร่งของนางช่างน่าทึ่งอย่างแท้จริง”

บรรดาสมาชิกตระกูลราชวงศ์ที่มาชมการประลองก็กล่าวอย่างเห็นด้วย พรสวรรค์ของฉินอวี้โม่ดูจะเหนือกว่าหลงเพ่ยเอ๋อร์เสียด้วยซ้ำ และสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือนางมาจากดินแดนที่มีระดับต่ำกว่า การที่ฝึกวิชาและพัฒนาตนจนบรรลุความแข็งแกร่งในระดับนี้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

สำหรับสมาชิกตระกูลราชวงศ์คนอื่น ๆ ที่ดูแคลนฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ไม่มีความคิดเป็นอื่นอีกต่อไปและแสดงแววตาเคารพต่อนางอย่างแท้จริง

“เอาล่ะ ข้าสั่งให้คนเตรียมอาหารมื้อโอชะไว้แล้ว สหายน้อยอวี้โม่ เจ้าและทุกคนอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้อีกสักสองสามวันเถอะ พวกเราในฐานะเจ้าบ้านจะได้ให้การต้อนรับอย่างเต็มที่”

เดิมทีฉินอวี้โม่และสหายวางแผนที่จะกลับไปเมื่อเสร็จธุระที่นี่ ทว่าในเวลานี้หลงอวี้เทียนกลับเชิญชวนให้พวกนางพักอยู่ที่พระราชวังต่ออีกสักพักโดยมีจุดประสงค์หลักก็คือการให้พวกนางช่วยตามหาว่าผู้ใดในตระกูลราชวงศ์ที่แปรพักตร์และจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจไปแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องขอรบกวนด้วยเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มและเข้าใจความหมายของหลงอวี้เทียนเป็นอย่างดี พวกนางเองก็วางแผนไว้เช่นเดียวกัน มิใช่ทุกคนในตระกูลราชวงศ์ที่มีข้อตกลงร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจและอาจมีเพียงบางคนที่แอบยอมจำนนต่อคนเหล่านั้น

พลบค่ำของวันนี้ ตระกูลราชวงศ์ก็เตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งทุกคนเข้าร่วมรับประทานอาหาร พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานตลอดทั้งคืน

หลายวันต่อมา ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ยังคงพักอยู่ในพระราชวังแห่งนี้โดยที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกวิชาและท่องชมไปรอบ ๆ ภายใต้การนำทางของหลงซินเอ๋อร์ซึ่งไม่สบอารมณ์นัก

จากนั้นเวลาห้าวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ บรรยากาศภายในตระกูลราชวงศ์ก็ดำเนินไปอย่างเงียบสงบและไม่มีทางค้นพบได้เลยว่าผู้ใดแอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ ทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตนอย่างขยันขันแข็งและไม่แสดงให้เห็นความผิดปกติใด

ในช่วงนี้ หลงซินเอ๋อร์ก็ไม่มาหาเรื่องฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อีกเลยโดยมีเหตุผลประการหนึ่งคือหวาดหวั่นต่อความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และอีกประการเป็นเพราะคำสั่งอย่างเข้มงวดจากบิดาซึ่งนางไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย

“เฟยเอ๋อร์ ตระกูลราชวงศ์มีองค์หญิงทั้งหมดสี่คนมิใช่รึ ? เหตุใดข้าจึงไม่เคยพบหน้าพี่รองของเจ้าเลยล่ะ ?”

ตระกูลราชวงศ์มีทายาทไม่มากนักซึ่งฉินอวี้โม่ได้พบองค์ชายองค์หญิงทั้งหมดแล้ว ทว่ามีเพียงหลงยวี่เอ๋อร์—องค์หญิงรองของตระกูลราชวงศ์คนเดียวเท่านั้นที่นางยังไม่เคยพบและนั่นทำให้ฉินอวี้โม่ฉงนสงสัยไม่น้อย

“พี่รองเก็บตัวบ่มเพาะพลังตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาเจ้าค่ะ”

หลงเฟยเอ๋อร์คลี่ยิ้มและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความรัก เห็นได้ชัดว่านางและหลงยวี่เอ๋อร์สนิทสนมกันพอสมควร

“แม้พี่รองและข้าจะไม่ได้เกิดจากมารดาคนเดียวกัน นางก็สนิทสนมกับข้าและพี่ใหญ่มาก พี่รองรักและเอ็นดูข้าอยู่เสมอ การที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปีก็ทำให้ข้าคิดถึงนางมาก”

เว้นเพียงแต่หลงซินเอ๋อร์ องค์หญิงอีกสามคนก็สนิทสนมกันมาก หากมิใช่เพราะหลงยวี่เอ๋อร์อยู่ในช่วงเก็บตัวบ่มเพาะ หลงเฟยเอ๋อร์คงจะพานางมาแนะนำให้กับฉินอวี้โม่และทุกคนแล้ว

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆ ทว่าไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใดนางจึงสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

เมื่อจอมยุทธ์เข้าสู่ช่วงเก็บตัวบ่มเพาะพลัง มันย่อมใช้เวลานานพอสมควร อย่างไรก็ตาม หลงยวี่เอ๋อร์น่าจะมีอายุไม่มากนักและความแข็งแกร่งก็คงจะไม่ด้อยไปกว่าหลงเพ่ยเอ๋อร์มากนักเช่นกัน หากนางเข้าสู่สภาวะเก็บตัว โดยปกตินางก็น่าจะใช้เวลาไม่ถึงสามปี

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปที่ตำหนักของพี่รองเพื่อดูว่ามีวี่แววที่นางจะลืมตาตื่นขึ้นมาหรือไม่”

หลงเฟยเอ๋อร์ตัดสินใจและกล่าวทันทีด้วยวางแผนที่จะพาฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไปยังตำหนักที่พักของหลงยวี่เอ๋อร์

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่ปฏิเสธขณะเดินตามหลงเฟยเอ๋อร์ไปยังตำหนักของหลงยวี่เอ๋อร์ทันที

ตำหนักขององค์หญิงทั้งสี่อยู่ติดกันและไม่ไกลกันมากนัก หลังจากใช้เวลาเดินเท้าเพียงไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าตำหนักของหลงยวี่เอ๋อร์

“คารวะองค์หญิงสี่และท่านจอมยุทธ์ทุกท่านขอรับ”

ทันทีที่พบหน้าหลงเฟยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ผู้พิทักษ์หน้าประตูตำหนักก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว

“พี่รองออกมารึยัง ?”

หลงเฟยเอ๋อร์เอ่ยถามพลางเดินเข้าไปข้างใน

“ข้าน้อยยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยขอรับ คาดว่าองค์หญิงรองคงจะยังไม่ออกมา”

ผู้พิทักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม พวกเขาคอยคุ้มกันอยู่หน้าประตูมานานและไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณใดที่บ่งบอกว่าหลงยวี่เอ๋อร์จะออกมาจากการเก็บตัวแม้แต่น้อย

“ข้าจะเข้าไปดูข้างใน พวกเจ้าไม่ต้องตามเข้ามาล่ะ”

หลงเฟยเอ๋อร์โบกมือให้กับผู้พิทักษ์เหล่านั้นและบอกให้พวกเขารอที่ประตูตามเดิมในขณะที่ตนเดินนำหน้าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เข้าไปด้านในตำหนัก

ตำหนักของหลงยวี่เอ๋อร์มีการตกแต่งอย่างเรียบง่ายทว่าก็ดูหรูหราในระดับหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่านางมิใช่คนโอ้อวดเกินจำเป็น

“ปกติแล้วพี่รองมักเก็บตัวอยู่ในห้องฝึกยุทธ์และมีข่ายอาคมที่ถูกจัดวางไว้ทั่วบริเวณ”

หลงเฟยเอ๋อร์อธิบายเกี่ยวกับตำหนักของหลงยวี่เอ๋อร์ขณะนำทางฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆเข้าไปยังห้องฝึกยุทธ์

เมื่อมาถึงหน้าห้อง หลงเฟยเอ๋อร์ก็สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติและสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พี่รองออกไปจากที่นี่แล้วรึ ?!”

ข่ายอาคมรอบบริเวณหายไปอย่างไร้ร่องรอยและประตูห้องฝึกยุทธ์ก็ถูกเปิดทิ้งไว้

ในเวลานี้ หลงเฟยเอ๋อร์โพล่งออกมาอย่างตกใจและความกังวลอย่างมากผุดขึ้นในใจทันที หากหลงยวี่เอ๋อร์ออกจากสภาวะจำศีลแล้ว พวกนางก็ต้องทราบถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การที่ข่ายอาคมรอบห้องฝึกยุทธ์หายไปและไม่มีกลิ่นอายของผู้ใดอยู่ในห้องนั้น หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่รอง ?!…

ทุกคนก้าวเข้าไปในห้องทว่าไม่พบผู้ใด หลงยวี่เอ๋อร์ที่ควรจะเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ในห้องนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

“พี่รองเจ้าคะ ?”

หลงเฟยเอ๋อร์มองสำรวจไปรอบ ๆ และยืนยันได้ว่าหลงยวี่เอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้จริง จากนั้นนางก็วิ่งไปสำรวจห้องอื่นทว่ายังไม่พบแม้แต่วี่แววของหลงยวี่เอ๋อร์เช่นเดิมและความกังวลแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนมากขึ้น

“เฟยเอ๋อร์ หากข้าเดาไม่ผิด พี่รองของเจ้าคงจะไม่ได้อยู่ในห้องนี้มานานกว่าหกเดือนแล้ว”

จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้นมาและจับมือหลงเฟยเอ๋อร์ไว้เพื่อมิให้นางตกใจจนเกินไป