ตอนที่ 1227 ดาวมฤตยูกับเทพมาร

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

คำพูดเพียงคำเดียวกลับทำให้จิ่วเยี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นได้

ไม่มีผู้ใดกล้าใส่ร้ายป้ายสีซีผู้ที่เป็นดั่งยอดดวงใจของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้านี่จะปรารถนาให้ซีเป็นทาสรับใช้ของเขาจริง ๆ

ความโกรธของจิ่วเยี่ยพลันดุร้ายยิ่งขึ้น พลังแห่งความมืดก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

“ข้าจะทำให้เจ้ายิ่งกว่าตายทั้งเป็น!”

พลังแห่งความมืดได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน และกวาดพุ่งไปที่พิฆาตวิญญาณ

พิฆาตวิญญาณรีบต้านทานเอาไว้

เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบบริเวณก็หายไปในทันที

พรวด! ถึงแม้ว่าพิฆาตวิญญาณจะต้านทานพลังนี้เอาไว้ได้ แต่มุมปากก็มีรอยเลือดไหลออกมา

ดวงตาอันกระหายเลือดคู่นั้นยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ “นึกไม่ถึงเลยว่าโลกนี้ยังมีผู้ประหลาดอย่างเจ้าอยู่ ผู้ประหลาดอย่างเจ้าสามารถมีชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้ มันช่างหาได้ยากเสียจริง”

“ข้ายิ่งรอคอยให้เจ้ามาเป็นทาสรับใช้ข้าเร็ว ๆ เสียแล้วสิ!”

ขอเพียงแค่สามารถเอาคนผู้นี้มาได้ และรอให้พลังฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นสูงสุด ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใดแล้ว!

“ฝันไปเถอะ!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ตูม ปัง ปัง!

พวกเขาทั้งสองเปิดศึกกัน ต่อสู้กันจนมืดฟ้ามัวดิน!

มู่เฉียนซีรู้ดีว่าการต่อสู้ของพวกเขาไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ภายในเวลาชั่วครู่

ทว่า สายตาของนางจ้องมองจิ่วเยี่ยอยู่ตลอดโดยไม่ละสายตาไปจากเขาเลย ถึงแม้ว่านางเพิ่งจะรักษาอาการบาดเจ็บไปได้เมื่อครู่ แต่ก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก

ทั้งสองต่อสู้กันได้อย่างสูสี แต่การต่อสู้มันดุเดือดตั้งแต่เริ่มแรก ตอนนี้จึงเริ่มเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

กฎ ไม่อาจฝ่าฝืนได้ ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของทั้งสองแล้ว

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวบนท้องฟ้าได้ฟาดฟันลงมา

และในขณะที่สายฟ้านั้นฟาดลงมาบนร่างของจิ่วเยี่ย สุ่ยจิงอิ๋งก็ลงมือแล้ว ลำแสงสีฟ้าอ่อนส่องประกายขวางสายฟ้านั้นเอาไว้ได้

“บัดซบ!” ต่อให้พิฆาตวิญญาณจะไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงที่อ่อนแอมาก เมื่อเผชิญกับสายฟ้าลงทัณฑ์ปกป้องดินแดนอันแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

เขาต้องการหลบหลีกจากสายฟ้านั้น แต่จู่ ๆ มิติบริเวณโดยรอบถูกปิดกั้นเอาไว้แล้ว ทำให้เขาไม่สามารถไปไหนได้

พิฆาตวิญญาณกัดฟันกรอดและกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้า…”

“พิฆาตวิญญาณ เจ้าช่างกล้าหาญไม่เบาเลย รู้ทั้งรู้ว่าซีเอ๋อร์เป็นเจ้านายของข้า นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็ยังทำเช่นนั้นกับนางได้ ตอนนี้ข้าไม่สามารถโจมตีเจ้าได้ แต่การกักขังเจ้า ข้ายังทำได้” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

พิฆาตวิญญาณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะควบคุมให้มู่เฉียนซีกลายเป็นทาสรับใช้ของเขา กลายเป็นมือสังหารที่กระหายเลือด จากนั้นยังคิดที่จะกลืนกินวิญญาณของมู่เฉียนซีอีก ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ผู้พิทักษ์อย่างสุ่ยจิงอิ๋งจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไรกันเล่า

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับเจ้านายที่ไร้ประโยชน์นี่ สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าเป็นถึงความภาคภูมิใจของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์เชียวนะ!” พิฆาตวิญญาณกล่าวอย่างเย็นชา

“ซีเอ๋อร์ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อย่างที่เจ้าว่า เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ นางฝึกบำเพ็ญได้เพียงแค่ไม่นาน แน่นอนว่าพลังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ต่อไปในภายภาคหน้า นางไม่มีทางทำให้ข้าผิดหวังแน่นอน”

“เยี่ยม! เยี่ยมมาก! เจ้า มังกรวารีและเจ้าสวะไร้ประโยชน์นั่นก็ยอมรับเจ้าคนไร้ประโยชน์ผู้นี้แล้วใช่ไหมล่ะ เหอะ! แต่ว่าข้าไม่ยอมรับ ในโลกใบนี้ ไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะเป็นเจ้านายของข้าแม้แต่คนเดียว ต่อให้เป็นคนที่พวกเจ้ายอมรับก็ตาม”

เปรี้ยง! ทันทีที่พิฆาตวิญญาณกล่าวจบ สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าห่อหุ้มพิฆาตวิญญาณเอาไว้

“ฮือ ๆ ๆ! พิฆาตวิญญาณ…พิฆาตวิญญาณ…” มังกรเพลิงร้องห่มร้องไห้ขึ้นอีกครา

ถึงแม้ว่าพิฆาตวิญญาณจะโหดร้ายกับมัน จะกลืนกินมัน แต่มังกรเพลิงก็ยังเป็นห่วงผู้ที่เกิดมาพร้อมกับมันเป็นร่างเดียวกับมันอย่างพิฆาตวิญญาณอยู่ดี

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “มังกรเพลิงน้อย เจ้าก็ไม่ดูเอาซะเลยว่าเขาเป็นใคร เขาคือพิฆาตวิญญาณนะ! ดวงจิตจะดับสลายไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ นี่ก็เป็นแค่บทลงโทษสำหรับเขาก็เท่านั้น”

มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ทั้งเก้า พิฆาตวิญญาณเป็นผู้ที่โหดร้ายและกระหายเลือดที่สุดแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ด้วยมิตรภาพระหว่างพวกเขาแล้ว สุ่ยจิงอิ๋งก็ไม่อาจทำให้ดวงจิตของเขาดับสลายไปได้แน่นอน

เมื่อสายฟ้าฟาดลงมา พิฆาตวิญญาณก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว

และจิ่วเยี่ยก็ได้ดึงพลังของตัวเองกลับมาและกลับไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี กอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น

“โชคดีที่ซีไม่เป็นอะไร!”

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ในขณะที่จิ่วเยี่ยกอดคนงามอยู่นั้น พิฆาตวิญญาณกลับน่าสังเวชมาก

สายฟ้าฟาดเพียงครั้งเดียวมันยังไม่พอ สายฟ้าฟาดลงมาทั้งหมดเก้าครั้งอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่สายฟ้าทั้งเก้าฟาดลงมาจนสิ้น พิฆาตวิญญาณก็จ้องมองมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง และไม่ทันที่เขาจะลงมือ จิ่วเยี่ยก็ชิงลงมือโจมตีเขาเสียก่อน

ตูม ตูม ตูม!

เดิมทีพิฆาตวิญญาณก็อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อถูกสายฟ้าฟาดลงมาเก้าครั้งเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขาอ่อนแอมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารของจิ่วเยี่ยเช่นนี้ เขาก็รับมือเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

และสิ่งที่หนักไปกว่านี้ก็คือ…

ดวงตาสีเลือดคู่นั้นของพิฆาตวิญญาณพลันจางลงเรื่อย ๆ เขากัดฟันกรอดสบถด่า บัดซบ!

เขาจ้องมองมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย และหมอกเลือดก็ได้แผ่ซ่านออกมา

“แมวน้อย เจ้าหมาป่าดำ วันนี้ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว สักวันเราต้องได้เจอกันอีกแน่ พวกเจ้าไม่มีทางหนีรอดแน่นอน”

จิ่วเยี่ยต้องการลงมือปิดกั้นบริเวณรอบ ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าพิฆาตหนีไปได้ มิเช่นนั้นจะต้องเกิดเรื่องไม่จบไม่สิ้นแน่

และในขณะที่จิ่วเยี่ยจะลงมือขวางพิฆาตวิญญาณนั้น จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือดลง ทำได้แค่ปล่อยให้พิฆาตวิญญาณหนีไปได้เท่านั้น

จิ่วเยี่ยรีบกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ มู่เฉียนซีโยนกระบี่มังกรเพลิงเข้าไปในมิติปิดผนึกเอาไว้ก่อน “มังกรเพลิง เจ้ากินผนึกราชาอัคคีแล้วก็มาทำให้ข้าเพลิดเพลินใจเร็ว ๆ เข้านะ ครั้งหน้าไม่รู้ว่าเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นจะโผล่ออกมาอีกเมื่อไหร่ เจ้าจะต้องรีบแข็งแกร่งเร็ว ๆ เข้าล่ะ”

มังกรเพลิงกล่าว “อืม นายท่าน ข้าเข้าใจแล้ว”

การต่อสู้ในครั้งใหญ่นี้คงจะดึงดูดผู้คนจำนวนมากแน่ ๆ จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีออกไปจากเมืองหานหลงไปอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ เมืองหานหลงแทน

เมื่อเข้ามาถึงในห้อง จิ่วเยี่ยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ซี ช่วยข้าด้วย!”

มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าพลังของคำสาปนั้นไหลล้นออกมา นางรีบเอาเข็มยาที่เตรียมเอาไว้เหล่านั้นออกมาและฉีดให้กับจิ่วเยี่ย แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่

“จะทำเช่นไรดี?”

“ผนึกมีช่องโหว่เพียงแค่ช่องเดียว ข้าสามารถยับยั้งได้”

“ซีเหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ!” จิ่วเยี่ยผลักมู่เฉียนซีลงบนเตียง และเขาก็อยู่ข้าง ๆ นาง

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะนอนหลับได้ยังไง หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ข้าคงหนีไปตั้งนานแล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องสู้รบกับเจ้านั่น”

“มันกล้าทำเช่นนั้นกับซี ข้าจะปล่อยมันไปได้ยังไง หากนอนไม่หลับ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

จิ่วเยี่ยจูบหน้าผากมู่เฉียนซีเบา ๆ กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกไหลเข้าสู่สมองของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรู้สึกง่วงขึ้นเรื่อย ๆ และนางก็หลับไปในที่สุด

หลังจากที่มู่เฉียนซีนอนหลับไป อักขระสาปสีดำเส้นบาง ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ่วเยี่ย

ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกของเขามองร่างมู่เฉียนซีที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ และเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นในดวงตาคู่นั้น แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไร

ระดับพลังวิญญาณของซีถดถอยลง ร่างกายก็อ่อนแอ ถึงแม้ว่าต้องอดทนด้วยความทรมานเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ครั้นแล้วเขาจึงหลับตาลง กำหนดลมหายใจเข้าออก จะต้องยับยั้งพลังของคำสาปเอาไว้ให้ได้

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “จิ่วเยี่ย ตอนนี้เจ้ากลับไปแดนนรกก่อนจะดีกว่านะ สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก”

มิเช่นนั้นนอกจากดาวมฤตยูที่ถูกส่งไปอย่างพิฆาตวิญญาณแล้ว เกรงว่าซีเอ๋อร์จะต้องเผชิญกับเทพมารผู้น่ากลัวอย่างจิ่วเยี่ยผู้นี้อีก

จิ่วเยี่ยกล่าว “ตอนนี้ข้ายังไปจากซีไม่ได้ หากเจ้านั่นย้อนกลับมาหลังจากที่ข้าไป เจ้าจะต้านทานได้เหรอ”

สุ่ยจิงอิ๋งถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องอดทนให้ได้!”