ตอนที่ 1226 จิ่วเยี่ยและพิฆาตวิญญาณ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กระบี่มังกรเพลิงถูกควบคุมอยู่ในมือของพิฆาตวิญญาณ มังกรเพลิงเองก็พูดกล่าวอะไรไม่ออก

พิฆาตวิญญาณนำกระบี่มังกรเพลิงมาวางในมือของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “แมวน้อย กุมมันเอาไว้ให้ดีแล้วกลายเป็นทาสกระบี่ของข้าเถิด!”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่ากระบี่มังกรเพลิงในมือนั้นได้กลายเป็นของร้อนแสบมือขึ้นมา กระบี่มังกรเพลิงที่ถูกพิฆาตวิญญาณแตะต้องไปจะต้องอันตรายเป็นอย่างมากแน่นอน

แต่นางจำเป็นที่จะต้องกุมมันเอาไว้ เมื่อได้กระบี่มาแล้วมู่เฉียนซีก็ได้ฟาดฟันไปทางพิฆาตวิญญาณ

ร่างของพิฆาตวิญญาณขยับเร็วพลันและถอยหลังไปอยู่หลายก้าว กระบี่มังกรเพลิงนั้นได้ฟันเส้นผมของเขาขาดไปอยู่หลายเส้น

เส้นผมที่ขาดร่วงลงมานั้นเหมือนดั่งกลีบบุปผาหลุดล่องลอยอย่างเชื่องช้า ช่างดูมีเสน่ห์นัก

กระบี่ในมือนั้นยิ่งแผ่ความร้อนออกมาเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีอยากที่จะปล่อยมันไปแต่กลับดูเหมือนว่ากระบี่มังกรเพลิงนั้นมันเหนียวติดมือของนางไปแล้วก็มิปานและไม่อาจที่จะโยนมันออกไปได้

มู่เฉียนซีตะลึงงันเล็กน้อย นางเบิกตากว้างโพลงมองพิฆาตวิญญาณ “เจ้า…”

เจตจำนงแห่งการฆ่าอันกระหายเลือดได้ถูกถ่ายทอดจากตัวกระบี่เข้าไปยังสติของนาง ดวงตาอันสดใสของมู่เฉียนซีได้เริ่มกลายเป็นสีแดงโลหิตขึ้นมา

เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ผิดแปลกไป มู่เฉียนซีก็ได้รีบใช้พลังวิญญาณไปต้านทานการบุกยึดสติของนางจากพิฆาตวิญญาณ

พิฆาตวิญญาณปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีและก้มหัวลงมาต่ำจนติดหูของนาง เขายิ้มแล้วกล่าว “ในตอนนี้เจ้ากลับยังสามารถที่จะขัดขืนการควบคุมของข้าได้ วิญญาณช่างแข็งแกร่งนัก! วิญญาณมีรสชาติอันโอชะ ข้านี้อดทนรอไม่ไหวที่จะกลืนกินวิญญาณของเจ้าเข้าไปทีละคำแล้วจริง ๆ”

เสียงนั้นราวกับแฝงไปด้วยเวทย์มนต์ก็มิปาน มันทำให้วิญญาณของมู่เฉียนซีเริ่มที่จะไม่สามารถควบคุมได้ขึ้นมา

เจตจำนงแห่งการฆ่าได้แผ่ซ่านออกมาจากภายในสู่ภายนอก มู่เฉียนซีรู้สึกว่าโลกของตนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต

เพียงแต่ว่ามันจะต้องมากไปกว่านี้อีกถึงจะได้ นางต้อง… มู่เฉียนซีกุมกระบี่เอาไว้แน่น ร่างกายของนางกำลังสั่นระริก ไม่ได้…

พิฆาตวิญญาณเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แมวน้อยเจ้ายังต่อต้านอยู่อีก!

“ฆ่า! ยิ่งฆ่าคนมากเท่าใด ยิ่งกระบี่อาบโลหิตมากเท่าไรเจ้าถึงจะมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นนายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!

“ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่ง ในโลกนี้จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดรั้งไม่ให้เจ้าทำเรื่องใดได้!”

“……” ถูกพิฆาตวิญญาณกัดกร่อนกินอย่างสมบูรณ์ มู่เฉียนซีสะบัดกระบี่มังกรเพลิงแล้วพุ่งออกไป

ในตอนที่นางพุ่งออกไปนี่เอง ลำแสงสีฟ้าลำแสงหนึ่งได้สาดออกมา พิฆาตวิญญาณยิ้มแล้วกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าหยุดข้าไม่ได้หรอก “

มันนึกไม่ถึงว่าสุ่ยจิงอิ๋งมิได้ลงมือ แต่ได้พลันปรากฏบุรุษชุดคลุมสีดำขึ้นมาแทน และเขาก็ได้กอดเหยื่อของมันเอาไว้ในอ้อมอก

บุรุษชุดคลุมสีดำผู้นั้นราวกับเทพมารจุติก็มิปาน พลังอันดำมืดกำลังวัดกำลังกันกับกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าอันกระหายเลือดของเขา พิฆาตวิญญาณตกตะลึงเล็กน้อย

จิ่วเยี่ยกุมมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกทำให้ความเร่าร้อนของกระบี่มังกรเพลิงลดน้อยถอยลงไป ในตอนนี้มังกรเพลิงที่เป็นวิญญาณกระบี่ก็ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาบ้างแล้ว จึงได้รีบพุ่งบินออกไปจากมือของมู่เฉียนซี

มันกล่าวด้วยความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “พิฆาตวิญญาณ ทำไมเจ้าถึงได้ล่วงเกินนายท่านมากเกินไปเช่นนั้น นายท่านเป็นนายท่านของพวกเราไม่ดีหรือ?”

พิฆาตวิญญาณแค่นยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ก็เพียงแค่เจ้าผู้ไร้ประโยชน์ที่ยอมทำพันธสัญญากับมนุษย์ และโชคชะตาของตนเองไปฝากเอาไว้ในมือของผู้อื่น มันไม่เหมือนกันกับข้า!”

“นายท่านดีเป็นอย่างมาก!” มังกรเพลิงกล่าวด้วยความอัดอั้นใจ

“ดี! มนุษย์ดีนัก? บางทีอาจจะมีแค่เจ้าโง่เช่นเจ้าที่คิดเช่นนั้น” พิฆาตวิญญาณยิ้มอย่างเย็นชา

และในตอนนี้เอง ดวงตาอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยจับจ้องไปที่พิฆาตวิญญาณ เขากล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “ข้าจะต้องให้เจ้าชดใช้”

พิฆาตวิญญาณยิ้มออกมา ยิ้มอย่างมีเสน่ห์เลศนัย “ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าเป็นเทพเทวดาแต่ปางใดที่จะมีความสามารถมาทำให้ข้าต้องชดใช้?”

จิ่วเยี่ยได้ใช้พลังของตนเองลบล้างอิทธิพลของพิฆาตวิญญาณที่มีต่อมู่เฉียนซี นางได้ดึงตัวจิ่วเยี่ยเอาไว้

“จิ่วเยี่ย พวกเราไปกันเถอะ!”

พิฆาตวิญญาณอันตรายยิ่งนัก อันตรายเสียยิ่งกว่าศัตรูที่นางเคยพบเจอมาเมื่อก่อนหน้านี้ คำสาปของจิ่วเยี่ยเพิ่งจะถูกมังกรวารีผนึกไปได้ไม่นาน ไม่ควรที่จะสิ้นเปลืองพลังต่อสู้กับพิฆาตวิญญาณจริง ๆ

จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงขรึม “ไปแล้วเขาก็จะมาหาเรื่องให้เจ้าลำบากอีก ในตอนนี้มีเพียงแต่เอาชนะเขาให้ได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น!”

เขาจูบที่แก้มของมู่เฉียนซีเบา ๆ แล้วกล่าว “ขอแค่เพียงสู้เพื่อซี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่พ่ายแพ้ เชื่อข้า”

พิฆาตวิญญาณเห็นทั้งสองนั้นใกล้ชิดกันมาก ดวงตาก็พลันส่องประกายอันตรายออกมา เขาได้ลงมือแล้ว!

“แมวน้อย ดูทีแล้วหากต้องการที่จะได้เจ้ามาอย่างสมบูรณ์คงต้องจัดการคนรักผู้นี้ของเจ้าเสีย! สบายใจได้ มันจะไม่เปลืองเวลามากนักหรอก”

ก่อนที่การโจมตีของพิฆาตวิญญาณจะมาถึงจิ่วเยี่ยได้ผลักตัวมู่เฉียนซีออกไป

มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าต้องระวังตัวนะ!”

หมอกสีแดงโลหิตแผ่กระจายไปรอบด้าน

ส่วนพลังอันดำมืดของจิ่วเยี่ยนั้นก็มิได้ซ่อนเร้นเอาไว้

ไม่นานเงาร่างสีแดงและสีดำได้ปะทะกันอยู่ที่กลางอากาศ

ทั้งสองนั้นฆ่าฟันกันอย่างเลือดเย็นมิต่างกัน อีกผู้หนึ่งเป็นนายปีศาจแห่งความมืด อีกผู้หนึ่งเป็นนายแห่งความกระหายเลือด

ครืน! ทั้งเมืองหานหลงนั้นราวกับว่าจะพังทลายลงทั้งหมด มีผู้แข็งแกร่งประมือกัน ผู้แข็งแกร่งที่ผู้คนยากจะจินตนาการได้ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะอยู่ในเมืองอีกต่อไป ไม่นานนักทั้งเมืองหานหลงก็ได้กลายเป็นเมืองที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

ทั้งผืนฟ้าและผืนดินเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างรุนแรง คมกระบี่สีแดงโลหิตได้ล้อมตัวจิ่วเยี่ยเอาไว้

พลังอันดำมืดของจิ่วเยี่ยก็ได้ตอบโต้กลับและทำให้คมกระบี่เหล่านั้นกลายเป็นความว่างเปล่า

ทั้งสองต่อสู้กันเป็นครั้งแรก ดูแล้วทั้งสองนั้นมีกำลังที่พอ ๆ กัน

มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้น “สุ่ยจิงอิ๋ง จิ่วเยี่ยเขา…”

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “พลังของพิฆาตวิญญาณนั้นอ่อนกว่าตอนที่เขามีพลังอย่างเต็มพิกัดมากนัก พลังความสามารถของจิ่วเยี่ยเองก็ไม่อ่อนแอ เขาไม่เป็นอะไรหรอก ผนึกของมังกรวารีเองก็จะไม่ถูกปลดผนึกเช่นนั้นหรอก”

ในตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงเองก็ได้บินเข้ามา แต่ทว่ามันไม่กล้าเข้าใกล้มู่เฉียนซีเพราะเกิดกลัวว่าพิฆาตวิญญาณจะทิ้งพลังเอาไว้และจะยังมีผลต่อมู่เฉียนซี

มังกรเพลิงกล่าว “นายท่าน ชายชุดดำผู้นั้นช่างเก่งกาจยิ่งนัก ข้ารู้สึกได้ว่าเหมือนพลังของพิฆาตวิญญาณจะถูกอะไรสักอย่างกดทับเอาไว้แล้ว ในตอนนี้เขาไม่ได้เก่งกาจมากนักแล้ว ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลใจ…”

“ฮือ ฮือ ฮือ! ล้วนแต่ต้องโทษข้า ถ้าหากว่าข้าเก่งกาจละก็ พิฆาตวิญญาณก็คงจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนั้น” มังกรเพลิงร้องไห้ออกมา

บึ้ม! เจตจำนงแห่งการฆ่าอันมหึมาได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหานหลง การต่อสู้ระหว่างจิ่วเยี่ยและพิฆาตวิญญาณได้มาถึงจุดที่ดุเดือดที่สุดแล้ว

พลังความสามารถของจิ่วเยี่ยกลับทำให้พิฆาตวิญญาณตกตะลึง

“ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเลยว่าเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าพบเจอตั้งแต่ฟื้นตื่นขึ้นมา หากว่าเจ้ายินดีร่วมมือกับข้า ข้าจะให้เจ้ากลายเป็นนายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์” พลังความสามารถของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งมากพอ พิฆาตวิญญาณก็ได้ใช้เล่ห์กลเช่นนี้มาหลอกลวงจิ่วเยี่ยอีกแล้ว

การหลอกลวงเช่นนี้ มู่เฉียนซีนั้นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าจิ่วเยี่ยจะติดกับ

จำได้ว่าเมื่อตอนหลังจากที่เจอกันได้ไม่นาน จิ่วเยี่ยก็ได้มอบแหวนมังกรเทพวารีให้นางราวกับมันเป็นแหวนที่ขายกันทั่วไปตามข้างถนนก็มิปาน

ถึงแม้ว่าจะได้อาวุธที่ถูกยกให้เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งเก้า สุ่ยจิงอิ๋งที่มีพลังสามารถควบคุมมิติได้นั้น เขากลับไม่ต้องการ แถมเขาเองก็ได้ช่วยนางทำพันธสัญญากับสุ่ยจิงอิ๋งอีกด้วย

สำหรับจิ่วเยี่ยแล้วอาวุธศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมิได้มีแรงดึงดูดใดต่อเขาเลย!

พิฆาตวิญญาณเห็นอาการที่จิ่วเยี่ยแสดงต่อคำพูดของเขาราวกับมิได้สดับฟัง เจ้าหมอนี่หูหนวกหรือ?

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “เจ้านั้นดีกว่านังผู้หญิงไร้ประโยชน์นั่นมากนัก หากมิใช่เพราะวิญญาณของนางมีรสชาติอันโอชะละก็ นางก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นทาสกระบี่ของข้าเลย!”

.