นี่มันบ้าบออะไร?
ถึงทุกคนจะพูดกันว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าน่าจะได้เป็นจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คนต่อไป แต่หูเสี่ยวก็ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นไปได้โดยง่าย เพราะถึงอย่างไร เก้าจอมราชันย์ก็คงไม่ปล่อยให้มีจอมราชันพิชิตสวรรค์อีกคนมาเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มแทงตำแหน่งของพวกเขา
ด้วยการบ่มเพาะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นใหม่ขึ้นมา เขาเชื่อว่านักรบกลุ่มนี้จะสกัดดาวรุ่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าได้อย่างง่ายดาย
แต่…
กลับกลายเป็นว่าในเวลานี้ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด 12 คนในทะเลท่วมท้นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้ากับศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของเขา เรียกได้ว่าไม่มีใครแตะต้องได้เลย!
“พวกคุณคงได้ยินที่เราคุยกันแล้วนะ บอกฉันมาว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าไปไหน” จ้าวหย่าหันกลับไปพูดกับราชันย์เทพเจ้าที่เหลือ
ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งชี้นิ้วไปอย่างลังเล “พวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น!”
“ขอบคุณ”
จ้าวหย่าคว้าหางของหูเสี่ยวที่อยู่ในร่างเสือและรุดหน้าไปตามทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด เธอก็จะได้พบกับท่านอาจารย์อีกครั้ง…
ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
ส่วนหูเสี่ยวที่หางห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศก็รู้ตัวทันทีว่าชะตากรรมเลวร้ายที่สุดกำลังรอคอยอยู่ การถูกซ้อมเมื่อครู่นี้เป็นแค่เบาะๆ และของจริงจะเริ่มทันทีที่พบราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า
เพราะไม่อย่างนั้น จ้าวหย่าจะลากเขาไปด้วยทำไม?
ถ้ารู้เสียก่อนว่าจะเป็นแบบนี้…เราจะเดินหน้าเสาะหาทรัพย์สมบัติต่อไปโดยไม่ยุ่งกับใคร เพราะตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ล้างแค้น ยังใกล้จะถูกซ้อมแบบจริงจังด้วย…
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อครู่นี้เรายังโล่งใจตอนที่รู้ว่าจอมราชันย์ฟู่เหมิงสั่งการให้เธอคอยดูแล
ถอนคำพูดตอนนี้ยังทันไหม? เราไม่อยากให้เธอดูแลแล้ว…
“คุณแน่ใจนะว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์อยู่ที่นี่?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
รอยแยกแห่งมิติที่อยู่ตรงหน้าน่าสะพรึงกว่ารอยแยกไหนๆที่เขาเคยเห็น ภายใต้คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่แสนจะน่าหวาดกลัว ทุกอย่างที่หลุดเข้าไปในนั้นจะถูกทำลายจนสลายตัวกลายเป็นลำแสง 7 สี
ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้โดยง่าย แล้วหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เป็นแค่สมุนไพรชนิดหนึ่ง จะมีชีวิตรอดในสภาวะแบบนี้ได้หรือ?
“ผมแน่ใจ!” อ้าวเฟิงพยักหน้า “นี่คือการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งที่ 4 และผมก็มาที่นี่เป็นครั้งที่ 4 เช่นกัน ผมสำรวจพื้นที่บริเวณนี้จนทั่วแล้ว คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดี นั่นคือเหตุผลที่ผมพาทั้งทีมเข้าหาน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นได้โดยตรง”
จางเซวียนพยักหน้า
เขาเคยนึกสงสัยว่าอ้าวเฟิงระบุพิกัดของน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นโดยเร็วได้อย่างไรทั้งที่มีจิตวิญญาณหลอกหลอนมากมายคอยอารักขาในพื้นที่ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายมาที่นี่หลายครั้งแล้ว เพียงแต่เมื่อ 2-3 ครั้งก่อน ยังมีวรยุทธยังไม่แข็งแกร่งพอจะนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมา
“เมื่อ 2-3 ครั้งก่อนที่ผมมาที่นี่ รอยแยกแห่งมิติยังไม่น่ากลัวแบบนี้ ผมยังมองเห็นมิติแตกสลายที่อยู่ภายในได้ แต่ดูเหมือนความเสถียรของมิติจะน้อยลงไปทุกที” อ้าวเฟิงตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ความเสถียรของมิติน้อยลงไปทุกที?”
“ใช่ เมื่อก่อนรอยแยกแห่งมิติยังไม่ใหญ่และรุนแรงขนาดนี้ เมื่อ 2-3 ครั้งก่อน ผมยังเข้าไปข้างในได้ แต่ก็ไม่อาจนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมา ไม่นึกเลยว่าผ่านไปเพียงสิบปี มันจะมีสภาพแบบนี้” อ้าวเฟิงอธิบาย
จางเซวียนพยักหน้าขณะตรวจสอบรอยแยกแห่งมิติอย่างตั้งใจ
เมื่อ 10 ปีก่อนเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงบอกไม่ได้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ด้วยสภาพของรอยแยกแห่งมิติที่เห็นอยู่ตอนนี้ ด้วยระดับวรยุทธที่เขามี คงไม่อาจเข้าไปข้างในได้ง่ายนัก
จางเซวียนหันไปถามหลัวฉีฉี “คุณพอจะรักษาความเสถียรของมิติในนั้นได้ไหม?”
ในฐานะผู้ควบคุมเครื่องเก็บงำมิติ ความสามารถของหลัวฉีฉีในการควบคุมมิติเหนือชั้นกว่าแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ หากจะมีใครสักคนทำได้ ก็ต้องเป็นเธอ
“คิดว่าทำได้นะ แต่คงอยู่ได้ไม่นาน” หลัวฉีฉีตอบ
“นานแค่ไหน?”
“นานสุด…ก็แค่ 20 อึดใจ!”
“เท่านั้นก็พอแล้ว” จางเซวียนตอบยิ้มๆ “ผมจะพยายามนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมาให้ได้ภายใน 20 อึดใจ”
“ตามนั้น” หลัวฉีฉีตอบ
เธอเดินเข้าหารอยแยกแห่งมิติ จากนั้นก็กลายร่างเป็นลูกทรงกลมลูกหนึ่ง
เสียงหึ่งเบาๆดังออกมาจากลูกทรงกลมนั้น แล้วคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติก็สงบลงทันที แม้แต่ลำแสง 7 สีก็แข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักนิด
“ฮะ…” อ้าวเฟิงกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง
ที่ผ่านมา เขาคิดว่าสาวน้อยคนนี้เป็นแค่ราชันย์เทพเจ้าธรรมดาๆคนหนึ่งที่คอยรับใช้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า ใครจะไปรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเธอก็คือผู้ทรงพลังคนหนึ่ง!
ทั้งที่ตัวเขาเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่อ้าวเฟิงก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้
พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเขาสู้กับสาวน้อยคนนี้ ต่อให้มีวรยุทธสูงกว่า ก็เอาชนะเธอไม่ได้อยู่ดี!
สมแล้วที่เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า แม้ผู้ติดตามเขาก็เก่งกาจอย่างที่ไม่อาจสบประมาทได้
ฟึ่บ!
ทันทีที่หลัวฉีฉีทำให้มิติที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติเกิดความเสถียรได้สำเร็จ จางเซวียนก็กระโจนเข้าไป
เขาเล็ดลอดผ่านลำแสง 7 สีและสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว
ตอนแรก จางเซวียนคิดว่ารอยแยกแห่งมิติเป็นแค่ความเสียหายทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนดินแดนผืนหนึ่ง แต่หลังจากได้เข้ามา ก็รู้ทันทีว่าเขาประเมินธรรมชาติของมันต่ำไป เพราะหากปล่อยไว้ ในท้ายที่สุดมันจะกลืนกินดินแดนนี้ทั้งหมด
“นี่มันพลังงานแบบเดียวกัน…” จางเซวียนขมวดคิ้วขณะสำรวจลึกเข้าไป
เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังงานที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวในส่วนลึกของรอยแยกแห่งมิติ มันเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พลังงานนี้เหมือนกันเป๊ะกับกลุ่มพลังงานสีเทาที่เขาพบในส่วนลึกของลำธารในหุบเขา รวมทั้งหลุมดำที่อยู่ใต้เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด
จางเซวียนรีบใช้พลังปราณจากเวทนาสวรรค์ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ก่อนจะรุดหน้าต่อไป
ไม่ช้า ก็พบหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ 3 ต้นลอยอยู่ท่ามกลางความมืด ดูเหมือนใกล้จะถูกความมืดมิดตรงนั้นกลืนกินอยู่รอมร่อ
เศษเสี้ยวของมิติที่แตกสลายที่ลอยเข้าใกล้หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จะถูกมันกลืนลงไป ทำให้ใบหญ้าเขียวชอุ่มขึ้นอีก
ตำนานกล่าวไว้ว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เติบโตด้วยการซึมซับเศษเสี้ยวของมิติ ส่งผลให้มันมีอำนาจควบคุมมิติได้**ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นความจริง จางเซวียนครุ่นคิด
หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไม่เหมือนกับสมุนไพรชนิดอื่นที่เติบโตด้วยพลังจิตวิญญาณ มันอยู่ได้ด้วยการกลืนกินเศษเสี้ยวของมิติ ทำให้มีความพิเศษ
เรารู้สึกได้ว่าต้องมีใครสักคนจงใจปลูกหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไว้ที่นี่เพื่อสร้างความเสถียรให้กับรอยแยกแห่งมิติ
รอยแยกแห่งมิติแห่งนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มพลังงานสีเทาที่มีอานุภาพเจือจางได้แม้แต่พลังปราณเทียบฟ้า ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่มันจะแผ่ขยายอาณาเขตออกไปอย่างต่อเนื่องขณะกลืนกินพลังงานที่อยู่โดยรอบ
เท่าที่จางเซวียนได้รู้จากอ้าวเฟิง รอยแยกนี้เกิดขึ้นมา 40 ปีแล้ว แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ป่านนี้มันก็น่าจะกลืนกินทะเลสาบท่วมท้นไปจนหมด ไม่น่าจะมีขนาดเล็กอย่างที่เห็น
เป็นเพราะหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมแบบนั้น
รากของมันร้อยรัดรอยแยกแห่งมิติไว้ ด้วยการจำกัดการแผ่ขยายอาณาเขตและการซึมซับเศษเสี้ยวของมิติ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เศษเสี้ยวของมิติออกฤทธิ์ทำลายความเสถียรของมิติที่อยู่โดยรอบ สิ่งนี้ทำให้การขยายอาณาเขตของรอยแยกแห่งมิติช้ากว่าเดิมมาก
ดูจะบังเอิญเกินไปที่หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ปรากฏในสถานที่ที่มันมีความจำเป็นขนาดนี้
แต่หากจะบอกว่าใครสักคนจงใจปลูกมันไว้ ก็แล้วจะเป็นใคร? บรรดาจอมราชันย์ไม่อาจเข้าสู่ทะเลท่วมท้นได้ และราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่น่าจะทำสำเร็จ
ครืดดดด!
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด ก็รู้สึกได้ว่ามิติรอบตัวที่เคยแข็งทื่อเริ่มเกิดรอยร้าว ดูเหมือนหลัวฉีฉีใกล้หมดแรงแล้ว
เราจะมัวเสียเวลาไม่ได้…
หลัวฉีฉีต้านทานได้เพียง 20 อึดใจเท่านั้น และตอนนี้เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่ง เขาต้องรีบตัดสินใจโดยด่วน
เป้าหมายหลักของจางเซวียนคือนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ทั้ง 3 ต้นออกไป แต่หากทำแบบนั้น ก็จะเสี่ยงกับการลดทอนความเสถียรของรอยแยกแห่งมิติซึ่งเคยอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้
อาจเกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงตามมาหากเขาทำอย่างนั้น รอยแยกนี้อาจกลืนกินทะเลท่วมท้นจนหมด และอาจลงเอยด้วยการที่รอยร้าวเหนือทะเลท่วมท้นแผ่ขยายอาณาเขตออกไป เร่งการพังทลายของสรวงสวรรค์ให้เร็วขึ้นอีก!
แต่หากเขาทิ้งหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไว้ที่นี่…
จางเซวียนดูออกว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไม่อาจยับยั้งการขยายอาณาเขตของรอยแยกแห่งมิติได้อีกแล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมอ้าวเฟิงถึงแปลกใจที่มันแผ่วงกว้างและดูรุนแรงได้ขนาดนี้ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงสิบปี
เป็นไปได้ว่าอีกเพียง 1 หรือ 2 เดือนข้างหน้า ทุกอย่างก็คงแหลกสลาย
การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย…
ตอนที่จางเซวียนได้ยินว่าการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเกิดขึ้นทุก 10 ปี เขาก็เข้าใจว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สรวงสวรรค์ได้รับทรัพยากรอย่างไม่มีวันจบสิ้น
แต่เขาประเมินความรุนแรงของปัญหาต่ำไปมาก
การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ พิสูจน์ได้จากความไม่เสถียรของทะเลท่วมท้น ซึ่งอีกไม่ช้าไม่นาน ความสงบชั่วคราวนี้ก็จะแตกสลายไป
ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจะสิ้นสุด การพังทลายของทะเลท่วมท้นอาจทำให้ความพินาศวอดวายรุนแรงขึ้นด้วย!
นั่นอธิบายได้ว่าทำไมลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงจึงร้อนใจและอยากทำสงครามสวรรค์ให้เสร็จสิ้น…
เมื่อได้เข้ามาสัมผัสทุกอย่างด้วยตัวเอง จางเซวียนถึงเข้าใจว่าสถานการณ์เร่งด่วนแค่ไหน ความคิดที่ผ่านมาของเขาล้วนแต่ตื้นเขินเกินไป
สรวงสวรรค์ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก วิกฤตการณ์ต่างๆจะไม่หายไปเพียงเพราะเขาพยายามยื้อหรือยับยั้งสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในท้ายที่สุด เมื่อสรวงสวรรค์ถูกทำลาย เขาก็ต้องได้รับผลกระทบอยู่ดี
พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจเข้าร่วมสงครามสวรรค์หรือไม่ ชะตาชีวิตของเขาก็ถูกลิขิตมาแล้วว่าจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
แต่หากเศษเสี้ยวทั้งหมดของสวรรค์ถูกนำมารวมกันได้ อย่างน้อยที่สุดทุกคนก็ยังพอมีความหวัง